ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 174 การทดสอบขั้นสูงของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 174 การทดสอบขั้นสูงของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (2)
ตอนที่ 174 การทดสอบขั้นสูงของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (2)
เหตุใดหลี่ฉางโซ่วต้องระมัดระวังตัวและพยายามหลบซ่อนตัวไม่หยุดหย่อนถึงเพียงนี้?
หรือมีคนแอบข่มขู่ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของข้า?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยังคงนิ่งสงบพลางทำมุทราหยั่งรู้
ท่านอาจารย์ช่วยปกปิดความลับแห่งสวรรค์ให้เสี่ยวฉางโซ่ว ข้าจึงไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่ยังพออนุมานจากสำนักตู้เซียนที่เขาอยู่ได้…
และด้วยวิธีเบี่ยงอ้อมออกไปเช่นนี้ เขาจึงเข้าไปสังเกตดูชีวิตอันแสนสั้นของหลี่ฉางโซ่วจากด้านข้าง แล้วพอคาดคะเนหาคำตอบบางอย่างออกมาได้
ในขณะนั้น เสวียนตูสงบใจและจดจ่อกับการทำมุทราหยั่งรู้ แล้วทันใดนั้น แผนภาพไทจี๋ก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
จากนั้นความลับสวรรค์ก็เปิดเผยให้เห็น
ในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา สำนักตู้เซียนเผชิญภัยพิบัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ การที่ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมบางคนแอบสมคบคิดวางแผนร้ายและใช้หุ่นเชิดเข้าโจมตีสำนัก
เรื่องนั้นมีผลกระทบต่อเขามากขนาดนั้นจริงๆ หรือ?
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพยายามตรวจสอบต่อไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ง่ายเฉกเช่นก่อนอีกต่อไป
เขาอยากตรวจสอบหลี่ฉางโซ่วให้ทั่วทุกด้าน
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพลันเริ่มวางแผนทีละอย่างในใจ และเริ่มแอบ… ทำการทดสอบเล็กๆ ที่ระดับ ‘สูงสุดของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน’!
คลื่นระลอกแรก
ผู้บำเพ็ญจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยสองสามคนกำลังรวมพลังกันเพื่อล้อมโจมตีสัตว์ปีศาจ บัดนั้นก็มีค้อนสีม่วงที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าอยู่บนหลังของสัตว์ปีศาจ ซึ่งกำลังใกล้ตายแล้ว
ชั่วขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนของความอ่อนน้อมถ่อมตนโดยต่างคนต่างก็กล่าวเปิดทางให้อีกฝ่ายว่า “เจ้าไปเอาสิ”
แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นขึ้นในขณะที่ค้อนศักดิ์สิทธิ์สีม่วงหายเข้าไปในร่างของสัตว์ปีศาจ และพลังปีศาจของสัตว์ปีศาจก็ระเบิดออกมาทันที!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วยิ่งด้วยการวิ่งหนีไปในทันทีในขณะที่ได้ยินเสียงคลุมเครืออยู่ข้างหูที่นำทางพวกเขาให้ตรงไปยังที่ซ่อนของหลี่ฉางโซ่วและสงหลิงลี่
ทว่าหลี่ฉางโซ่วได้สังเกตสถานที่นั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ฉับพลันนั้น เขาก็เปลี่ยนจากหลีกรุกข์เร้นกายไปเป็นหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายทันทีพร้อมกับส่งเสียงไปยังสงหลิงลี่
สงหลิงลี่ที่เพิ่งจัดการกับปีกไก่ขนาดใหญ่พิเศษสองปีกเสร็จสิ้นก็ยันกายลุกขึ้นยืนด้วยง่ามดินทันทีก่อนจะทำตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่วโดยซ่อนตัวอยู่ในป่าด้านข้างเพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้!
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีร่างสองสามร่างพุ่งผ่านเข้ามาหาเขาพร้อมๆ กับสัตว์ปีศาจ แล้วทันใดนั้น โอสถไร้สีไร้กลิ่นก็แทรกซึมเข้าสู่วิญญาณของสัตว์ปีศาจจนเป็นเหตุให้มันหมดสติไปในทันที!
