ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 201 จอมชั่วร้ายปะทะจอมชั่วช้า (1)
ตอนที่ 201 จอมชั่วร้ายปะทะจอมชั่วช้า (1)
ในขณะนี้ จ้าวกงหมิงขี่เมฆล่องลอยไปยังเกาะที่เป้าหมายของเขาอยู่คือ…
ด้วยความช่วยเหลือจากน้องสามของเขา ในขณะนี้ จำนวนคนที่ถูกพวกเขาหลอกลวง จึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ในสถานการณ์ยามนี้ สิ่งที่จ้าวกงหมิงต้องการทำนั้นง่ายกว่าปกติ…
ในขณะที่จ้าวกงหมิงเปิดเผยร่องรอยของเขา ผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่อยู่บนเกาะร้างนั้น ก็สังเกตเห็นเขา
ในเวลานั้น นางกำลังจะหลบหนีไปเงียบ ๆ แต่เมื่อกำลังจะเคลื่อนไหว จู่ๆ ความรู้สึกถึงอันตรายก็ผุดขึ้นมาในใจนาง
สำหรับคนโหดเหี้ยมอย่างผู้บำเพ็ญเหวินจิง ซึ่งเคยผ่านชีวิตมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ภูมิหลังของนางเท่านั้น นางเป็นคนที่มีสัมผัสรับรู้ได้ไวที่สุด
ในขณะนั้น สัญชาตญาณของนางก็เตือนว่า หากนางหนี วันนี้นางก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ทว่าตรงกันข้าม หากไม่ขยับ ก็ไม่เป็นอันตราย…
นางมีจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยเหลือในการ ปิดผนึกความลับแห่งสวรรค์นี้ และด้วยเหตุนี้ ย่อมจะไม่ผู้ใดค้นพบภูมิหลังของนางได้โดยง่าย
ในขอบเขตพลังปราณของนาง นอกเหนือจากจอมปราชญ์แล้ว ก็ยากที่ปรมาจารย์คนอื่นๆ จะมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของนางได้ เว้นเสียแต่นางจะแปลงเป็นร่างหลักของนางเอง
นอกจากนี้ กรรมร้ายของผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ได้รับการชำระล้างด้วยบุญเครื่องสักการะมาช้านานแล้ว แม้ยามนี้ นางจะไม่มีบุญเหลืออยู่ แต่นางก็ยังไม่ถูกจดจำเป็นนางมารร้ายได้อย่างง่ายดาย…
ดังนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจึงยังคงนิ่งสงบ และแสร้งทำเป็นนั่งสมาธิ แอบเฝ้าสังเกตศิษย์ผู้หนึ่งอยู่ลับๆ นางรู้สึกว่า เขาน่าจะเพิ่งผ่านไป ศิษย์ชั้นนอกผู้ยิ่งใหญ่ที่อาวุโสที่สุดของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
แน่นอนว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้จักจ้าวกงหมิงเป็นอย่างดีและยังรู้ว่าจ้าวกงหมิงทรงพลังมหาศาล และด้วยการปรากฏตัวของไข่มุกเทพทะเลยี่สิบสี่เม็ด ย่อมมีปรมาจารย์ที่อยู่ภายใต้จอมปราชญ์จำนวนน้อยคนนักที่จะสามารถจัดการได้
แต่นางไม่เชื่อว่าศิษย์ชั้นนอกของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะสังหารนางอย่างไร้เหตุผล เนื่องจากรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของนาง ไร้กรรมชั่วร้าย และภูมิหลังที่ซ่อนเร้นอยู่! และเป็นไปตามคาด ดูเหมือนว่า จ้าวกงหมิงจะ… จะผ่านมาโดยบังเอิญ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจึงระงับกลิ่นอายลมปราณและรอเงียบ ๆ เพื่อให้จ้าวกงหมิงผ่านไปจากที่นี่ นางยังพร้อมที่จะหลบหนีหรือโจมตีหากมีปัญหาได้ได้ทุกเมื่อ
สถานที่นั้นถูกซ่อนเอาไว้อย่างดีจริงๆ ทว่า นางยังได้พบกับปรมาจารย์เช่นนี้ได้… ไม่นานหลังจากนั้น จ้าวกงหมิงก็บินอยู่เหนือศีรษะของผู้บำเพ็ญเหวินจิง แล้วจู่ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น! ก่อนที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะทันได้ตอบสนองใด ๆ ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงก็กระอักเลือดออกมาท่วมหน้าอกของเขาขณะอยู่บนเมฆในท้องฟ้า เขาจับหน้าอกแล้วร่วงจากก้อนเมฆลงมาสู่พื้น…
ลมหายใจของเขากำลังจะตายและสัมผัสของเขาก็โกลาหล สิ่งแรกที่ผู้คนรู้สึกคือเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและจู่ๆ ก็โพล่งออกมา!
