ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 15 บุรุษรูปงามผู้ไม่ขอให้เอ่ยนาม
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!”
เพียงแค่ไอออกมาสองสามครั้ง ก็ยังทำให้โหย่วฉินเสวียนหย่ารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างจนต้องตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากการนอนหลับของนาง
ข้าอยู่ที่ใดกัน
โหย่วฉินเสวียนหย่าลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวังด้วยความตื่นตระหนก ดวงตาสีดำเข้มของนางสาดประกายแสงสีแดงอ่อน ทำให้ถ้ำที่มืดมิดนี้สามารถมองเห็นได้กระจ่างด้วยดวงตาของนางในทันใด
เป็นเรื่องปกติที่ผู้บำเพ็ญขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสี่เฉกเช่นนางจะสามารถมองเห็นได้ในความมืดโดยที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนวิชาเวทพิเศษใดๆ
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของนางก็คือ ก้อนหินขนาดมหึมาที่ปากถ้ำ หินก้อนนี้น่าจะถูกขุดออกมาจากในที่แห่งนี้เพราะมันดูเข้ากับโครงร่างของปากถ้ำได้พอดี ในขณะที่ยังมีช่องว่างเล็กๆ โดยรอบเพื่อปล่อยให้ลำแสงลอดผ่านเข้ามาได้เล็กน้อย
เวลานี้น่าจะเป็นเวลากลางคืนเพราะแสงที่ส่องลอดเข้ามาเป็นแสงสลัวมาก
โหย่วฉินเสวียนหย่าแผ่กระจายพลังปราณสัมผัสรับรู้ของนางออกไป จึงพบว่ามีเพียงสัตว์พิษอยู่ไม่กี่ตัวในรัศมีห่างออกไปหลายลี้รอบกายนาง แต่นอกจากนางแล้ว ก็ไม่มีมนุษย์คนใดอีก
ข้าปลอดภัยแล้วหรือ
มีหลายภาพผุดขึ้นมาในใจนาง นางถูกศัตรูมากมายปิดล้อมเอาไว้และถูกจับหลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังเตรียมหนอนกู่พิษรัก นางก็ฉวยโอกาสใช้วัตถุล้ำค่าเคลื่อนย้ายสถานที่ ซึ่งอาจารย์ของนางมอบไว้ให้ และหลบหนีออกมาได้ไกลนับพันลี้
โหย่วฉินเสวียนหย่าไม่อาจกำหนดสถานที่ในการเคลื่อนย้ายด้วยวิธีเช่นนี้ได้ มันเป็นการเคลื่อนย้ายที่เสี่ยงมาก ทว่าโชคยังดีที่นางตกลงมาในที่ที่มีฝนตก และภายใต้ม่านฝนหนาหนักนั้น นางก็ได้เห็นศิษย์พี่ที่เพิ่งได้พบพานกันเมื่อไม่นานมานี้…
เขาช่วยข้า?