ในขณะนั้น สงหลิงลี่ ซึ่งเข้าสู่สภาวะไล่ล่าก็ระเบิดเสียงตะโกนออกมาพร้อมกับชูง่ามดินแล้วกระโดดออกไป การเคลื่อนไหวของนางโหดเหี้ยมแม่นยำในขณะที่ยังคงสีหน้านิ่งสงบ นางกระชับง่ามดินเหนียวในมือเอาไว้แน่นแล้วพุ่งแทงทะลุจุดตายผ่านลำคอของสัตว์ปีศาจฉับพลัน!
เลือดปีศาจสาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่ในทันทีที่สงหลิงลี่ถือง่ามดินแล้วขยับบิดไปอย่างรุนแรงโดยที่สัตว์ปีศาจไม่อาจทำได้แม้แต่ส่งเสียงร้องใดๆ ออกมาสักแอะเดียวก่อนจะดับดิ้นอย่างกะทันหัน!
เหล่าศิษย์ที่ถูกไล่ล่าล้วนหันไปมอง และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ แผ่นหลังตั้งตระหง่านสง่างามที่อาบโชกไปด้วยเลือด…
จู่ๆ ดวงตาของผู้บำเพ็ญสตรีก็พร่ามัว ใบหน้าแดงก่ำขณะกล่าวออกมาเบาๆ ว่า “สหายเต๋าผู้นี้…”
“หือ? เจ้าเรียกข้าว่าสหายเต๋าหรือ?”
สงหลิงลี่หันกลับมามอง ใบหน้าของนางดูน่ารักยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญสตรีที่อยู่ตรงข้ามกับนางอยู่สักสามส่วน ทำให้ผู้บำเพ็ญสตรีเม้มริมฝีปากอ่อนนุ่มและหยุดพูดทันที
หลี่ฉางโซ่วส่งเสียงไปพูดอะไรบางอย่างกับสงหลิงลี่ จากนั้น สงหลิงลี่ก็จ้องมองนางและถามคนอื่นๆ ว่า “มีค้อนอยู่ที่นี่ พวกเจ้าอยากได้ค้อนหรือไม่?”
“สหายเต๋า ท่านช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ แล้วพวกเราจะรับสมบัตินั้นได้อย่างไรกัน?”
“นี่คือของขวัญแทนการขอบคุณ ขอให้สหายเต๋าโปรดรับพวกมันไปด้วยเถิด”
ในขณะนั้น เหล่าศิษย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่างก็หยิบศิลาวิญญาณและโอสถออกมา ก่อนจะใช้พลังเวทผลักดันพวกมันส่งไปให้แล้วรีบอำลาจากไป
สงหลิงลี่งุนงงเล็กน้อย แล้วทำตามคำสั่งของท่านเทพแห่งท้องทะเลโดยเก็บสิ่งของก่อน แล้วจึงดึงค้อนออกมาจากร่างของสัตว์ปีศาจ จากนั้นก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ “พี่ชาย ค้อนนี้เล็กมาก แต่ไฉนจึงหนักเช่นนี้” หลี่ฉางโซ่วจึงตอบว่า “ตามวิธีปรับแต่งเครื่องมือที่ข้าบอกไป เจ้าจะปรับแต่งสมบัติวิญญาณนี้และใช้มันเพื่อป้องกันตัวในอนาคตได้”
“เจ้าค่ะ!” สงหลิงลี่ตอบกลับขณะถือค้อนเอาไว้ในมือและถ่ายเทพลังเวทของนางลงไป จากนั้นก็ปรับแต่งมันจนเสร็จสิ้นในเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว
สมแล้วที่ค้อนสายฟ้านี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของปรมาจารย์อวิ๋นจงจื่อ ปรมาจารย์นักหลอมเครื่องมือ มันทรงพลานุภาพแกร่งกล้านักและยังทำอะไรได้มากมายหลายอย่าง
ชั่วขณะที่สงหลิงลี่ปรับแต่งมัน ค้อนสายฟ้าก็ขยายขนาดยาวขึ้นครึ่งจั้งเพื่อให้สงหลิงลี่สามารถจับมันเอาไว้ได้ถนัดขึ้น “ไปกันเถิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “เปลี่ยนไปสถานที่อื่นกันต่อเถิด”
สงหลิงลี่รับคำทันทีก่อนจะหยิบค้อนขึ้นแล้ววิ่งต่อไป
ในขณะนั้น ร่างโดดเดี่ยวบนก้อนเมฆด้านนอกแผนที่สมบัติ ก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาก่อนจะทำการทดสอบต่อไป…
