ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 213 จงกล้าหาญแล้วกล่าวตามตรง! (1)
ตอนที่ 213 จงกล้าหาญแล้วกล่าวตามตรง! (1)
เทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้นี้ ช่างไม่น่ารักเลยจริงๆ…
เทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้นี้ ก็ซุกซนอย่างยิ่งเช่นกัน
เมื่อเห็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวปรากฏขึ้นที่ใต้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ปี้เซียวก็หยุดยิ้มแล้วพ่นลมหายใจเย็นชาออกมาทันที
“เจ้าโจรชั่ว กล้าดีอย่างไรถึงมาหลอกข้าด้วยร่างจำแลงของเจ้าเช่นนี้!”
กล่าวจบ ปี้เซียวก็ยกมือขึ้นและสาดแสงเซียนที่ ‘อ่อน’ ออกไป โดยไม่รอให้หลี่ฉางโซ่วทันได้กล่าวอันใดเพิ่มเติม นางฟาดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์โดยตรง แต่หลี่ฉางโซ่วฉับไวยิ่ง ก่อนจะถูกแสงเซียนโจมตี เขาก็โยนม้วนภาพเหมือนออกไปในทันที
ปี้เซียวไม่ได้ทำร้ายเขาจริงๆ นางเพียงแค่ผลักตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่ปลอมเป็นเซียนชราลงไปที่พื้นแล้วเตรียมพร้อมจะแกล้งเขาต่อไป…
ทว่า…
“เอ๋?”
ปี้เซียวรีบคลี่ผ้าออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มศีรษะมองลงไปแล้วกะพริบตา ภาพนั้นคือ ภาพเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นการประชุมของจ้าวกงหมิง ฉยงเซียว และหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งพบกันที่ห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเลในทะเลทักษิณ
ผู้คนที่อยู่ในภาพวาดนั้น ดูมีชีวิตชีวาเหมือนจริง จ้าวกงหมิงมีใบหน้าและร่างที่ดูองอาจแกร่งกล้า เทพธิดาฉยงเซียวดูเงียบสงบและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาบนใบหน้าของนาง นางเข้าใจสาระสำคัญได้อย่างสมบูรณ์แล้ว…
นี่คือทักษะวาดภาพด้วยพู่กันอันวิจิตรงดงามที่หลี่ฉางโซ่วได้ฝึกฝนเพื่อสร้างชุดสมบัติของสำนักเพิ่มเติม “จักรพรรดินีชราไป่เหมย”!
ปี้เซียวอดจะพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “เอ่อ ท่านเป็นสหายของพี่ชายจริงๆ หรือ?”
จากนั้น นางก็มองไปที่หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งนอนอยู่บนพื้น แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“ข้าทำร้ายเขาแล้ว เพื่อไม่ให้พี่ชายและพี่สาวทั้งสองดุด่าข้า… เฮ้อ ข้าทำได้เพียงแค่ต้องหาร่างหลักของเจ้าแล้วสังหารเสีย จากนั้น ก็ทำลายศพของเจ้าและร่องรอยทั้งหมด อย่าโทษข้าเลยนะ”
“เทพธิดา เจ้าไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้น อย่าเคร่งเครียดให้มากเกินไปเลย” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าว
แม้เขาจะรู้ว่าปี้เซียวอาจเพียงแค่ล้อเล่น แต่เขาก็ยังต้องระวังมากขึ้น
เพราะในท้ายที่สุด นางก็เป็นหนึ่งในซานเซียว นางเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง โกรธเกรี้ยวและยังกล้าที่จะโจมตีปรมาจารย์จอมปราชญ์ เช่นนั้นแล้ว ยังจะมีอะไรที่ทำไม่ได้อีกเล่า?
ขณะที่เขากล่าว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็เปลี่ยนเป็นตุ๊กตากระดาษก่อน จากนั้นเขาก็ฉีกกระดาษชั้นนอกสุดออก ทำให้สูญเสียพลังเซียนออกไปบ้าง แต่เขาก็สามารถทำลายข้อจำกัดของปี้เซียวได้
นั่นอาจถือได้ว่าเป็นทักษะการใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เล็กๆ น้อยๆ
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าก็แกว่งไปมาแล้วกลายเป็นเซียนชราอีกครั้ง เขาถือแส้หางม้าและยิ้มให้เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “เทพธิดา เจ้าเพิ่งต้อนรับทักทายข้าเมื่อครู่ แล้วไฉนถึงบอกว่าจะตีข้า?”
ปี้เซียวยิ้ม “เจ้าเซียนเฒ่า เจ้าทำดีนัก”
“เทพธิดา เจ้าต้องล้อเล่นแน่แล้ว เจ้าใช้ร่างจำแลงมาที่นี่ ซึ่งออกจะเป็นการไม่ให้เกียรติไปสักหน่อย” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “แต่ข้ามีความลับที่อธิบายไม่ได้จริงๆ มันอันตรายต่อร่างหลักของข้ามากเกินไปที่ข้าจะออกมาได้” “ความลับที่พูดออกมาไม่ได้?”