ครั้นเมื่อเห็นยันต์สองกองและขวดกระเบื้องสองสามขวดซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลจากมือของนาง โหย่วฉินเสวียนหย่าก็พลันตื่นตกใจยิ่ง
หลังจากนั้นนางก็ก้มศีรษะลงมองร่างของนาง ทันใดนั้นใบหน้าที่ค่อนข้างซีดขาวก็พลันแดงก่ำขึ้นมา นางกัดริมฝีปากสีชมพูบอบบางของนางเบาๆ
น่าเสียดายนักที่ในเวลานี้ ไม่มีผู้ใดได้ชื่นชมความงามสุดแสนเลิศล้ำเฉกเช่นในยามที่นางเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นนี้
หลี่ฉางโซ่วเองนั้นก็ได้จากไปนานแล้ว
เหตุผลที่จู่ๆ โหย่วฉินเสวียนหย่าเขินอายอย่างยิ่งเช่นนี้ ก็เพราะนางมีบาดแผลมากกว่าสิบแห่งอยู่ทั่วเรือนกาย ทว่าบัดนี้บาดแผลทั่วร่างของนางกลับได้รับการรักษาและพันผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว
ผ้าพันแผลที่พันบาดแผลนั้นคือ ‘สายรัดรวมลมปราณกักโลหิต’ ซึ่งถูกแจกจ่ายให้กับบรรดาศิษย์ของสำนักตู้เซียน มันทำมาจากผ้าลินินสะอาดซึ่งถูกต้มผสมกับสมุนไพรและโอสถมากมายหลากหลายชนิด
ว่ากันตามจริงแล้ว วิธีการพันแผลนั้นสมบูรณ์แบบทีเดียว ด้านในของสายรัดรวมลมปราณกักโลหิตนั้นก็ถูกเคลือบทาด้วยขี้ผึ้งวิญญาณที่ใช้รักษาบาดแผลพิษ และในเวลานี้บาดแผลของนางส่วนใหญ่ก็หายดีเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว เหลือแต่เพียงยังมีความเจ็บปวดที่ยังคงไม่บรรเทาลงไปเท่าใดนักเท่านั้น
ทว่า…บาดแผลที่ไหล่และใต้ซี่โครงซ้ายของนางนั้นลึกมาก และเมื่อพันผ้าพันแผลก็ต้องพาดผ่านหน้าอกของนาง ซึ่งหมายความว่าคนผู้นั้นจะต้องถอดส่วนบนและเลื่อนชุดกระโปรงยาวออกจากไหล่ของนางด้วย…นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนตัวมากกว่านั้นอีก ดั่งเช่น เรียวขา เอว…และอื่นๆ…
เพียะ! จู่ๆ โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ยกมือขวาขึ้นตบแก้มตัวเองแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ศิษย์พี่ฉางโซ่วช่วยชีวิตข้าและรักษาบาดแผลให้ข้าด้วยความอดทนเช่นนี้ แล้วในใจของข้ายังจะไปสงสัยในความเป็นสุภาพชนของศิษย์พี่ผู้นี้ได้อย่างไรกัน”
บัดนี้ดวงตาของนางกลับคืนสู่ความสงบนิ่งเป็นปกติอย่างรวดเร็ว นางสำรวจภายในร่างของนางเอง ก็พบว่าลมปราณของนางสงบนิ่งลง ส่วนอาการบาดเจ็บโดยรวมก็เกือบหายดีแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามีคนช่วยปรับลมปราณให้นางอีกด้วย
นางเอียงศีรษะมองไปยังจุดที่นางนอนอยู่ก่อนหน้านี้ จึงพบว่ามีหนังแกะกองหนึ่งวางพับอยู่ใต้ศีรษะของนาง มันถูกใช้เป็นเสมือนหมอนสำหรับนางซึ่งยังมีคราบโลหิตติดกรังอยู่ และดูเหมือนว่ามันจะมีถ้อยคำเขียนเป็นประโยคอยู่บนนั้น
เมื่อหยิบมันขึ้นมามองดูใกล้ๆ นางก็พบประโยคย่อหน้าหนึ่งถูกเขียนเอาไว้และมีแผนที่ที่ถูกวาดขึ้นมาอย่างง่ายๆ นางจึงอ่านในใจ…
‘พวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องคิดอันใด สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากป่าสมบัติโกลาหลไปสองพันลี้ซึ่งมีแผนที่แนบเอาไว้ด้านล่างเพื่อให้เจ้าสามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้
รักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ย่อมเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด นอกจากนี้ยังมียันต์ไล่ไอพิษ ยันต์เร้นร่องรอย โอสถขจัดพิษ และโอสถเสริมปราณวางอยู่ข้างกายเจ้า
ศิษย์น้องหญิง ข้าขอมอบคำพูดบางอย่างให้เจ้า ใจคนล้ำลึกสุดหยั่ง จงอย่าไว้ใจผู้ใดโดยง่าย ทางข้างหน้าล้วนอันตราย ข้าเพียงหวังให้เจ้าถนอมตัวดีๆ
…จากบุรุษรูปงามผู้ไม่ขอให้เอ่ยนาม’
โหย่วฉินเสวียนหย่ากะพริบตาทันทีที่อ่านซ้ำบรรทัดสุดท้าย มีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ภายในนั้นซึ่งนางไม่เข้าใจความหมายของมัน…
ทันใดนั้นถ้อยคำเหล่านี้ก็จางลงอย่างรวดเร็ว และภายในไม่กี่อึดใจต่อมามันก็หายไปจนหมดสิ้น โชคดีที่แผนที่ด้านล่างไม่ได้ถูกร่ายเวทแบบเดียวกัน ภาพวาดของลักษณะพื้นที่และขนาดสัดส่วนของแผนที่ที่วาดเอาไว้นี้ค่อนข้างละเอียด ทั้งยังลงรายละเอียดและตำแหน่งที่อยู่ในขณะนี้ของโหย่วฉินเสวียนหย่า โดยระบุเครื่องหมายพิเศษเอาไว้ให้อีกด้วย
ต้องกล่าวว่าเส้นทางที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่นั้นตรงกันข้ามกับเส้นทางที่หลี่ฉางโซ่วกำลังไปในขณะนี้อย่างสิ้นเชิง
ศิษย์พี่ฉางโซ่วผู้นี้…ช่างรอบคอบและใจดียิ่ง
โหย่วฉินเสวียนหย่าขมวดคิ้วมุ่น แล้วม้วนพับแผนที่หนังแกะเอาไว้ ใบหน้าของนางดูเคร่งขรึมขึ้นขณะพึมพำออกมาว่า “หากในครั้งนี้ เสวียนหย่ารอดชีวิตไปได้ ข้าจะทุ่มเททำทุกอย่างสุดกำลังเพื่อตอบแทนน้ำใจของศิษย์พี่”
เมื่อกล่าวจบ นางก็มอบการคารวะเต๋าให้แก่ม้วนแผนที่หนังแกะก่อนจะเก็บมันเอาไว้
นางก้มศีรษะลงมองยันต์ไล่ไอพิษและยันต์เร้นร่องรอยที่ติดอยู่บนไหล่ของนางในเวลานี้ แล้วก็พบว่ายันต์ทั้งสองยังคงมีพลังเพียงพอ จึงยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนพวกมัน
เมื่อรวบรวมเก็บโอสถและยันต์ เครื่องรางของขลังต่างๆ ที่อยู่ด้านข้างของนางแล้ว โหย่วฉินเสวียนหย่าก็นั่งลงตรงจุดนั้นและเริ่มปรับลมปราณของนาง เพื่อฟื้นฟูสภาพของนางให้คืนกลับสู่สภาวะที่ดีที่สุดอีกครั้ง
กระบี่ใหญ่ของนางที่วางอยู่ตรงมุมห้องในเวลานี้พลันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาโดยรอบ รัศมีดาบก็ค่อยๆ เริ่มฟื้นฟูพลังขึ้นมา
มีภาพร่างสองร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นในใจของนาง…
คนทางซ้ายคือหยวนชิง สหายรักในวัยเยาว์ซึ่งตามไปเข้าร่วมสำนักตู้เซียนพร้อมกับนาง ทุกครั้งที่นางปรากฏตัว จะถูกตามติดอย่างรวดเร็วโดยหยวนชิง
ทว่านานมาแล้วที่โหย่วฉินเสวียนหย่าได้ตระหนักว่าคนใกล้ชิดที่เติบโตขึ้นมาจากอาณาจักรเดียวกันดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ใช่คนแบบที่เขาเผยให้เห็น ดังนั้นนางจึงจงใจรักษาระยะห่างของนางเอาไว้ตลอดเวลา
แต่นางก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนผู้นี้จะชั่วร้ายไร้ความปรานีภายใต้หน้าซื่อใจคดที่แสร้งทำตัวอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาทุกวัน!