ช่วงสามชั่วยามต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดต่างๆ หลายรูปแบบอีกมากมาย
มีผู้บำเพ็ญสตรีบางคนหมดสติไปเพราะได้รับบาดเจ็บจากสัตว์ปีศาจแล้วตกลงไปในทะเลสาบจนทำให้ร่างนางเปียกโชก
สัตว์ปีศาจสองตัวกำลังต่อสู้กันเอง แล้วบังเอิญตายอยู่ในจุดที่อยู่ไม่ไกลจากหลี่ฉางโซ่วในขณะที่ผู้บำเพ็ญสองสามคนในบริเวณใกล้เคียงต่างก็พากันรีบหนีไป…
มีเรื่องต่างๆ ทุกประเภท
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้จงใจทำมัน เขากระทำไปตามหลักการของ ‘การไม่แตะต้องกรรม’ มาโดยตลอด หากหลีกเลี่ยงได้ เขาจะหลีกเลี่ยง แต่หากไม่ได้ เขาก็จะใช้ ‘มนุษย์เครื่องมือเวท’ ที่เพิ่งได้รับมาใหม่อย่างชำนาญ
มีเพียงอย่างเดียวที่แตกต่างก็คือ ปกติแล้ว เขามักจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาของคนอื่น
แต่ในภาพแผนที่นี้ เขาจะคว้าอีกฝ่ายไว้หากไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เขาจะทำความดีและรีบจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งชื่อของเขาเอาไว้ หากรู้ว่ามีคนใช้วิธีนี้เพื่อทดสอบตัวตนของเขา หลี่ฉางโซ่วจะเรียกพวกเขาอยู่ในใจว่า เจ้าพวกไร้สติอย่างแน่นอน และเผยภาพลักษณ์ของ ‘สุภาพชนผู้ถ่อมตน’ ธรรมดาๆ ออกมา
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูค่อยๆ ประเมินผลการทดสอบในใจ และในขณะนั้น มีเพียงคำเดียวที่ปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
มั่นคง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพลันเข้าใจ
ความรู้สึกนั้นช่างลึกซึ้งจนเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
และในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็รู้สึกนึกสนุกขึ้นมาแล้ว เขาจึงหยิบไพ่ไม้ตายออกมาแล้วส่งไปยังแผนที่สมบัติ
ในลำธาร ขณะที่หลี่ฉางโซ่วมุ่งหน้าเดินทางไปอย่างช้าๆ โดยใช้หลีกลี้วารีเร้นกาย จู่ๆ ก็เกิดจิตอริยะขึ้นมาในใจ ดูเหมือนเขาจะมีบางอย่างในใจจะโพล่งออกมา ทว่าจิตอริยะนั้นก็ค่อยๆ ก่อกำเนิดเป็นถ้อยคำขนาดใหญ่
‘จงเผยพลังสร้างชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน’
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและปรากฏกายขึ้นในน้ำทันที จากนั้นก็โค้งคำนับให้ท้องฟ้า
เขาเพิ่งเรียนรู้ ‘เคล็ดลับเพื่อความอยู่รอดในโลกบรรพกาล’ มาจากสิบสองเซียนจินของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และใช้โอกาสนี้เพื่อทำการแสดงความเคารพบูชาปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพ
ภารกิจของข้า เป็นไปได้หรือไม่ที่ให้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อเผยพลังสร้างชื่อเสียงของเราที่นี่?
แต่เรื่องนี้…ไม่สอดคล้องกับหลักคำสอนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
อาจเป็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่?
………………………………………………..