ปี้เซียวกะพริบตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์และทรงพลังแล้วถามว่า “ความลับใดกัน? เจ้าช่วยบอกเรื่องนี้ให้ข้าฟังอย่างละเอียดสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าเบื่อจะอยู่บนเกาะนี้มาก พี่หญิงใหญ่ก็ไม่ให้ข้าออกไปข้างนอกด้วย ข้าเบื่อมาตลอดเลย!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
เขารู้สึกว่านางกำลังวางแผนร้ายกับเขาอยู่ตลอด แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน “เทพธิดา เรื่องเหล่านี้ ไว้คราวหน้า เราค่อยว่ากันอีกทีเถิด” วันนี้ ข้ามาที่นี่ จริงๆ ก็เพราะเรื่องของสหายเต๋าจ้าวกงหมิง และ เทพธิดาฉยงเซียว ข้าขอให้เจ้าช่วยนำจดหมายของข้าให้เทพธิดาอวิ๋นเซียวดูก่อนได้หรือไม่” ปี้เซียวแค่นเสียงถามว่า “อันใดกันเล่า? เหตุใดไม่หาข้า ให้ข้าดูเล่า?”
หาเจ้า?
จะได้เพิ่มแม่ทัพผู้แข็งแกร่งอีกคนในคณะต้มตุ๋นน่ะหรือ?
เท่าที่ดูนิสัยและท่าทางของ ปี้เซียวที่เผยออกมาให้เห็น หากปี้เซียวรู้ว่า จ้าวกงหมิง และเทพธิดาฉยงเซียว กำลังเที่ยวหลอกลวงผู้คนอยู่ข้างนอก นางย่อมจะรีบวิ่งเข้าไปสมทบและเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขาทันทีอย่างแน่นอน!
แน่นอนว่า เขาไม่อาจพูดเช่นนั้นออกไปได้ เขาต้องใส่ใจเรื่องวาทศิลป์…
หลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “หากข้าหาเจ้า เราย่อมจัดการมันได้อย่างแน่นอน หากแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้คือพี่ชายและพี่สาวของเจ้า เทพธิดา หากเจ้าบุ่มบ่ามเกินไป พวกเขาจะไม่โทษเจ้าภายหลังแล้วทำร้ายเจ้าหรือ?”
เด็กสาวยิ้มและหรี่ตามองพลางกล่าวว่า “คำพูดของเจ้าฟังดูดีมาก ทว่าเมื่อครู่นี้เอง ข้าเผลอโยนจดหมายของเจ้าลงทะเลไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” หลี่ฉางโซ่วหยิบม้วนผ้าอีกผืนออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้าได้เตรียมสำเนาเผื่อเอาไว้นิดหน่อย”
ปี้เซียวผงะงันทันที
“เจ้ายอดเยี่ยมมาก”
“ปี้เซียว” กล่าวชมเบา ๆ พลางถอนหายใจออกมา ร่างของนางแกว่งไปมาเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นเมฆที่กระจายและสลายไปทันที ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินข้อความเสียงผ่านเข้ามาในหูของเขา
“เจ้ารอที่นี่สักครู่ ข้าจะไปดูก่อนว่าพี่หญิงใหญ่เข้าปิดด่านอยู่หรือไม่ ข้าไม่ได้ทำจดหมายของเจ้าตกหายไปหรอก”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันทันที เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าปี้เซียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในยามนนี้ ก็เป็นร่างจำแลงด้วยเช่นกัน
ดังนั้น นี่ก็เป็นเพียงแค่การสนทนากันระหว่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และร่างเมฆ…
เฮ้อ โลกบรรพกาลนั้น ช่างซับซ้อนและเต็มไปด้วยแผนการล้ำลึก แล้วจะมีผู้ใดคิดเอาจริงจังเล่า?
