ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 164 เหตุใดเทพแห่งท้องทะเลถึงอยู่ที่นี่ (2)
ตอนที่ 164 เหตุใดเทพแห่งท้องทะเลถึงอยู่ที่นี่ (2)
แน่นอนว่า ผู้ที่มาต้อนรับพวกเขาเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งมาจากหนึ่งในห้าสำนักเซียนที่สนับสนุนการจัดการประชุมในครั้งนี้ นามว่าเซียวเหยา
ชื่อสำนักนี้เรียบง่ายตามใจตน ไร้กังวล และธรรมดายิ่ง แต่สำนักนี้ไม่ธรรมดาดั่งชื่อ
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนั้นมีสองเซียนจิน แปดเซียนเทียนและศิษย์รุ่นเยาว์หกคนที่ยังไม่กลายเป็นเซียน แต่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม…
นั่นทำให้สำนักตู้เซียนรู้สึกกดดันเล็กน้อย
ทว่าในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ว่า สำนักเซียนเซียวเหยานี้น่าจะคล้ายกับสำนักตู้เซียนในบางด้าน…
ซึ่งยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ในบรรดาศิษย์ทั้งหกคน มีสี่คนที่ได้สูญเสียลมปราณหยินและหยาง[1]โดยกำเนิดไปแล้ว
หลี่ฉางโซ่วไม่อาจมองผ่านต้นกำเนิดของเซียนเทียนได้ แต่เขารู้ได้จากการจับคู่กันของแปดเซียนเทียน สี่บุรุษเซียนเทียน และสี่สตรีเซียนเทียน จากระดับความสนิทสนมที่พวกเขามีร่วมกันขณะขับขี่เมฆมา อย่างน้อยมีสองคู่ที่เป็นเซียนคู่รัก
มันเป็นลักษณะที่แท้จริงของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!
จากเรื่องนั้น ย่อมจะเห็นได้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ทุ่มเทอย่างหนักมากเพียงใดในการพัฒนาสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน… เพื่อให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายไร้เรี่ยวแรง
กลุ่มคนจากสำนักเซียนเซียวเหยาที่เข้ามาต้อนรับพวกเขา สองคนแรกเป็นเซียนจินที่สวมชุดคลุมเต๋าและมีใบหน้าวัยกลางคนซึ่งเงยหน้าส่งเสียงหัวเราะลั่น เสียงของพวกเขาดังไปไกลหลายร้อยลี้ ราวกับกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินเสียง
อีกสี่สำนักเซียนที่เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเพื่อจัดการประชุมใหญ่ได้ออกมาต้อนรับผู้ที่มาร่วมงานกันจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนจากภายใต้สำนักบำเพ็ญเดียวกันไปหลายระลอกแล้ว ในขณะที่สำนักเซียนเซียวเหยามีโอกาสทั้งหมดห้าครั้งที่จะปรากฏตัวออกมาต้อนรับ
ตามกฎเก่าของยุคบรรพกาล ยิ่งพวกเขาหัวเราะนานเท่าใด พวกเขาก็จะยิ่งสนิทสนม และดูเป็นมิตรมากขึ้นเท่านั้น… “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แค่กๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ศิษย์น้องอู๋โหย่ว ไม่ได้พบกันมานานหกพันปีแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ขอบคุณศิษย์พี่ ข้าสบายดี ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ทักทายกันเช่นกัน ยกเว้นแต่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ยิ้มและพูดคุยกัน
และศิษย์ทั้งหกของสำนักเซียนเซียวเหยาก็ทักทายอย่างอบอุ่นแล้วพูดคุยกับศิษย์ของสำนักตู้เซียน
ในการประชุมครั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า จะสามารถใกล้ชิดสนิทสนมและเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกันหลังจากการประชุมในครั้งนี้ได้หรือไม่
แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน หากพวกเขาสามารถบำเพ็ญเพียรจนกลายเป็นเซียนจินได้ในอนาคต พวกเขาก็จะเรียกกันว่าศิษย์พี่ ศิษย์พี่หญิงโดยต่างนับเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของตน ไม่ห่างเหินกันมากเกินไป
ในฐานะหัวหน้าศิษย์ที่แท้จริงของกลุ่ม โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินไปที่ด้านหน้าของเหล่าศิษย์พร้อมด้วยกระบี่ใหญ่ที่สะพายอยู่ที่ด้านหลังของนาง และทันใดนั้น ก็ทำให้ท้องฟ้าดูสว่างขึ้น
ในฐานะ ‘หัวหน้าศิษย์ในนาม’ ของกลุ่ม หลี่ฉางโซ่วยิ้มและซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเหล่าศิษย์ เมื่อเห็นว่าสหายศิษย์ของเขาเริ่มก้าวไปทักทายและสนทนากับศิษย์รุ่นเยาว์หกคนของสำนักเซียนเซียวเหยา เขาก็มีความสุขที่ไม่มีผู้ใดสนใจเขา
ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนก็นำเรือสมบัติออกไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนเก้าสิบเก้าคน ติดตามด้วยเหล่าเซียนของสำนักเซียนเซียวเหยาแล้วเข้าไปในแอ่งราบลุ่มซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ตามที่คาดไว้ พวกเขาถูกจัดให้อยู่ด้านหน้าและครอบครองพื้นที่เล็กๆ ริมทะเลสาบ
แตกต่างจากการประชุมในวังมังกร การประชุมในคราวนี้ เหล่าเซียนจิน เซียนเทียน เซียนเสิ่นและบรรดาผู้ที่ยังไม่ได้กลายเป็นเซียนต่างก็นั่งอยู่ด้วยกัน
สำนักเซียนทั้งหมดล้วนเหมือนกัน ไม่มีผู้ใดพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าแท่นดอกบัวสีทองเบ่งบานบนพื้นผิวของทะเลสาบเหล่านั้น สงวนไว้สำหรับผู้เป็นเซียนจากวังอวี้ซวีแห่งภูเขาคุนหลุน และหมู่เกาะอมตะของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
หลี่ฉางโซ่วคำนวณจำนวนแท่นดอกบัวสีทองคร่าวๆ
เขาคิดว่าเพียงเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย โดยลำพังก็สามารถกดดันพื้นผิวของทะเลสาบได้…
ทันทีที่กลุ่มคนของสำนักตู้เซียนนั่งลง เจ้าสำนักตู้เซียนก็เคลื่อนไปที่เมฆเพื่อสนทนากับสหายเซียนจินสองสามคน
ผู้อาวุโสไม่ได้จำกัดศิษย์มากเกินไป พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงลักษณะผิวเผินของพวกเขาในการสั่งสอนความ ‘เงียบและวางเฉย’ อันเป็นเอกลักษณ์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
ทว่าโหย่วฉินเสวียนหย่านั้นก็สะดุดตาจริงๆ
ไม่นานหลังจากนั้น เมล็ดพันธุ์เซียนเยาว์วัยที่ดูสง่างามในชุดคลุมสีขาวก็ค่อยๆ เดินออกมาจากบริเวณข้าง ๆ ของสำนักเซียนเซียวเหยาด้วยย่างก้าวดุจเมฆเหินน้ำไหล[2]
เมื่อคนผู้นี้มาถึงตรงหน้าโหย่วฉินเสวียนหย่า เขาก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นและเผยเสน่ห์แบบบุรุษผู้อยู่เหนือสามัญออกมา “ศิษย์น้องผู้นี้ ข้าคือเฉาจื้อ หัวหน้าศิษย์ของสำนักเซียนเซียวเหยา…”
เคร้ง!
จู่ๆ โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ชักกระบี่ใหญ่ออกมาจากฝักบนหลังของนางทันที แล้วใช้มือเรียวยาวกวัดแกว่งกระบี่ใหญ่นั้นให้วนครึ่งรอบเป็นครึ่งวงกลม แล้วพุ่งตรงไปที่พื้นตรงหน้าคนผู้นี้อย่างกะทันหัน!
คมกระบี่อยู่ห่างจากนิ้วเท้าของเขาไปเพียงครึ่งชุ่นเท่านั้น!