แล้วเกิดอันใดขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้เล่า
หยวนชิงพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อจับนาง แล้วยังคิดจะฝังหนอนกู่พิษรักไว้ในร่างของนางเพื่อบังคับให้นางยอมเชื่อฟัง ให้เป็นเพียงของเล่นของเขา กลายเป็นคนที่ต้องทำตามคำสั่งของเขาเพื่อจะสร้างปัญหาวุ่นวายต่างๆ ในภายภาคหน้าอีกด้วย!
หากนางไม่มีวัตถุเวทล้ำค่าของอาจารย์ ในขณะนี้นางก็คงจะถูกหนอนกู่พิษรักควบคุมอยู่ และเกรงว่าแม้จะอยากตายก็ยังเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำ!
ใจคนล้ำลึกสุดหยั่ง ศิษย์พี่ฉางโซ่วกล่าวได้ถูกต้องจริงๆ
เมื่อคิดเช่นนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็หัวเราะอย่างสังเวชตนเองออกมา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าโลกนี้ช่างเป็นสถานที่เย็นชานัก ยามนี้นางรู้สึกผิดหวังเจือคับแค้นใจอย่างสุดซึ้ง
ทว่าระหว่างคนสองคนที่ปรากฏขึ้นในใจนางนั้น คนทางขวาที่เดิมทีดูเลือนรางดั่งสายลมในคราแรกนั้น เมื่อเวลาผ่านไป กลับดูค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพียงภาพใบหน้าด้านข้างของใครบางคนที่หันกลับไปและแผ่นหลังที่นางประทับใจอย่างลึกซึ้ง
ก่อนงานชุมนุมครั้งนี้ เสวียนหย่าไม่เคยพบศิษย์พี่ฉางโซ่วผู้นี้มาก่อนเลย และยังรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าผู้บำเพ็ญขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นเก้าคิดจะไปยังดินแดนเทวะอุดรเพื่อค้นหาสมุนไพร
สิ่งที่ทำให้โหย่วฉินเสวียนหย่าประทับใจล้ำลึกที่สุดก็คือ ศิษย์พี่ผู้นี้จะป่วยด้วยโรคชักกระตุกเมื่อสัมผัสสตรีทุกครั้ง!
เดี๋ยวนะ! ในเมื่อศิษย์พี่ฉางโซ่วผู้นี้เป็นโรคนั้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงอดทนต่อความเจ็บปวดจากอาการชักจนมีน้ำลายฟองฟอดเต็มปาก เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและพันแผลให้นางมากกว่าสิบครั้ง!
ช่างเสียสละและเปี่ยมคุณธรรมอย่างยิ่ง!
บัดนี้ในใจของโหย่วฉินเสวียนหย่านั้น ได้เติมเต็มช่องว่างในความทรงจำด้วยจินตนาการของนางเองเรียบร้อยแล้ว ในถ้ำที่มืดมิดและคับแคบนั้น ศิษย์พี่ผู้หนึ่งกำลังตัวสั่นและหอบหายใจลำบาก ทั้งแขนขาและมือเท้าของเขาก็บิดจนผิดรูป ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ดวงตาของเขายังคงฉายแววเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นในขณะที่กำลังยื่นมือเข้าไปช่วยนาง…และชุดกระโปรงเทพธิดาสีแดงเพลิงของหญิงสาวที่หมดสติอยู่บนพื้นก็ค่อยๆ ถูกถอดออก…
เพียะ!
