ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 184 การโกงขั้นสูงของฉยงเซียว (2)
ตอนที่ 184 การโกงขั้นสูงของฉยงเซียว (2)
หลี่ฉางโซ่วใจกระตุกทันที แต่ยังตอบกลับอย่างสงบว่า “ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนามเยี่ยงไร ก็ล้วนเป็นเพียงแค่รูปแบบของนามใช้เรียกแทนตัวเท่านั้น ที่ข้าผูกพันฉันท์มิตรกับสหายเต๋าจ้าวนั้น มิใช่เพื่อหวังชื่อเสียงหรือประโยชน์อื่นใด ทั้งยังไม่หวังใช้สำนักมาเป็นร่มเงา ทว่าเป็นเพียงเพราะโชคชะตาลิขิตเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของจ้าวกงหมิงก็เต็มไปด้วยอารมณ์ตื้นตันพลางตะโกนว่า “ดี! เป็นชะตาที่ทำให้ข้าพบสหายดีจริงๆ!”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วพลันรู้สึกว่าพลาดบางอย่างไปแล้ว เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ทั้งจ้าวกงหมิงและฉยงเซียว จะเป็นที่รู้จักโด่งดังในรายนามเทพเจ้าที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นในอนาคต และผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจ้าวกงหมิงล้วนไม่มีผู้ใดจบลงด้วยดีในการฝ่าด่านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ…
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดวันนี้สหายเต๋าทั้งสองคนจึงมาที่นี่หรือ?”
“นี่…”
ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงก็ลูบเคราพลางขยิบตาให้ฉยงเซียว
ฉยงเซียวถอนหายใจในใจ และแทนที่จะทำตามที่พี่ชายชี้แนะ นางกลับเริ่มตั้งคำถามกับเขา
“วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อถามสหายเต๋าว่า เหตุใดสหายเต๋าถึงยุยงให้พี่ชายของข้าเที่ยวไปสร้างปัญหาในสำนักบำเพ็ญประจิมไม่หยุดหย่อน?” จ้าวกงหมิงจึงรีบกล่าวว่า “น้องหญิงสาม! เจ้ากำลังพูดอะไร!?”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าใดนัก อย่างมากที่สุด เขาก็จะระเบิดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทันที
ในขณะนั้นเขาแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจแบกรับคำว่า ‘ยุยง’ เอาไว้ได้ไหว วอนสหายเต๋าจ้าวช่วยเล่ารายละเอียดให้เทพธิดาฉยงเซียวฟังสักหน่อยได้หรือไม่ว่า เกิดอันใดขึ้นหลังจากที่สหายเต๋าเอาชนะศิษย์คนที่สามของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมได้?”
จ้าวกงหมิงพยักหน้า เขาไม่ได้สำเหนียกถึงกับดักในคำพูดของหลี่ฉางโซ่วเลย
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงจึงเล่าเรื่องทุกอย่างออกมาว่าเขาคุยกับหลี่ฉางโซ่วอย่างไรและเขาทำร้ายนักพรตเต๋า หลังค่อมอย่างไร…ด้วยความสัตย์จริงทั้งหมด
เหตุการณ์นั้นเกิดจากตุ๊กตาจำลองกระดาษมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วระเบิดตัวเองจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวตามมาในภายหลัง ทว่าคำอธิบายของจ้าวกงหมิงในเรื่องนี้ก็กลายเป็นว่า ‘จ้าวกงหมิงสร้างปัญหาและเทพแห่งท้องทะเลจึงเข้ามาช่วยเขาวางแผนอย่างชอบธรรม’…
ฉยงเซียวพลันรู้สึกผิดและมีท่าทีละอายใจ จึงโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วและหลี่ฉางโซ่วก็รีบคืนกลับด้วยการปัดแส้หางม้าของเขา
นางถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจสหายเต๋าผิดไป โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“อย่ากังวลไปเลย เทพธิดา สหายเต๋าจ้าว และข้า…”
อา…ไม่ถูกต้อง คำว่า ‘มีรสนิยมคล้ายกัน’ ข้าพูดเจ็ดคำนั้นไม่ได้แน่นอน!
คำว่า ‘มีชะตาต้องกัน’ ห้าคำนี้ก็ยิ่งเป็นเสมือนถ้อยคำอันตรายแห่งโลกบรรพกาล!