บัดนั้น ลมหายใจของเขารวยริน และอักขระเต๋าของเขาก็แปรปรวนไปหมด สิ่งแรกที่ผู้คนจะรู้สึกก็คือ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงดังออกมา!
ทันทีที่ได้ยินเสียง “พึ่บ” เบาๆ บุรุษผู้กล้าหาญก็ร่วงลงมาจากฟากฟ้า จากนั้น เขาเงยก็หน้าขึ้นฟ้า พร้อมกับกางแขนออก และล้มลงต่อหน้าผู้บำเพ็ญเหวินจิง
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงตะลึงงันฉับพลัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในที่สุด เต๋าสวรรค์ก็จำราชินีเช่นข้าได้? เขาจะให้อาหารเลือดแก่ข้าโดยตรงอย่างนั้นหรือ?
เลือดของปรมาจารย์เช่นนี้ ต้องเป็น…
“เจ้า เจ้า!” จ้าวกงหมิงพยายามลืมตาและเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากมาก เขาชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงขณะร้องตะโกนเสียงดังว่า “สหายเต๋า เหตุใด… เหตุใดถึงลอบโจมตีข้าเช่นนี้?”
ในขณะนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่ยังคงตื่นเต้นอยู่ ก็ตกตะลึงงันไปทันทีในขณะที่มีเครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนางอย่างกะทันหัน
นี่มันอันใดกัน?
นางอยู่ในโลกบรรพกาลมาเนิ่นนานแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอเรื่องอะไรเช่นนี้…
“พี่ชาย! พี่ชาย พี่เป็นอันใดหรือไม่?”
ทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ตื่นตระหนก เมื่อจู่ๆ ก็มีกลิ่นอายลมปราณหนึ่งปรากฏขึ้นมา ห่างจากที่นี่ออกไปราวสองร้อยลี้ แล้วสาวน้อยนางหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นฉับพลันและรีบดิ่งเข้ามาที่นี่ด้วยเพียงไม่กี่ก้าว
เทพธิดาฉยงเซียวหรือ?
เป็นไปได้หรือไม่ที่จ้าวกงหมิงและเทพธิดาซานเซียวจะรู้ตัวตนของข้าแล้ว จึงมาซุ่มโจมตีที่นี่?
แต่เหตุใดนางไม่ลอบโจมตีเลยเล่า? แทน…แทนที่จะทำเช่นนี้…
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงนั่งลืมตาอยู่ที่นั่น และแสร้งทำเป็นสงบนิ่งในขณะที่มองสถานการณ์ที่อยู่ข้างหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปความสงสัย นางแอบเตรียมที่จะสูญเสียพลังตบะเต๋าของนางไปหมื่นปีแล้วเสี่ยงหลบหนีไปอย่างอับจนหนทาง!
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็กลับทำให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้สึกว่า นาง… ไม่เพียงแต่ไร้เดียงสาเกินไป แต่ยังเป็นหกขา[1]ไร้รองเท้าจนทำอะไรไม่ได้อีกด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ สถานที่จัดงานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า จิตใจของหลี่ฉางโซ่วพลันสั่นไหวเล็กน้อย
จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีเกิดขึ้นในที่ใดสักแห่ง
ในระหว่างที่นั่งทำสมาธิ หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและแอบทำมุทราหยั่งรู้อยู่ลับๆ
จากการทุ่มเทอยู่กับการหยั่งรู้มานานหลายปี ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกว่า… มั่นใจว่าเขาไม่อาจคาดคำนวณใดๆ ได้เลย
นับตั้งแต่วิหารเทพทะเลขยายตัวออกไปจนทะลุหนึ่งหมื่นแห่งแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้รับคำเตือนล่วงหน้าเมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับสำนักเทพทะเลในทะเลทักษิณ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความห่วงใยของเต๋าสวรรค์
แต่ตามกฎใหญ่สามประการ ของโลกบรรพกาล หนึ่งในนั้นคือ มีสุขก็ย่อมมีทุกข์ได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องดีก็อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ เสมอไป
ชั่วขณะหนึ่งนั้น หลี่ฉางโซ่วทำมุทราหยั่งรู้เพื่อคาดคำนวณ แต่ก็ไม่อาจรับรู้อะไรได้เลย เขาจึงใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในทะเลทักษิณให้ออกลาดตระเวนไปรอบๆ สถานที่ใกล้ๆ กับวิหารเทพทะเลในแดนมนุษย์
สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
ข้าทำได้แค่รอดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น
ด้วยสิ่งในใจดังกล่าว หลี่ฉางโซ่วจึงยังคงเฝ้าระวังและพยายามวิเคราะห์ดูว่าจะมีข่าวดีจากที่ใด
แน่นอนว่า เขาไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่า ในขณะนี้ ได้เกิดเรื่องมหัศจรรย์อันใดขึ้นบนเกาะร้างในทะเลทักษิณ…
ในขณะนั้น ก็มีอักขระเต๋าปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉางโซ่วเงียบ ๆ ทำให้หลี่ฉางโซ่วตื่นตกใจในทันที
เป็นการถ่ายทอดความเข้าใจอีกครั้ง!
