ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 181 ท่านคิดว่าข้าสูญเสีย แต่... (1)
ตอนที่ 181 ท่านคิดว่าข้าสูญเสีย แต่… (1)
“พี่ชาย พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว”
สงหลิงลี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพึมพำเบาๆ
หลี่ฉางโซ่วที่กำลังนั่งเข้าฌานอยู่ในเงามืดข้างๆ นางพยักหน้าช้าๆ พลางก้มหน้าลงครุ่นคิดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองมากนัก
หัวใจของหลี่ฉางโซ่วกระตุกเบาๆ เมื่อเห็นโหย่วฉินเสวียนหย่ากำลังฝึกบำเพ็ญและรู้แจ้งอยู่ในข่ายอาคม
เขากำลังนึกถึงโอสถเซียนที่เรียกว่า ‘โอสถคืนกลับปรารถนา’ และกำลังวางแผนที่จะใช้มันเพื่อตอบโต้ศิษย์น้องหญิงตัวอันตราย…
ครั้งนี้กรงฟาราเดย์ช่วยเหลือ ‘ศิษย์น้องหญิงตัวอันตราย’ ให้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ หลี่ฉางโช่วจึงไม่ได้รู้สึกว่ามีสิ่งใดติดค้างหลังจากที่เคยใช้ประโยชน์จากนางมาหลายครั้งก่อนหน้านี้
หลังจากนี้ เมื่อนางมาที่ยอดเขาหยกน้อย ข้าจะหลีกเลี่ยงนางโดยจะไม่พบและไม่บอกลานาง
เช่นนี้แล้ว เขาก็จะค่อยๆ ลดผลกระทบและหลีกเลี่ยงกรรมที่จะเกิดขึ้นจากนางในอนาคตได้
มีคำกล่าวในพระสูตรมั่นคงว่า ‘หากผู้ใดมีสหายมากย่อมไม่อาจปกปิดสิ่งใด แต่หากมีสหายน้อยคนก็จะไม่มีปัญหา’
‘ข้า… ย่อมไม่หลอกตัวเอง!’
หลี่ฉางโซ่วส่ายหน้าเบาๆ พลางสวดอ้อนวอนขอความสงบและมั่นคงบนวิถีเซียนเพื่อให้ดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขตลอดชีวิต
ส่วนกรงฟาราเดย์นั้น…
เมื่อบรรดาเซียนใหญ่ ‘ต้นกำเนิด’ จากไปแล้ว ย่อมหมายถึงว่าการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าในครั้งนี้มาถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว
แต่สำหรับบรรดาเซียนของสำนักเซียนภายใต้สามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่อยู่บนพื้นดินเหล่านี้ ยังมีเรื่องยุ่งยากซับซ้อนทุกรูปแบบตามมาทีหลัง
ส่วนเรื่องที่เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วกังวลว่าจะมีคนมาก่อกวนก็คงจะมาถึงในเวลาอีกไม่นานนี้แล้ว…
แน่นอนว่า เป็นไปตามคาด ทันทีที่บรรดาเซียนจากสามสำนักบำเพ็ญเต๋าแยกย้ายกันไป คนของสำนักเซียนเซียวเหยาและอีกสี่เจ้าสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็รวมตัวกันไปหาจี้อู๋โหย่ว และเมื่อพวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อยแล้ว จี้อู๋โหย่วก็มองหาหลี่ฉางโซ่ว
“ฉางโซ่ว” จี้อู๋โหย่วยิ้มและจ้องมองหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว “มาพบท่านผู้อาวุโสเหล่านี้สิ”
“น้อมรับบัญชาท่านเจ้าสำนักขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วก้าวไปข้างหน้าและทำการคารวะเต๋าให้เซียนชรา ซึ่งเป็นบุรุษสามคนและสตรีสองคน ที่อยู่เบื้องหน้าเขาในขณะที่มีหยาดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากพร้อมด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ศิษย์ หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์สำนักตู้เซียน… ขอน้อมพบท่านเจ้าสำนักทั้งห้าขอรับ”
สตรีชราคนหนึ่งยิ้มและกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “เจ้าช่างโชคดีจริงๆ”
แน่นอนว่า นางกำลังกล่าวถึงคำประกาศของ โหย่วฉินเสวียนหย่า
และเป็นไปตามคาด หากคนทั้งห้านี้ไม่อาจสัมผัสร่างเต๋าของเขา ก็ย่อมไม่อาจมองผ่านวิชาเต่าฉบับปรับปรุงครั้งที่หกของเขาได้… ยามนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้น สตรีชราจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ฉางโซ่ว รู้หรือไม่ว่า กรงนกนั้นสามารถช่วยให้ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียนได้มากเท่าใด?”
ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีวิธีการสร้างมัน แต่เจ้าเอามันออกมาให้ข้าตรวจสอบสักหน่อยได้หรือไม่ เราอาจหาวิธีการสร้างมันขึ้นมาได้ แล้วเจ้าจะก็ได้ผลงานยิ่งใหญ่ ข้าเองก็จะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม”
รางวัลอย่างงาม…
หลี่ฉางโซ่วเหลือบมองไปยังเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วที่ขยิบตาเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เขา …
ทว่านั่นหมายความอันใดกัน?
