ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 215 เจ้ากลัวผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่หรือไม่ (1)
ตอนที่ 215 เจ้ากลัวผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่หรือไม่? (1)
อ่า ข้าจำได้…
ก่อนการล่มสลายของโลกบรรพกาล ณ ภูเขารกร้างในขอบท้องฟ้าด้านตะวันออก เขาที่เพิ่งประสบความสำเร็จในการฝึกบำเพ็ญเต๋า กำลังวิ่งอย่างเบิกบานใจในยามอาทิตย์อัสดง นั่นคือ ความเยาว์วัยที่เขาสูญเสียมันไปนานแล้ว
การเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างเขาและน้องสาวทั้งสามของเขาคือ เมื่อยามที่พวกเขาถูกสัตว์ร้ายล้อมรอบ เขาคิดว่าเขาเป็นวีรบุรุษที่ช่วยสาวงามยามตกอยู่ในอันตราย ทว่า… พวกนางยอมรับเขาเป็นพี่ชายของพวกนาง
“สหายเต๋า ขอบคุณที่ดูแลพวกเราสามพี่น้อง ในที่สุด พวกเราก็บรรลุเต๋าของพวกเราในวันนี้แล้ว หากท่านไม่รังเกียจ ในภายหน้า พวกเราขอนับถือสหายเต่าเป็นพี่ชายได้หรือไม่?”
ยามที่เขาได้พบท่านอาจารย์ครั้งแรกคือ เวลานั้น ท่านอาจารย์กำลังบรรยายอยู่บนเกาะเมื่อข้าบังเอิญผ่านไปพอดี และรู้สึกว่าเต๋าของท่านก็ธรรมดา หาได้มีอะไรพิเศษนัก ดังนั้นเขาจึงไปถกประเด็นเต๋ากับท่านอาจารย์ แล้วผลก็คือ…โดนเหยียบย่อยยับ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามั่นใจเถิด! ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าว่าความเข้าใจของเจ้าไม่เลว เจ้าอยากเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่? ”
“อืม เต๋าของเจ้าได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนัก!”
“ว่าอย่างไร? เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร? ใต้หล้านี้ มีน้อยคนนักที่จักเอาชนะข้าได้”
ช่วงเวลายาวนานห่างไกล ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล
ข้าลืมไปแล้วหรือไม่? เมื่อข้ามีสติปัญญาในช่วงแรกเริ่ม ข้าปรารถนาจะเป็นอมตะ คงชีพยืนยาวชั่วกาล และปรารถนาจะเป็นที่ยอมรับจากทั่วทั้งสวรรค์ยันปฐพี
“อา นั่นคือเจตจำนงแรกเริ่มของข้า…”
ในลานบ้าน จ้าวกงหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขามองเห็นหลายปีที่ผันผ่านอันเลือนรางได้ แล้วน้ำตาขุ่นมัวสองหยดก็ค่อยๆ ไหลรินลงมาจากหางตาโดยไม่รู้ตัวและเวลานี้ อักขระเต๋าก็เข้าห้อมล้อมไปทั่วทั้งร่างของเขาในขณะที่เขามีสีหน้าท่าทางดูผ่อนคลาย
ทุกอย่างคงอยู่ในสภาพเช่นนั้น ปรากฏว่า ความจริงแล้ว เขา…ได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกในระดับเล็ก
หลี่ฉางโซ่วอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ “ยอดวิชาเจตจำนงแรกเริ่ม” ของเขามีประโยชน์เพียงใดกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น?
ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวซึ่งอยู่ที่ด้านข้าง มองดูเมฆบนท้องฟ้าพลางถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่มีอักขระเต๋าเล็กๆ ค่อยๆ หมุนวนรอบกายนางช้าๆ
แม้นางจะไม่รู้ว่าเจตจำนงแรกเริ่มของพี่ชายคืออะไร แต่นางก็ยังประทับใจ และขอบเขตหัวใจเต๋าของนางก็ก้าวหน้าขึ้นไปอีกเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน …
เมื่อพูดคุยกับผู้ยิ่งใหญ่ครั้งต่อไป เขาจะคิดระบุราคาทุกอย่างให้เห็นชัดเจนได้หรือไม่?
“เทพแห่งท้องทะเล” จ้าวกงหมิงหันไปมองหลี่ฉางโซ่ว แล้วโค้งคำนับให้อย่างสุดซึ้ง “ข้าเข้าใจ”
เข้าใจ… เขาเข้าใจอะไร?