หลี่ฉางโซ่วจึงปรับเปลี่ยนวาจาทันทีและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุ้นเคยกัน พวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ดังนั้นพวกเราจึงควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงที่อยู่ข้างๆ เขา ก็หัวเราะออกมาเบาๆ พลางลูบเครา แต่ฉยงเซียวพลันเปลี่ยนน้ำเสียงและเริ่มกล่าวแทนพี่ชายของนาง…
“สหายเต๋าฉางเกิง พี่ชายของข้ามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อถามว่า พอมีวิธีอื่นอีกหรือไม่”
นางยังขอวิธีอื่น…
“แล้วไยเทพธิดาไม่เกลี้ยกล่อมสหายเต๋าจ้าวเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มขื่นพลางกล่าวต่อว่า “ความจริงแล้ว วิธีนี้ไม่เป็นประโยชน์อะไรจริงๆ มันเป็นเพียงวิธีจัดการกับสถานการณ์ยุ่งยากที่เร่งด่วนในยามนั้นเท่านั้น”
ฉยงเซียวกะพริบตาและหันไปมองจ้าวกงหมิงพลางกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านช่วยแสดงให้ข้าเห็นสักหน่อยได้หรือไม่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เมื่อครู่ ข้าเพิ่งได้ยินท่านอธิบายถึงแนวคิดทั่วไปแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
จ้าวกงหมิงหัวเราะลั่นออกมาพลางเดินไปที่กลางห้องโถงด้านหลังแล้วใช้มือขวาเคาะเก้าอี้ไม้ ทันใดนั้นเก้าอี้ไม้ก็กลายเป็นหุ่นไม้ ยืนอยู่ด้านข้างเขาทันที
ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นไม้นี้ จ้าวกงหมิงจึงได้ทำการหลอกลวงตามมาตรฐานแห่งโลกบรรพกาล
เริ่มด้วย เขาทำร้ายอีกฝ่ายเพื่อ ระบายโทสะก่อน จากนั้นก็เริ่มเล่าความทุกข์ของตัวเองเพื่อให้ดูน่าสมเพชและหลอกล่ออีกฝ่ายให้เห็นใจจนตกหลุมพราง เมื่ออีกฝ่ายอยากปลอบใจ ทำนองว่าตัวเองทุกข์ยากมากกว่า ดังนั้นอย่าเศร้าใจไป ทำให้ทั้งสองฝ่ายล้วนดูแข่งกันตกทุกข์ได้ยาก ในตอนนั้น เขาก็แอบใช้ผลึกบันทึกเหตุการณ์เพื่อจัดการอีกฝ่าย แล้วบีบให้อีกฝ่ายให้สัตย์สาบานปฏิญญาต้าเต๋า ..
หลี่ฉางโซ่วเอามือก่ายหน้าผากทันที เขาอยากจะถามจริงๆ ว่า ‘ท่านลุง ไยท่านจึงเชี่ยวชาญปานนี้!?!’
ในขณะนั้น ฉยงเซียวก็ปิดปากหัวเราะไม่หยุดจนปิ่นปักผมแกว่งไปมาเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ในใจ เขาไม่รู้ว่า ปกติแล้วคนของเกาะซานเซียนมีเรื่องสนุกหรรษาปานใด แล้วยังโง่งมเพียงนี้
จ้าวกงหมิงเสร็จสิ้นการสาธิตวิธีการอย่างรวดเร็วและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วพร้อมเผยสีหน้าชื่นชมออกมา บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจในตัวเอง
หลี่ฉางโซ่วกล่าวได้เพียงว่า “สหายเต๋า… มีทักษะดี”
“เทพแห่งท้องทะเลชมเกินไปแล้ว นี่ล้วนเป็นเพราะได้รับการสั่งสอนจากเทพแห่งท้องทะเลมาเป็นอย่างดีต้องขอบคุณเจ้ายิ่งนัก”
ไม่ ไม่ใช่ข้า โปรดอย่าปัดความรับผิดชอบนี้มาให้ข้าเลย! ข้าไม่ได้สอนให้เจ้าเป็นอันธพาลจอมลวงไปทั่วทุกหนแห่งเช่นนี้!
หลี่ฉางโซ่วกรีดร้องจากส่วนลึกในใจ ทว่าเขาเพียงแต่ยิ้มและกล่าวกับฉยงเซียวว่า “เทพธิดา คิดว่าวิธีนี้สามารถใช้ไปเรื่อยๆ ได้หรือ? หากยังเป็นเช่นนี้ ในระยะยาว ชื่อเสียงของสหายเต๋าจ้าวก็จะไม่…”
“ข้าคิดว่า…” ฉยงเซียวลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปที่หลี่ฉางโซ่วและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สหายเต๋า ท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่คิดถึงแผนการแสนชาญฉลาดเยี่ยงนี้ได้”
เอ๋?
หลี่ฉางโซ่วงงงันเล็กน้อย
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ฉยงเซียวจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ด้านข้างของจ้าวกงหมิงพลางกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านทำกระอักเลือดออกมาอีกครั้งสิเจ้าคะ”
“ได้เลย” จ้าวกงหมิงตอบรับอย่างสุขใจ จากนั้นเขาก็จับหน้าอกพลางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะอ้าปากแล้วกระอักเลือดออกมา “สหายเต๋า เจ้ามันชั่วร้ายยิ่ง! ข้าจะบาดเจ็บเช่นนี้ไปอีกหลายหมื่นปี!”