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ได้โปรด… โปรดอภัยให้ศิษย์ด้วยเถิดท่านผู้อาวุโส เกรงว่า ศิษย์จะเอามันออกมาไม่ได้ขอรับ”
สตรีชราขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ไยจึงเอามันออกมาไม่ได้? เจ้าอยากเก็บเอาไว้เองคนเดียว หรือ? หรือคิดจะใช้มันในสำนักตู้เซียนเท่านั้น?”
ชายชราอีกคนกล่าวเสียงเบาว่า “ทั้งหกสำนักเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินล้วนนับเป็นครอบครัวเดียวกัน เกรงว่า คงไม่เหมาะที่เจ้าจะเก็บมันไว้เอง…”
หลี่ฉางโซ่วจึงหันไปมองเจ้าสำนัก นักพรตเต๋าจี้อู๋โหย่วอีกครั้ง แต่เห็นว่าเขาดูมีท่าทางลำบากใจ…
เอาเถิด ดูท่าว่า จะเชื่อถือท่านเจ้าสำนักไม่ได้เท่าใดนัก เขาส่งสายตาบอกมาช้าเกินไป
ยังดีที่เขาคิดหาวิธีจัดการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
หลี่ฉางโซ่วรีบทำการคารวะเต๋า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้ให้นุ่มนวลขึ้น
“ศิษย์ย่อมไม่กล้าเก็บซ่อนเอาไว้ แต่การช่วยให้ผู้อื่นข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ย่อมก่อให้เกิดกรรม… แม้ของสิ่งนี้จะสร้างขึ้นได้ยากมาก แต่ในสำนักของผู้อาวุโสแต่ละท่านย่อมมีปรมาจารย์นักหลอมอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากจะสร้างมันขึ้นมา ย่อมทำได้ไม่ยากนักอย่างแน่นอน ผู้อาวุโส พวกท่านล้วนเป็นเจ้าสำนักจากสำนักใหญ่ … แล้วพวกท่านจะรับรองได้หรือว่าของสิ่งนี้จะไม่ถูกเผยแพร่ออกไปนอกสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินขอรับ?
เขากล่าวต่อว่า “ศิษย์คิดว่าเมื่อของสิ่งนี้แพร่ออกไป หากช่วยเซียนที่ดีให้บรรลุเต๋าได้ ก็ย่อมจะได้รับบุญ ทว่าหากนำไปช่วยเซียนชั่วร้ายให้บรรลุเต๋า นั่นย่อมจะก่อให้เกิดกรรมอย่างแน่นอน ใน ‘พระสูตรนิรกรรม’ ที่ศิษย์ศึกษามาจากสำนักตู้เซียน นั้นได้สั่งสอนไว้ว่า… ให้ปล่อยวางและให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีแห่งธรรมชาติ…”
เจ้าสำนักเซียนทั้งห้าล้วนขมวดคิ้วและเงียบงันไปชั่วขณะ
เมื่อบรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียนได้ยินเช่นนี้ เหล่าศิษย์ต่างยังดูงุนงงเล็กน้อย แต่เหล่าผู้อาวุโสล้วนพยักหน้าให้
โดยเฉพาะปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งซึ่งมองไปที่แผ่นหลังของหลี่ฉางโซ่วด้วยแววตาเต็มไปด้วยอารมณ์…
ในขณะนั้น จี้อู๋โหย่วก็แย้มยิ้มพลางก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว แล้วไปยืนอยู่ระหว่างหลี่ฉางโซ่วและเจ้าสำนักเซียนทั้งห้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
หลี่ฉางโซ่วสงบใจลงเล็กน้อยด้วยรู้ว่าเจ้าสำนักสนับสนุนเขา ดังนั้นจึงไม่กังวลนัก ต่อไป หากมีโอกาส เขาจะคิดหาทางแนะนำท่านเจ้าสำนักให้รู้จักกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เพราะอย่างไรเสีย ท่านเจ้าสำนักก็เป็นเซียนจิน ซึ่งไปทำงานรับใช้ในวังดุสิตได้เช่นกัน…
อืม ไม่ใช่ว่า ข้าอยากหาคนที่เป็นดั่งเครื่องมือเวทคนใหม่ไปให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!
หลังจากนั้นชายชราผมขาวผู้หนึ่งก็ยิ้มและกล่าวว่า “ในสามอาณาจักรแห่งโลกบรรพกาลนี้ จะมีผู้ใดหลีกเลี่ยงกรรมได้พ้นจริงๆ เล่า? ฉางโซ่ว เจ้าออกจะคิดมากไปสักหน่อยแล้ว”
“ศิษย์ไม่ได้…”
หลี่ฉางโซ่วหยุดกล่าวไปชั่วขณะด้วยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะจู่ๆ สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็พบว่ามีหนึ่งในเหล่าเซียนจากวังอวี้ซวีแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานซึ่งควรจะจากไปแล้ว แต่ในกลุ่มนั้น มีเซียนชราร่างผอมบางที่กลับมาพร้อมกับถือตะกร้าดอกไม้…
เมื่อมองจากทิศทางที่เขาบินมาด้วยเมฆแล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
อวิ๋นจงจื่อ!