โหย่วฉินเสวียนหย่ายกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอีกครั้ง
ศิษย์พี่ต้องทนรับความเจ็บปวดอย่างหนักเพื่อช่วยรักษาข้า แล้วในยามนี้ ข้ายังกล้ากังขาในความเป็นสุภาพชนของศิษย์พี่ได้อย่างไรกัน! โหย่วฉินเสวียนหย่า เจ้ากลายเป็นคนต่ำช้าน่ารังเกียจเช่นนี้เมื่อใดกัน
โหย่วฉินเสวียนหย่ากัดริมฝีปากของนางแล้วทำการคารวะเต๋าให้กับแผนที่หนังแกะอีกครั้ง
“ในภายภาคหน้าหากมีโอกาสตอบแทนศิษย์พี่ฉางโซ่ว ข้าจะไม่ตระหนี่ตนและไม่ลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น”
ขณะที่นางเอ่ยสัตย์สาบานนี้ออกมาเสียงลั่น ดวงตาของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ฉายความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวยิ่งขึ้น จากนั้นนางก็เก็บข้าวของทั้งหมดก่อนจะจับด้ามกระบี่ใหญ่ของนางขึ้นมา
โหย่วฉินเสวียนหย่าเปลี่ยนท่าทางเป็นท่าคุกเข่าข้างหนึ่ง ขณะที่ชุดกระโปรงของนางมีเลือดเปื้อนกระจายไปทั่ว นางใช้มือซ้ายยกปลายกระบี่ชี้ขึ้นและตั้งตรงต่อหน้านางในขณะที่พลังลมปราณของนางเริ่มพลุ่งพล่านสั่นสะท้านขึ้นมาทันที!
ต้องรอด!
เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าของหยวนชิง เพื่อตอบแทนผู้ที่ใจบุญอย่างแท้จริงอย่างศิษย์พี่ฉางโซ่ว เพื่อส่งข้อความถึงพระบิดาให้ท่านระวังโจรกบฏเหล่านี้!
โหย่วฉินเสวียนหย่าถือกระบี่ใหญ่ที่เริ่มโชนแสงสีแดงเพลิงด้วยมือขวาของนางเอาไว้แน่น
“รวมปราณเก้าวิญญาณ บงกชแกร่งพันใจ!” นางตะโกนเสียงหนักในขณะที่กระบี่ใหญ่ในมือของนางก็เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมา จากนั้นก็มีเส้นสายที่ชัดเจนปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนางในขณะที่ร่องรอยขีดข่วนเต็มกระบี่ก็เลือนหายไปทีละรอยอย่างรวดเร็ว
ชั่วเวลานั้นเส้นผมยาวของโหย่วฉินเสวียนหย่าพลันสะบัดพลิ้วปลิวไสว ขณะที่บงกชสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นและลอยอยู่รอบกายนาง มันเปล่งแสงสะท้อนผิวบอบบางของนางกับดวงตาที่สาดประกายพร่างพราวราวดวงดาว
“เซียนอยู่เหนือ คนอยู่ใต้ ทะยานฟ้ากลืนเมฆไฟ เรืองโรจน์หล้าสี่มหาสมุทร! กล่องกระบี่กิเลนไฟ! จงเปิดขึ้น!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกระทบกันดัง เคร้ง กึกก้องสามครั้ง สะท้อนกับกระบี่ทั้งหมดไปไกลถึงสิบลี้!
แล้วก้อนหินใหญ่ที่ปากถ้ำก็ระเบิดออก จากนั้นร่างสีแดงเพลิงก็พุ่งออกจากถ้ำพร้อมด้วยกระบี่บินนับสิบเล่มที่บินวนรอบกายนาง!
หลังจากบินไปได้หลายสิบจั้ง โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ปลดปล่อยแสงสีแดงเพลิงรอบๆ กายนางออกก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็วในป่าทึบอันมืดมิดที่ปกคลุมไปด้วยไอพิษ นางหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อน แล้วจึงเร่งมุ่งหน้าตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว!
