ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 147.2 ข้ามีนัดกับเทพแห่งโชค (2)
‘สตรีผู้นั้น’ แอบบีบนิ้วคำนวณ แต่นางก็ไม่อาจรู้ตัวตนของผู้ที่อยู่ตรงหน้านางได้
หลี่ฉางโซ่วเริ่มเอ่ยก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและช้าเล็กน้อยพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาช้าๆ เช่นกัน
“ข้าคือเทพแห่งท้องทะเลของสถานที่แห่งนี้ นี่คือร่างจำแลงของข้า สหายเต๋า เหตุใดถึงอยากพบข้า” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างพอเหมาะสม เพื่อไมให้เป็นที่สงสัยและตกเป็นเป้า
มันเป็นทักษะการพรางตัวที่ยอดเยี่ยม เมื่อคนผู้นั้นกล่าวว่า “ท่านคือร่างจำแลงและรูปลักษณ์ของท่านก็ย่อมจะปลอมเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราก็เท่ากัน เหตุใดท่านไม่เปิดเผยร่างกายที่แท้จริงออกมาในขณะที่ข้าจะกลับไปที่รูปลักษณ์ดั้งเดิมของข้าเช่นกัน” เมื่อหลี่ฉางโซ่วได้ยินเช่นนั้น เขาก็คิดกับตัวเองว่า ยอดเยี่ยมจริงๆ อีกฝ่ายดูเหมือนจะพูดง่ายๆ เพียงสองสามคำ แต่จริงๆ แล้วซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เพียงไม่กี่ประโยค เขาก็รู้จุดสำคัญที่พอจะคาดเดาได้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่อาจรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ แต่เมื่อดูจากขอบเขตพลัง อักขระเต๋า และสภาพแวดล้อมเช่นในโลกบรรพกาล…
หลี่ฉางโซ่วอยากจะเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างสามปรมาจารย์สูงสุดแห่งเต๋าเป็นเพราะพวกเขามีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่างเทพ เขาไม่อยากเชื่อคำพูดของบุคคลนั้น เขารู้สึกว่ามันมีความหมายตื้นเขินเกินไป!
หลี่ฉางโซ่วพูดช้าๆ “สหายเต๋า เจ้าคงล้อเล่น หากข้าเผยตัวเองได้จริง ๆ แล้วเหตุใดถึงต้องทำให้ใบหน้าของรูปปั้นพร่ามัว”
“ใช่ ข้าก็คิดไม่ถึง”
“สหายเต๋า เหตุใดถึงไม่แปลงร่างเป็นบุรุษเล่า” หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “น้ำเสียงของเจ้าแตกต่างจากผู้หญิงมากเกินไป ไม่กระดากบ้างหรือ” “ฮะฮะฮะ คิดเช่นนั้นหรือไม่”
‘ผู้หญิง’ ยิ้มกระดากและลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปรอบ ๆ แล้วเปล่งแสงเซียนออกมารอบกายนางอย่างต่อเนื่อง จากนั้นนางก็กลายร่างเป็นชายร่างกำยำและสง่างามทันที
เขามีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หน้าผากโหนกเต็ม และมีเคราสีดำ ดวงตาที่เรียวยาวของเขาส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายใน
ในขณะนี้อักขระเต๋าลึกลับของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น
ชายคนนั้นลูบเคราของเขาพลางกล่าวว่า “ช่างเถิด ช่างเถิด ข้าจะแสดงร่างที่แท้จริงของข้า รู้จักข้าหรือไม่สหายเต๋า” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง หลี่ฉางโซ่วแอบขมวดคิ้วอย่างลับๆ…ร่างที่แท้จริง?
เขากำลังโป้ปดอย่างไร้ยางอายที่เอาแต่กล่าวไร้สาระ แต่สีหน้าดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง เขา หลี่ฉางโซ่ว ยอมรับความพ่ายแพ้และรู้สึกละอายใจ! หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “อภัยด้วยที่ข้าโง่เขลา แต่ข้าไม่รู้ตัวตนแท้จริงของเจ้าจริงๆ” “เอ่อ นี่ เจ้าไม่รู้จักข้าจริงๆหรือ” คนผู้นั้นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้าอยู่ในสำนักมานาน จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับโลกภายนอกจริงๆ”
“นั่นไม่ง่ายขึ้นกว่าเดิมหรือ!!”