หรือว่า ปรมาจารย์นักหลอมบรรพกาลผู้นี้… สนใจกรงฟาราเดย์ด้วยเช่นกัน?
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงรีบเปลี่ยนความคิดแล้วกล่าวต่อไปว่า “หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับ เพียงแต่ศิษย์คิดว่า ได้รับของชิ้นนี้มาด้วยความไว้วางใจจากท่านผู้อาวุโสที่สิ้นชีพไปแล้วผู้หนึ่ง หากศิษย์สร้างกรรมจนกระทบต่อ การกลับชาติมาเกิดใหม่ของผู้อาวุโสท่านนั้น นั่นย่อมไม่ใช่…”
“หาได้ร้ายแรงเช่นเจ้ากล่าวไม่” สตรีชราอีกผู้หนึ่ง ยิ้มและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “คงไม่เป็นไร หากเจ้าเพียงนำมันออกมาให้พวกเราดูเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเพื่อถ่วงเวลารออวิ๋นจงจื่อ
จนกระทั่งเมื่ออวิ๋นจงจื่อมาถึงจุดซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ราวหนึ่งร้อยลี้ หลี่ฉางโซวก็ทำท่าตั้งใจฟังแล้วกล่าวอย่างลังเลว่า
“ให้พวกท่านได้เห็นมันก็ได้ขอรับ แต่ต้องมีปรมาจารย์นักหลอมท่านหนึ่งอยู่ที่นี่ด้วย หากเขาเห็นแล้วบอกว่าไม่มีทางสร้างของสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ก็ขอพวกท่านได้โปรดอย่าทำให้ศิษย์ต้องลำบากใจอีก ศิษย์อยู่ในวิถีบำเพ็ญเพียรมาเพียงสองร้อยปีเท่านั้น บอกตามตรงว่า ศิษย์ย่อม … ไม่อาจแบกรับได้ขอรับ”
จี้อู๋โหย่วยิ้มและกล่าวว่า “วางใจเถิด เจ้าสำนักทั้งหมดล้วนเป็นแกนนำที่แข็งแกร่งแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเรา แล้วจะทำให้ศิษย์น้อยเช่นเจ้าลำบากใจได้อย่างไรเล่า?”
ทั้งสองคนต่างร่วมประสานรับส่งกันได้ดี จนทำให้คนอื่นๆ ที่เหลือล้วนเงียบงัน
ทันใดนั้นเจ้าสำนักเซียนทั้งห้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็เริ่มหารือกัน แต่ก่อนจะได้ข้อสรุปออกมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากฟากฟ้า
“ให้ข้าดูด้วยได้หรือไม่?”
ขณะที่อวิ๋นจงจื่อกล่าว ทันใดนั้น ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้ เขาใช้เวทหลบหนีเฉียนคุนวาบไปแล้วทิ้งภาพร่างติดตายามเคลื่อนไหวสองสามภาพเอาไว้ในอากาศ ซึ่งเผยระดับฐานพลังปราณของเขาออกมาอย่างแน่นอน
ทันทีที่อวิ๋นจงจื่อปรากฏตัว จี้อู๋โหย่วและเจ้าสำนักทั้งห้าพร้อมด้วยศิษย์สำนักตู้เซียนและศิษย์ของสำนักเซียนทั้งสองด้าน ทั้งซ้ายและขวาต่างก็โค้งคารวะให้และกล่าวว่า “น้อมพบท่านผู้อาวุโส อาจารย์ลุง ฝูเต๋อเซียนจิน”
ในขณะนั้น ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วรู้สึกกังวลมากขึ้นในใจลึกๆ ด้วยกลัวว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะดูออกว่า เขาปลอมตัว แล้วจะยิ่งสร้างความลำบากให้เขามากขึ้น
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่คิดว่า จู่ๆ อวิ๋นจงจื่อจะส่งข้อความเสียงถึงเขาโดยตรง
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง ก่อนหน้าที่ศิษย์พี่ใหญ่เสวียนตูจะจากไป เขาบอกไม่ให้เปิดเผยตัวตนของเจ้า ข้าเองก็เป็นหนี้บุญคุณเขามากมาย ดังนั้นวันนี้เจ้าจงสบายใจเถิด”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจพลางคิดว่า…
อันที่จริง เมื่อมีผู้สนับสนุน ข้าย่อมไม่ต้องเปลืองแรงมากจริงๆ
ในขณะนั้น อวิ๋นจงจื่อที่ถือตะกร้าดอกไม้ก็หัวเราะและกล่าวว่า “สหายเต๋าทั้งหลายไม่ต้องมากพิธี สหายน้อยฉางโซ่ว เจ้าจะให้ข้าได้เปิดหูเปิดตากับกรงที่สามารถต้านทานทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าได้หรือไม่?”
……………………………………………………………………….