หลี่ฉางโซวถึงกับพูดไม่ออกในขณะที่ฉยงเซียวหัวเราะอย่างเบิกบานใจ “พี่ชาย ท่านทำดูเกินจริงไปเจ้าค่ะ… ฮ่าฮ่าฮ่า! แต่หากมีคนร่วมมือด้วยก็คงจะดี พี่ชาย ท่านกระอักเลือดออกมาอีกทีสิ ข้าจะลองดูจากด้านข้างเจ้าค่ะ!”
ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงก็กระอักเลือดออกมาอีกพลางก้าวถอยหลังดังตึ้งๆๆ ออกไปอีกสองสามก้าว แล้วแอบใช้ผลึกบันทึกเหตุการณ์
“พี่ชาย!”
จู่ๆ ก็มีเสียงนุ่มดังขึ้นมาจากด้านข้าง เทพธิดาฉยงเซียว รีบเข้าไปช่วยพยุงจ้าวกงหมิงขึ้นแล้วกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?”
ดูเหมือนว่า พี่น้องทั้งสองจะเข้าใจกันโดยปริยาย ในขณะนั้น จ้าวกงหมิงก็ชี้ไปที่หุ่นไม้และกล่าวว่า “เขา… เขา… หวา”
“เจ้าโจรชั่ว!”
ฉยงเซียวกล่าวโทษเขาทันทีด้วยบันดาลโทสะ แล้วดึงกรรไกรขนาดใหญ่ยาวสามฉื่อออกมาจากด้านหลังของนางพลางจ้องไปที่หุ่นไม้อย่างเกรี้ยวกราดและกล่าวว่า “บอกมา เจ้าอยากยุติเรื่องเล็กน้อยนี้หรืออยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต?”
จ้าวกงหมิงตกตะลึง ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้แล้วกล่าวอย่างยินดีว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าสงสัยว่า เหตุใด วิธีของข้าจึงติดขัด และกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ที่แท้มันเป็นเช่นนี้เอง! เพราะขาดคนร่วมวงด้วย ข้าแค่ต้องมีคนมาร่วมมือด้วยสักคน! ฮ่าฮ่า วิธีนี้จะช่วยได้ ช่วยได้จริงๆ! เทพแห่งท้องทะเล ดูสิ… เทพแห่งท้องทะเล เจ้าเป็นอะไรไป?”
“อ่า ไม่มีอะไร” หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม เขายืนขึ้นและกล่าวด้วยความเคารพว่า “สหายเต๋า โปรดอย่าเอ่ยว่าข้าคิดวิธีนี้ขึ้นมาในภายหน้าอีกเลย ในเมื่อท่านปรับปรุงจนได้วิธีใหม่แล้ว เช่นนั้น ย่อมนับว่าท่านเป็นผู้สร้างวิธีนี้ขึ้นมาอย่างแท้จริง!”
“นั่นไม่ถูกต้อง!”
หลี่ฉางโซ่วรีบโค้งคำนับและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “สหายเต๋า… ได้โปรดเถิด!”
ฉยงเซียวกะพริบตาปริบๆ อยู่ด้านข้างขณะที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อส่งจ้าวกงหมิงและฉยงเซียวจากไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่ไหสุราเซียนสองไหซึ่งฉยงเซียวทำขึ้นมา และกองสมบัติที่จ้าวกงหมิงทิ้งไว้ แล้วอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ข้า… ช่างมีชีวิตลำเค็ญอะไรเช่นนี้
ทว่าจ้าวกงหมิงและฉยงเซียวเพิ่งบินออกจากวิหารเทพทะเลไปได้หลายพันลี้ ก็พบร่างที่ลอยลงมาจากเก้าชั้นสวรรค์และมุ่งตรงลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง
ฉยงเซียวกะพริบตาและกระซิบว่า “นั่นท่านแม่ทัพตงมู่จากศาลสวรรค์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เขามาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?”
จ้าวกงหมิงไม่สนใจ แต่ยิ้มแล้วกล่าวถามว่า “น้องหญิงสาม เจ้าว่า เราน่าจะลองไปทดสอบวิธีใหม่นี้กับผู้ใดดี?”
“เอ๋? พี่ชาย เช่นนั้น เหตุใดเราไม่…”
ฉยงเซียวกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงในขณะที่จ้าวกงหมิงลังเลเล็กน้อย
“จะดีหรือ? เราไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกัน”
“เราไม่ทำร้ายเขาก็พอแล้ว ไปกันเถิด พี่ชาย!”
“ก็ได้ ไปกันเถิด ” จ้าวกงหมิงลูบเคราพลางยิ้ม แล้วร่วมไปกับฉยงเซียว พวกเขาแอบไล่ตามเสนาบดีคนสำคัญแห่งศาลสวรรค์ผู้ที่ไม่รู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเขา…
………………………………………………………………..
นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปรโมชั่น
อัปเพิ่มต่อ +1
เพิ่มตอนจากปกติ เวลา 16.00 น. ตลอดช่วงแคมเปญ
17-30 มิ.ย. 65 เท่านั้น!
ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
Ink Stone