คนผู้นั้นปรบมือและหัวเราะลั่น เขาอารมณ์ดี ขณะนั่งขัดสมาธิบนเบาะนั่งสมาธิและพูดเร็วขึ้นมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดีจริงที่เจ้าไม่รู้จักข้า ไม่รู้จักข้าก็ไม่อายหรอก! วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อขอคำแนะนำจากเทพแห่งท้องทะเล ท่านพัฒนาสำนักเทพทะเลเล็กๆ ให้ใหญ่โตอย่างรวดเร็วได้อย่างไร พูดตามตรง มีสหายที่ดีมากมายในสำนักของข้าก่อตั้งสำนักจำนวนมากในห้าดินแดนเทวะ แต่มันไม่ยั่งยืน แม้พวกเขาจะตั้งขึ้นโดยถูกบังคับให้ตั้งขึ้น แต่ก็มีสานุศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น จำนวนเครื่องสักการะที่พวกเขามีก็น้อยกว่าของเจ้ามาก ข้ามาที่นี่วันนี้ เพื่อถามแทนพวกเขา สหายเต๋า ช่วยชี้แนะข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าไม่ขอคำแนะนำเปล่าๆ แน่ หากท่านตกลง ข้าจะมอบสมบัติของข้าให้เอง!”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้ว
ทันทีที่กล่าว เขาก็ถามถึงความลับของการพัฒนาอย่างรวดเร็วของสำนักเทพทะเลทักษิณ?
เรื่องนี้ง่ายมาก ก่อนอื่นต้องมีกลุ่มพ่อมดและทูตเทวะที่หลงใหลความมั่งคั่งและแข็งแกร่งดุจวัวกระทิง พวกเขาใช้กล้ามเนื้อเพื่อโน้มน้าวมนุษย์
เมื่อการพัฒนาถึงระดับหนึ่งแล้ว ให้เผ่ามังกรโบราณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และมอบหนึ่งในสี่ส่วนของบุญของข้าเพื่อล่อให้เผ่ามังกรสนับสนุนการพัฒนาของสำนักเทพทะเล จากนั้นข้าก็สร้างรูปปั้นมังกรแท้สองสามตัวปรากฏเอาไว้ในทุกที่…
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่พูดเช่นนั้น เขาตัดสินใจหลอกเพื่อสร้างปัญหากับอีกฝ่าย “ในด้านวิธีการ จริงๆ แล้ว ข้าสามารถเอาชนะใจพวกเขาได้ด้วยความจริงใจ ข้าปฏิบัติต่อผู้นับถือศรัทธาข้าด้วยความจริงใจ ซึ่งจะทำให้พวกเขาถวายเครื่องสักการะให้ข้าด้วยความจริงใจเช่นกัน”
โดยไม่คาดคิด…
“ใช้ความจริงใจแลกกับความจริงใจกลับมา?” คนผู้นั้นลูบเคราของเขาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “สหายเต๋า ท่านพูดได้ถูกต้องแล้ว ข้าคิดมากเกินไป พวกเขาเพียงต้องการใช้สำนักของพวกเขาเพื่อปกปิดบุญจากเครื่องสักการะ แต่พวกเขาก็ละเลยที่จะปกป้องมนุษย์ที่ศรัทธาพวกเขา”
ขณะกล่าว เขาก็ยืนขึ้นและทำการคารวะเต๋าให้หลี่ฉางโซ่ว
จากนั้นเขาก็หยิบพัดออกมาจากกระเป๋าหน้าอกและกล่าวอย่างจริงจังว่า “นี่เป็นของเล็กน้อย ขอบคุณท่านที่ชี้แนะข้า”
กล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากวิหาร จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆ บินขึ้นไปบนก้อนเมฆของเขา
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสงสัยในใจอย่างยิ่งพลางมองไปที่แสงแห่งวิญญาณที่แผ่ออกมาจากพัด และไม่รู้ว่าควรหยิบมันขึ้นมาดีหรือไม่
เขาคาดไม่ถึง…มันดูไม่ถูกต้องนัก…
ในขณะนั้น อ๋าวอี่ใช้เจตจำนงวิญญาณของเขาส่งเสียงไปยังรูปปั้นเทพเจ้าหลัก “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก สิ่งที่ท่านกล่าวว่าแลกเปลี่ยนความจริงใจด้วยความจริงใจนั้น ช่างน่าชื่นชมจริงๆ ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก
เป็นรองเจ้าสำนักยังเชื่อคำโกหกที่ไร้สาระของเขาด้วยหรือ
อ๋าวอี่หัวเราะและถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าไม่รู้จะยกย่องศิษย์พี่เจ้าสำนักอย่างไรจริงๆ ที่สามารถจัดการท่านอาจารย์ลุงของข้าได้อย่างสงบเช่นนี้ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วผงะงันแล้วกล่าวผ่านพลังปราณส่งเสียงออกไป
เขาถามว่า “คนผู้นี้คือเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหรือ ผู้ใดกัน”
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านไม่รู้จักเขาจริงๆ หรือ” อ๋าวอี่ถามด้วยความสงสัย
“แน่นอน ไยต้องปดเจ้าเล่า”
อ๋าวอี่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าคิดว่าอักขระเต๋า รูปร่าง ใบหน้าและอารมณ์ของเขาไม่เลว เขาเป็นหนึ่งในศิษย์นอกสำนักของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เขาเป็นหนึ่งในแปดศิษย์ที่อยู่ภายใต้เจ้าสำนัก นอกจากนี้ยังถือว่าเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ปรากฏตัวบ่อยที่สุดในสำนักของเรา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม…นักพรตเต๋ากงหมิง”
หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่เขา แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็หันกลับมาและบินออกไป พร้อมกับนำพัดกระดาษไปด้วย
บัดซบ!