“ข้าทำให้เจ้าต้องขุ่นเคืองแล้ว ศิษย์น้องหญิง โปรดอย่าถือโทษเลย ข้าขอลา”
ชายผู้นั้นกล่าวอย่างมีไหวพริบและรีบจากไปทันที ทำให้ศิษย์ของสำนักเซียนเซียวเหยาหัวเราะไม่หยุด
โหย่วฉินเสวียนหย่าแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางยังคงนั่งเงียบและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
แน่นอนว่า ที่นั่งตรงหัวมุมของกลุ่มสำนักตู้เซียนนั้นสงวนเอาไว้ให้หลี่ฉางโซ่ว และถัดจากเขาคือ นักพรตเต๋าร่างเตี้ยจิ่วอู แต่ในขณะนี้ จิ่วอูไปทำธุระและยังไม่กลับมา
ทันทีที่เขาเข้าไปในพื้นที่ราบลุ่มสถานที่จัดงาน หลี่ฉางโซ่วก็กวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสำรวจทางออกของสถานที่แห่งนี้เพื่อค้นหาและวางเส้นทางหลบหนี
มีค่ายกลผกผันห้าธาตุอยู่ใต้ดิน ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้วิชาหลบหนีห้าธาตุได้
จากนั้นเขาก็ผ่อนคลายและเริ่มร่ายเวทวายุวัจน์เพื่อเฝ้าติดตามสภาพแวดล้อมรอบกายเขา
แต่คราวนี้ ทันทีที่เขาใช้เวทวายุวัจน์ หลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ ในหูขณะที่ปราณวิญญาณของเขาปั่นป่วนเล็กน้อย
มีกฎห้ามต่อต้านการการสอดแนมและตรวจจับเช่นนี้ด้วยหรือ?
ความกว้างใหญ่ของโลกบรรพกาลย่อมไม่อาจดูเบาผู้ใดได้จริงๆ…
นั่นเป็นครั้งแรกที่เวทวายุวัจน์ไม่อาจทำงานได้หลังจากที่เขากลายเป็นเซียนแล้ว
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและหลับตาเพื่อทำสมาธิ เขาต้องรีบขจัดสภาพผิดปกติของปราณวิญญาณของเขาออกไปในทันที
คิดว่าเขามีเพียงเวทวายุวัจน์ที่เป็นวิธีตรวจสอบเชิงรับเท่านั้นหรือ?
ใช่สิ!
ข้ามีวิธีตรวจสอบเชิงรับเท่านั้นจริงๆ …
แม้จะมีวิธีตรวจจับหลากหลาย แต่การเฝ้าติดตาม แอบฟังไปทั่วทุกที่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลี่ฉางโซ่วกำลังคิดหามาตรการรับมือขณะกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ของเขากระจายออกไปทั่วแอ่งราบลุ่มในสถานที่จัดงานเช่นกัน และพบกลุ่มคนที่เดินผ่านไปไม่ไกลทางด้านหลังของเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากสำนักเซียนเซียวเหยา
ในหมู่พวกเขา มีบุรุษผู้หนึ่งที่ดูสะดุดตาที่สุด ร่างของเขาแข็งแกร่งกำยำยิ่ง เขาน่าจะฝึกฝนร่างกายของเขา…
หือ?
ไฉนเขาถึงคุ้นเคยกลิ่นอายลมปราณนี้อย่างยิ่ง?
ในขณะนั้นก็มี ‘บุรุษ’ หยุดอยู่ข้างหลังหลี่ฉางโซ่ว และแผ่ร่างกายที่แข็งแรง ‘ของเขา’ เอนไปทางหลี่ฉางโซ่ว จู่ๆ ใบหน้าที่น่ารักของ ‘เขา’ ก็เต็มไปด้วยความสับสน ‘เขา’ จ้องไปที่รูปโครงร่างด้านข้างของหลี่ฉางโซ่ว ชั่วขณะหนึ่งนั้น ลมปราณเช่นนี้ รูปร่างคล้ายหอคอยเหล็กเช่นนี้ และใบหน้าที่น่ารักนี้…
หัวใจของหลี่ฉางโซ่วพลันสั่นสะท้าน และทันใดนั้น เขาก็รู้ว่าเป็นผู้ใด!
และเกือบจะในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของเด็กสาวหอคอยเหล็กก็ทอประกายวาววับ นางวางกำปั้นขนาดใหญ่ไว้ข้างหน้าปากดุจผลอิงเถา[3]เล็กๆ ที่อ้ากว้าง ดวงตาโตของนางเปล่งประกายขณะที่กรีดร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ทะเล!”
“หลิงลี่!”
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็ร้องตะโกนเพื่อหยุดการตะโกนของอีกฝ่ายทันที!
ในพริบตาเดียวนั้น เขาก็ยื่นมือซ้ายออกไปข้างหน้าแล้วกดลงไปที่ลำคอของเด็กสาวหอคอยเหล็กด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด และกดใบหน้าของนางลงบนพื้นหญ้าตรงหน้าอย่างกะทันหัน!
……………………………………………………..
[2] การเคลื่อนไหวที่พลิ้วไหวไหลลื่น เป็นธรรมชาติมาก
[3] เชอร์รี่