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วได้ฝึกฝนเต๋านิรกรรมแห่งบรรพชนไท่ชิง ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้ใช้หลายวิธีเพื่อทำการหยั่งรู้เต๋าอันยิ่งใหญ่หลายครั้ง และถ้อยคำเหล่านั้นก็ได้ก่อตัวขึ้นอยู่ในใจของเขา
ในขณะนั้น สถานการณ์ดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!
แต่คราวนี้ อักขระเต๋านั้นคลุมเครือและลึกลับอย่างยิ่ง!
หลี่ฉางโซ่วเพ่งจิตทั้งหมดไปที่ร่างกายของเขาทันที เขารู้สึกได้ สัมผัสได้ และตระหนักได้ในทันทีว่า จิตใจของเขาค่อย ๆ ป่วนปั่นสั่นคลอน
นั่นไม่ใช่อักขระเต๋าของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู!
ยามนี้ ในโลกบรรพกาล นอกเหนือจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ก็มีเพียงบรรพชนไท่ชิงเท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดคำสอนด้วยเต๋าแห่งการส่งผ่านข้อความในใจของเขา!
ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์…
เขาไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับหลี่ฉางโซ่วเท่านั้น แต่ยังข้ามผ่านตัวกลางและมาสื่อสารกับเขาโดยตรง!
อักขระเต๋าไหลวนเวียนไปช้าๆ และความเข้าใจลึกซึ้งแห่งการรู้แจ้งก็เริ่มปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉางโซ่ว ทว่าก็มีภาพคลุมเครือเจือปนอยู่ในความเข้าใจเหล่านี้
ความจริงแล้ว มันเป็นภาพ…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูทำได้เพียงส่งข้อความเพื่อถ่ายทอดถ้อยคำง่ายๆ ในขณะนั้น ท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ส่งข้อความผ่านหลี่ฉางโซ่วก็ได้ใส่ความเข้าใจในการรู้แจ้งส่วนหนึ่งและภาพเหตุการณ์หนึ่งไว้ในใจของ หลี่ฉางโซ่วโดยตรง!
ความแตกต่างในเต๋านั้นชัดเจนยิ่ง!
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยังคงอยู่ในขั้นตอนที่สามารถใช้พลังเวทเล็กๆ ของเขาในการส่งข้อความสั้นๆ ในขณะที่บรรพชนไท่ชิงก็ได้เปิดใช้งาน “พรห้าประการ” แล้วส่งภาพบันทึกเหตุการณ์มาให้เขา!
ในภาพ
ยุงดำปีกโลหิตขนาดเท่ากำปั้นแอบบินเงียบๆ เข้าไปในเคหาสน์ถ้ำที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีทอง มันตกลงไปในสระสมบัติกลางเคหาสน์ถ้ำแห่งนี้ และกลายเป็นร่างที่ทรงเสน่ห์
จากนั้น ดอกบัวสีทองสิบสองกลีบก็ปรากฏขึ้นมาในสระสมบัติ สตรีผู้นั้นยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสดอกบัวทอง แล้วแสงสีทองก็พุ่งเข้าสู่ร่างของนางอย่างรวดเร็ว…
เจ้าสัตว์ประหลาดสารเลว!
มีเสียงคำรามดังลั่น และภาพเหตุการณ์นั้นก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
……………………………………………………………………………
[1] เปรียบเปรยกับยุงที่มีหกขา