“เฮ้อ” เทพธิดาอวิ๋นเซียวถอนหายใจเบาๆ และหันไปมองร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่ปลอมตัวอยู่ในร่างของเซียนชราผู้หนึ่ง
จากนั้น นางก็กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ขอบคุณที่ชี้แนะข้า สหายเต๋า โปรดให้พวกเราพี่น้องได้ตอบแทนน้ำใจของท่านในวันนี้” “ปี้เซียว ฉยงเซียว ครั้งนี้ ข้าจะไม่ลงโทษพวกเจ้าเพื่อเห็นแก่สหายเต๋า เทพแห่งท้องทะเลที่ขอร้องให้พวกเจ้าทั้งคู่ แต่ข้าจะกักบริเวณพวกเจ้าแต่ละคนเอาไว้เก้าพันปี”
ปี้เซียวเอียงศีรษะและกล่าวเบา ๆ ว่า “พี่หญิง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้านี่ …”
“แล้วพวกเจ้าจะคุกเข่าลงด้วยเหตุใดกัน?” อวิ๋นเซียวแสดงอำนาจในฐานะของพี่สาวคนโตออกมาขณะกล่าวอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อพวกเจ้าสำนึกผิด ย่อมต้องมีเหตุผล”
ปี้เซียวถอนหายใจเบาๆ และยังคงนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าท่าทางบ่งบอกความรู้สึกเช่นเดียวกับฉยงเซียว คือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
หลี่ฉางโซ่วที่อยู่ด้านข้างเผยรอยยิ้มอบอุ่นพร้อมด้วยท่าทีสุดหยั่ง
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอันใดขึ้น แต่ก็ดูเหมือนจะได้ผลดีอย่างคาดไม่ถึง
เช่นนั้น ข้าจะเก็บ ‘เจตจำนงแรกเริ่ม’ เพิ่มลงไปในคลังไพ่ไม้ตายวาจา[1]ของข้า
หลี่ฉางโซ่วยังคงกังวลเล็กน้อย จึงเอ่ยเตือนจ้าวกงหมิงอีกครั้ง
“สหายเต๋ากงหมิง โปรดจำไว้ว่า หากไม่จำเป็น ก็อย่าได้ทำเรื่องเช่นนี้อีกในภายหน้า
เรื่องนี้ไม่มีทางเลือก เพราะสุดท้ายแล้ว การหลอกลวงใครสักคนก็เป็นเพียงเรื่องของผู้แข็งแกร่งกว่ารังแกผู้อ่อนแอกว่าเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าพึงกระทำ ” “โอ้ ทำให้เทพแห่งท้องทะเลต้องกังวล ลำบากเจ้านักแล้ว” จ้าวกงหมิงกล่าวด้วยสีหน้าท่าทีละอายใจ “ข้ามัวแต่คิดถึงเรื่องสนุกสนานมากเกินไปจนลืมหลักการแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ และยังต้องให้เจ้ามาที่เกาะซานเซียน ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณสหายเต๋า ไม่เช่นนั้น ข้าคงเสียหัวใจเต๋า และเจตจำนงแห่งเต๋าไปแล้ว ข้าจะทำให้ท่านอาจารย์ของข้าต้องเสื่อมเสีย และทำให้คำสอนและความคาดหวังของท่านต้องสูญเปล่าไปด้วย”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก…
ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นน่า
เขาแค่มาที่นี่เพราะกลัวว่า จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวจะคิดอะไรบางอย่างเพื่อ ‘ทำให้ยุงกลัว’ โดยไม่รู้ตัว และก่อกรรมให้กับตัวเขามากขึ้น ในฐานะเป็นคนต้นคิดเตรียมแผนการโกงมาแต่เดิมให้กับจ้าวกงหมิง เมื่อมองไปที่ฉยงเซียวและปี้เซียวที่ดูสลดหดหู่ แม้เขาจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังมีอันตรายบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ที่เขาทำในวันนี้ก็มากพอแล้ว
มันมากเกินไป
ทว่าปัญหาก็คือ…
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่หานจื่อซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วกระตุกมุมปากของเขา
เกิดอันใดขึ้นกันแน่? เหตุใด “สตรีที่เกือบจะเป็นคู่รักในอดีต” ของรองเจ้าสำนัก[2]จึงมาอยู่ที่นี่?
เหตุใดผู้บำเพ็ญขอบเขตเซียนเสิ่นจึงได้เข้าไปพัวพันกับปรมาจารย์สองคนที่สามารถคว่ำเซียนต้าหลัวได้อย่างง่ายดาย?
นี่มันเป็นโชคอันใดกัน? จะโชคดีอะไรปานนี้!?!
แต่ข้าก็คิดว่าโชคดีไม่น้อย เช่นกัน ถึงข้ายังไม่ทันจะเป็นเซียนจิน แต่ข้าก็เคยร่วมงานรวมกลุ่มกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินแล้ว ข้ายังเคยดูภาพเรื่องราวจากที่จอมปราชญ์เทพส่งมาให้…
หรือว่า หานจื่อจะเป็นหานจื่อเซียนตัวร้ายจริงๆ? เพราะจ้าวกงหมิงและฉยงเซียวต้องการกำลังคนเพื่อหลอกลวงผู้คน ดังนั้นพวกเขาจึงให้นางได้คุ้นเคยสนิทสนมกับเหล่าเซียนซานเซียว[3] แล้วอยู่ฝึกบำเพ็ญบนเกาะซานเซียนใช่หรือไม่?