ตามสัญชาตญาณ ข้าน่าจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หากอ้อมไปตามแผนที่ของศิษย์พี่ฉางโซ่ว ข้าก็น่าจะสามารถหลีกเลี่ยงพวกโจรชั่วช้าเหล่านั้นได้ ข้าต้องมีชีวิตกลับไป!
……
ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วอยู่ห่างจากถ้ำซึ่งซ่อนตัวโหย่วฉินเสวียนหย่าเอาไว้เป็นระยะทางหกร้อยลี้ไปทางเหนือ เขากำลังปีนขึ้นไปบนหน้าผา และตรวจดูรอยแตกที่เต็มไปด้วยไอพิษอย่างระมัดระวัง
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะแล้วจากไป เขาจึงไม่ได้รับสิ่งใดๆ จากพื้นที่นี้ ซึ่งตำราโบราณได้ระบุเอาไว้ว่าเป็นสถานที่ที่มีหญ้าสลายเซียน
หลี่ฉางโซ่วพบที่ราบโล่งแล้วจึงลงนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะดึงมีดสั้นออกมาเริ่มวาดแผนที่ของพื้นที่ทั้งหมดที่เขาค้นหาลงบนพื้นดิน จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาจะมุ่งหน้าไปทางเหนือและค้นหาต่อไปอีกสักสามวัน
หลังจากใช้ความพยายามอย่างมากก็ยังไม่พบหญ้าสลายเซียน แน่นอนว่าเขาย่อมเต็มไปด้วยโทสะ เพราะเขาได้ใช้เวลามากมายในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางมาสำรวจดินแดนเทวะอุดรก่อนหน้านี้นานแล้ว
“สู้ต่อไป!” หลี่ฉางโซ่วตบเข่าฉาดหนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปทางเหนืออย่างรวดเร็วยิ่ง ทิ้งไว้เพียงภาพเงาลวงตาไว้ข้างหลังเขาในยามกลางคืนเท่านั้น
บางทีอาจเนื่องมาจากฝนตกหนักเมื่อวันก่อน จึงมีช่องว่างปรากฏขึ้นท่ามกลางเมฆหมอกไอพิษในบริเวณนี้ เวลานี้มีแสงจันทร์สาดแสงส่องผ่านช่องว่างและส่องทางเบื้องหน้าของหลี่ฉางโซ่วโดยบังเอิญ
หลังจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็พบสถานที่พักพิงดีๆ เพื่อซ่อนตัวและยังได้ยืนชื่นชมดวงจันทร์ท่ามกลางแสงจันทร์ชั่วครู่
อา พระจันทร์อยู่ยาวนานจริงๆ…
เฮ้อ จันทร์สาดแสงขาวกระจ่างยิ่ง…
อืม พระจันทร์ดวงนี้กลมโตจริงๆ…
ทว่าเมื่อหมอกพิษเคลื่อนเข้ามา แสงจันทร์ที่หาได้ยากก็หายวับไปในทันที
“ศิษย์พี่อย่างข้าเริ่มแก่แล้วหรือ”
หลี่ฉางโซ่วเลิกคิ้ว ส่ายศีรษะพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้า กลมกลืนกลายเป็นหนึ่งเดียวไปกับยามค่ำคืน
คู่บำเพ็ญเต๋าหรืออะไรทำนองนั้น คือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าศิษย์น้องหญิงน้อย มันจะเป็นเพียงชนวนระเบิดแห่งกรรมอันแปรปรวนเท่านั้น…
เขาไม่อาจหาได้และยิ่งไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับโหย่วฉินเสวียนหย่า ซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญหญิงรูปโฉมงดงามที่โดดเด่นเป็นเอกแต่มีภูมิหลังที่ซับซ้อนอย่างยิ่งนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่า…เขารู้สึกปลอดภัยมากกว่าเมื่ออยู่กับเซียนหญิงผู้แข็งแกร่งอย่างอาจารย์อาจิ่วจิ่ว
…………………………………………………………………………………………………………………