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้รอนานเกินไป
แม้ปี้เซียวจะชอบล้อผู้อื่นเล่น แต่นางก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากเพียงใด
เมื่อเห็นจ้าวกงหมิง และเทพธิดาฉยงเซียวในภาพวาด นางก็รู้ว่า หลี่ฉางโซ่วเป็นสหายของจ้าวกงหมิงจริงๆ
แม้แต่เซียนต้าหลัวจินธรรมดาก็ยังไม่อาจมองทะลุผ่านพี่สาวของนางได้ ทักษะปกปิดของฉยงเซียว
ในเมื่อเขาสามารถวาดใบหน้าและรูปร่างของฉยงเซียวด้วยรายละเอียดพิถีพิถันเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะนักพรตเต๋าชราผู้นี้ได้พบและเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางมาก่อน
ในขณะนี้ อวิ๋นเซียวเข้าปิดด่านอยู่จริงๆ
แต่ปี้เซียวครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจปลุกพี่สาวของนางให้ตื่นขึ้นก่อนจะรายงานเรื่องนี้พร้อมกับมอบจดหมายที่หลี่ฉางโซ่วเขียนไว้ให้นาง…
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเมฆจาง ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้งในลานเล็ก ๆ ที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลี่ฉางโซ่วอยู่
แล้วร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้นในหมู่เมฆก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าสองสามก้าว
สิ่งแรกที่หลี่ฉางโซ่วเห็นก็คือ เด็กสาวในชุดสีเขียวอ่อน ปักปิ่นสีเขียวหยก และสวมรองเท้าผ้าหุ้มข้อสูงสีเขียว
นางมีใบหน้างดงามและดูค่อนข้างคล้ายกับเทพธิดาฉยงเซียว ทว่านางดูอ่อนเยาว์กว่าเทพธิดาฉยงเซียวอยู่เล็กน้อย
บางที นั่นอาจเป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของเทพธิดาปี้เซียว
แน่นอนว่า ในตอนนี้ หลี่ฉางโซ่วย่อมไม่อาจรู้ได้ว่า ปี้เซียวยังคงกำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่…
แต่หลี่ฉางโซ่วก็เลื่อนสายตาไปที่เทพธิดาที่อยู่ข้างๆ ปี้เซียวอย่างรวดเร็ว และพบว่า ยากที่จะละสายตาไปจากนางได้
นี่คือเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่มีชื่อเสียงใช่หรือไม่?
เมื่อมองแวบแรก เขารู้สึกว่านางมีใบหน้างดงาม ดวงหน้าสุดแสนวิจิตร รูปร่างเพรียวบาง นางสูงกว่าปี้เซียวที่อยู่ข้างๆ นาง
เมื่อมองใกล้ชิดขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่า ใบหน้าของนางประณีตงดงามอย่างไร้ที่ติใด ๆ เป็นความสมบูรณ์แบบที่ดูนุ่มนวลอ่อนโยน ไร้เสน่ห์ยั่วยวนใดๆ
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวเรียบๆ ธรรมดา เส้นผมยาวสีดำสามพันเส้นของนางถูกจัดแต่งเป็นทรงเมฆตรงขมับอย่างสวยงาม
นางยังคงยืนนิ่งเงียบ ๆ ราวกับกล้วยไม้ที่เบ่งบานในหุบเขาเงียบ ๆ นางเป็นเหมือนร่างที่ยืนอยู่บนก้อนเมฆ ดูอิสระจากโลกหล้า บริสุทธิ์สะอาดปราศจากมลทินใดๆ แม้แต่น้อย
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็อดจะนึกถึงคำบรรยายที่เหมาะสมขึ้นในใจไม่ได้ ทั้งหมดล้วนมีความสูงส่ง ศักดิ์สิทธิ์ กระจ่างใสบริสุทธิ์ ชัดเจน สง่างาม…
นางดูประหนึ่งบุปผาบริสุทธิ์ที่เบ่งบานอย่างดึงดัน ในโลกบรรพกาลแห่งนี้
นั่นคือ เทพธิดาในอุดมคติของหลี่ฉางโซ่ว!
ความแตกต่างระหว่างสามสาวพี่น้องนี้ ดูได้จากนิสัยใจคอ…
นางไม่ได้เกิดจากมารดาคนเดียวกันอย่างแน่นอน!
เทพธิดาซานเซียวเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเทียน แต่พวกนางล้วนมาจากพื้นเพเดียวกัน แปลงร่างเป็นมนุษย์และฝึกบำเพ็ญเพียรร่วมกัน ดังนั้นพวกนางจึงเป็นพี่น้องกัน
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจพลางระงับความปั่นป่วนในใจให้สงบลงก่อนจะถือแส้หางม้า ก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งคำนับก่อนจะกล่าวว่า “ข้ามีนามว่า ฉางเกิงแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ขอน้อมพบเทพธิดาอวิ๋นเซียว”
อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงปานสายน้ำใสสะอาด อ่อนโยนยิ่ง
“ขอบคุณท่านมาก ลำบากสหายเต๋าฉางเกิงให้เดินทางมาครั้งนี้แล้ว ในยามนี้ น้องสาวของข้าทำให้ท่านขุ่นเคืองใจมาก โปรดอภัยให้นางด้วยเถิด ทว่าสหายเต๋า ที่ท่านกล่าวมาในจดหมายนั้น เป็นความจริงหรือไม่?”
“เป็นความจริง” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “จะให้ข้าทำปฏิญญาต้าเต๋าก็ได้”
“สหายเต๋า โปรดอย่าทำเช่นนั้นเลย ข้ารู้สึกไม่สบายใจนัก”
อวิ๋นเซียวถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกมือขึ้นเพื่อทำมุทราหยั่งรู้ นางขมวดคิ้วมุ่นในขณะที่กล่าวออกมาเบา ๆ “น้องเล็ก จงเฝ้าระวังอยู่บนเกาะ ข้าจะออกไปพร้อมกับสหายเต๋าผู้นี้”
“เจ้าค่ะ” เทพธิดาปี้เซียวตอบรับอย่างเชื่อฟัง
…………………………………………………………………………………………………………………………