เช่นนั้น หากในเวลานี้ ข้าจะพูดสักสองสามคำแล้วพาหานจื่อจากไป ชะตากรรมของเซียนซานเซียวจะไม่น่าอนาถอย่างนั้นใช่หรือไม่?
เมื่อหลี่ฉางโซ่วเพิ่งคิดเรื่องนี้ขึ้นมาในใจ เขาก็สลัดความคิดนั้นออกไปในทันที
ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังขุดหลุมขึ้นมาในใจ จากนั้นก็โยนความคิดนี้ทิ้งลงไป และลงผนึกด้วยสิบแปดตราประทับลงไปด้วยเพื่อไม่ให้มันออกมาอีก
ในสถานที่เช่น โลกบรรพกาลนั้น การดูแลตัวเองให้ดีเป็นเรื่องยากยิ่ง และการเข้าไปวุ่นวายในเรื่องของผู้อื่นก็คือการรนหาที่ตาย
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่บังเอิญเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่พวกเขาหลอกลวง ก็ทำให้ปราชญ์สัมผัสได้แล้วว่าจะมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตและตอบสนองในทันที
คนที่รู้จักหานจื่อ คือศิษย์ของสำนักตู้เซียน หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจพลางโค้งคำนับให้อวิ๋นเซียว จ้าวกงหมิง ฉยงเซียวและปี้เซียว และกล่าวว่า “เรื่องนี้จบลงแล้ว ข้าก็อยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ขออำลา” อวิ๋นเซียวจึงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “สหายเต๋า เหตุใดท่านไม่หยุดพักผ่อนก่อนจะจากไปเล่า? เช่นนี้แล้ว ให้ข้าและน้องสาวในฐานะเจ้าบ้านได้ทำหน้าที่ดูแลแขก”
ที่นี่เต็มไปด้วยกรรมมากมาย ไม่เหมาะจะอยู่นานจริงๆ ควรรีบหนีไปให้ไวที่สุดจะดีกว่า…
หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวว่า ยังมีเรื่องสำคัญที่เขาต้องไปทำ
อย่างไรก็ตาม จ้าวกงหมิงก็กล่าวว่า “น้องสาวทั้งสาม ข้าจะไปส่งสหายเต๋าเทพแห่งท้องทะเลก่อน แล้วจะกลับไปเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรที่ภูเขาเอ๋อเหมยเพื่อคิดทบทวนเรื่องนี้”
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วและจ้าวกงหมิงผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็อำลาเหล่าเซียนซานเซียวและออกจากเกาะซานเซียน
จากนั้นอวิ๋นเซียวก็ขี่เมฆทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปส่งพี่ชายจ้าวกงหมิงและเทพแห่งท้องทะเลออกจากกำแพงเมฆยาวนับพันลี้นั้น
ในเวลานั้น อวิ๋นเซียวก็ไม่ลืมจะส่งข้อความเสียงให้หลี่ฉางโซ่วก่อนที่เขาจะจากไป
“สหายเต๋า น้ำใจของท่านในครั้งนี้ อวิ๋นเซียวจะตอบแทนท่านในภายหน้าอย่างแน่นอน สหายเต๋าไม่ต้องกังวลเรื่องใดหลังจากนี้ แม้น้องสาวทั้งสองของข้าจะซุกซนไปหน่อย แต่ก็หาใช่ไร้เหตุผลไม่ หากพวกนางรู้สึกขุ่นเคืองสหายเต๋า ข้าก็จะไม่ปล่อยให้พวกนางได้ออกจากเกาะซานเซียนไปแม้เพียงครึ่งก้าว ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจอีกครั้ง และหันกลับไปมองเทพธิดาที่ยืนอยู่บนก้อนเมฆ
นี่เป็นเรื่องปกติ… ผู้นำสำนักบำเพ็ญเต๋าควรเป็นเช่นนี้!
นางช่างเหมาะสมกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่อิสระไร้กังวลของข้าอย่างยิ่ง! จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับให้อวิ๋นเซียวและรีบจบการเดินทางไปเกาะซานเซียวอย่างรวดเร็ว
………………………………………………..
[1] เป็นคลังไม้ตายประเภทคำพูดที่เน้นเอาไว้ใช้คำพูดกับพวกปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
[2] อ๋าวอี่ รองเจ้าสำนักเทพทะเล
[3] สามเทพธิดา อวิ๋นเซียว ฉยงเซียว และปี้เซียว