แค่กๆ ข้าพูดหยาบคายไม่ได้ คนที่ปลอมตัวเป็นสตรีมาเยี่ยมชมวิหารคือ จ้าวกงหมิง!
เขาเป็นน้องชายของจักรพรรดินีซานเซียว และเป็นคนสำคัญในการแต่งตั้งเทพ เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเอาชนะเหล่าสิบสองเซียนจินของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานได้สองสามคนติดต่อกัน!
ข้าไม่อาจรับสมบัติวิญญาณนี้ได้โดยไม่ตั้งใจ
ข้าต้องแก้ไขสถานการณ์!
ทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็รีบไล่ตามเขาไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยลี้แล้ว เขาเห็นด้านหลังของจ้าวกงหมิงจากระยะไกลและตะโกนออกไปทันทีในขณะที่อยู่บนก้อนเมฆว่า “สหายเต๋า ช้าก่อน…โปรดรอก่อน!”
จ้าวกงหมิงกำลังจะหันหลังกลับ แต่จู่ๆ ก็เห็นบางอย่างเกิดขึ้นที่ด้านข้างของหลี่ฉางโซ่ว
ทันใดนั้น ก็มีกระแสแสงพุ่งมาจากจากระยะไกล และกลายเป็นนักพรตเต๋าหลังค่อมที่แต่งกายด้วยผ้าขี้ริ้วและถือไม้เท้า เขาขวางกั้นเส้นทางของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ลมปราณของนักพรตเต๋าที่หลังค่อมนั้นสงบมาก เขามีรอยยิ้มบนใบหน้าและมีท่าทีธรรมดามาก ให้บรรยากาศที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าถึงได้
วันนี้มันวันบ้าอะไรกันนี่
เหล่าปรมาจารย์จะมาปรากฏตัวกันทีละคนได้อย่างไรกัน
หลี่ฉางโซ่วหยุดทันทีขณะที่ยังคงตื่นตัว จากในระยะไกลนั้น จ้าวกงหมิงก็หันกลับมา และนักพรตเต๋าที่หลังค่อม จู่ๆ ก็เหลือบมองจ้าวกงหมิงด้วยหางตาของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงยิ้มให้กับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และกล่าวว่า “ข้าเป็นศิษย์คนที่สามของจอมปราชญ์เทพแห่งภูเขาหลิงซาน ข้ารอท่านเทพแห่งท้องทะเลที่นี่มานานแล้ว หากข้าจำไม่ผิด เทพแห่งท้องทะเลและสำนักบำเพ็ญประจิมมี…”
“ช้าก่อน!”
หลี่ฉางโซ่วตะโกนและทำให้นักพรตเต๋าหลังค่อมตกตะลึงเช่นกัน
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงขับเคลื่อนเมฆพุ่งมา และความคิดของหลี่ฉางโซ่วก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมที่เขาคาดการณ์ไว้ ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ !
ในขณะนั้น…อย่างแรกเขากลัวที่จะได้ยินเรื่องไร้สาระเช่น ‘เจ้าและสำนักบำเพ็ญประจิมมีชะตาลิขิตต่อกัน’
ประการที่สอง เขาไม่ต้องการที่จะตกลงไปในวังวนของสำนักบำเพ็ญประจิมและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย…
หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ร้องตะโกนและตัดกรรมในที่นั้นทันที!
“ข้าเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าของสำนักบำเพ็ญเต๋า สำนักเสวียนเสิ่นเมี่ยว! ข้าจะมีชะตาลิขิตกับสำนักบำเพ็ญประจิมได้อย่างไร สหายเต๋า หยุดเอ่ยวาจาไร้สาระ!”
ทันทีที่กล่าวจบ จู่ๆ ก็มีประกายไฟปรากฏขึ้นรอบๆ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ และมันก็ระเบิดออกต่อหน้านักพรตเต๋าที่หลังค่อมและจ้าวกงหมิง! “ข้าเป็นร่างจำแลงจากสำนักเสวียน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญประจิม!”
และหลังจากนั้น กฎห้ามในการระเบิดตัวเองที่เขาเตรียมการมาหลายปีนั้น บัดนี้ ก็มีประโยชน์ขึ้นมาแล้วจริงๆ