ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 220 คำตอบไม่ง่ายขนาดนั้น! (2)
ตอนที่ 220 คำตอบไม่ง่ายขนาดนั้น! (2)
ครึ่งเดือนต่อมา ในห้องลับใต้ดินของยอดเขาหยกน้อย
หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ มองไปยังร่างของคนสองสามคนที่กำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมแซมกรงสัตว์วิญญาณและคำนวณจำนวนวัสดุที่จำเป็นสำหรับขั้นตอนต่อไปสำหรับแผนยอดเขาหยกน้อยพเนจร จากนั้น เขาก็ถอนหายใจเบาๆ ในใจ
ความเหลื่อมล้ำนั้นใหญ่เกินไปจนยากเกินไปที่จะเติมเต็มมันได้
หลี่ฉางโซ่วไม่อยากลดสิ่งจำเป็นพื้นฐานตามคุณสมบัติที่เขาต้องการสำหรับการสร้างค่ายกลใหญ่ของยอดเขาหยกน้อยด้วยเหตุที่เขายากจน
รากฐานค่ายกลที่ถูกฝังเอาไว้ในขณะนี้ยังทำไว้เพื่อสร้างเป็นรากฐานสำหรับการสร้างค่ายกลต่อไปในอนาคตเช่นกัน เขาจึงไม่อาจประมาทปล่อยไปได้
มันคล้ายกับการฝึกบำเพ็ญเพียรที่ไม่อาจใช้วิสัยทัศน์สั้นๆ และคิดเพียงตื้นๆ ได้ แต่ต้องวางแผนล่วงหน้าและมองการณ์ไกลให้ดี
หากรีบเร่งที่จะประสบความสำเร็จในการฝึกบำเพ็ญเพียรเฉกเช่นโหย่วฉินเสวียนหย่า ซึ่งข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ เขาก็คงตายไปนานแล้ว หากไม่มีกรงนก
นอกจากนี้… เมื่อไม่กี่วันก่อน หลี่ฉางโซ่วได้เริ่มขอให้หลิงเอ๋อร์ระงับขอบเขตเต๋าและชะลอความเร็วในการทะลวงด่านพลังเพื่อก้าวหน้าขึ้นไป
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วได้กระตุ้นหลิงเอ๋อร์ให้ทะลวงฝ่าด่านเร็วขึ้น แต่เมื่อสำนักเทพทะเลทักษิณไม่มั่นคง ซึ่งหลี่ฉางโซ่วกังวลว่าจะถูกสำนักบำเพ็ญประจิมไล่ล่า และด้วยเหตุนี้เขาจะต้องออกจากสำนักตู้เซียน
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงอยากให้หลิงเอ๋อร์ได้รับความชื่นชมและเป็นที่สนใจจากสำนักตู้เซียนก่อนล่วงหน้าเพื่อให้ดูแลตัวเองและอาจารย์ของนางได้เป็นอย่างดี
ทุกวันนี้ แม้เรื่องนี้จะยังมีอันตรายแฝงเร้นอยู่ แต่ก็ค่อนข้างคงที่ ดังนั้น หลิงเอ๋อร์จึงไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไปในการทะลวงฝ่าผ่านไปได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การให้หลิงเอ๋อร์รักษารากฐานเต๋าให้มั่นคงและพัฒนาศักยภาพของนางสูงสุด…
หากปราศจากปรากฏการณ์บงกชเก้ากลีบก่อนที่หลิงเอ๋อร์จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ หลี่ฉางโซ่วก็จะลงมือระงับขอบเขตพลังของนางด้วยตัวเอง
หลี่ฉางโซ่วได้สร้างเต๋าอันยิ่งใหญ่ให้ศิษย์น้องหญิงของเขาด้วยตัวเอง เขาจึงรู้วิธีที่จะช่วยเหลือนาง
นอกจากนั้น หลี่ฉางโซ่วยังได้เตรียม “ถุงของขวัญเพื่อการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ” ที่เขาเตรียมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับหลิงเอ๋อร์อีกด้วย
มีชุดช่วยชีวิตที่จำเป็นสามชุดสำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ – กรงฟาราเดย์ โอสถสลายเซียน และโอสถกักวิญญาณ
มีธรรมเนียมปฏิบัติก่อนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ คือ หนึ่งจะต้องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า และขอบคุณเต๋าสวรรค์ที่สละเวลาจากตารางงานยุ่งวุ่นวาย เพื่อมาโจมตี และอีกหนึ่ง จะต้องขอบคุณเต๋าสวรรค์ที่ให้ลงทัณฑ์สวรรค์ให้แก่พวกเขาและรักษาความมั่นคงทั่วหล้า
นอกจากนั้น ยังมีโอสถสิบสองชนิด เครื่องมือเวทสายป้องกันที่ใช้สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เป็นพิเศษ วิธีต่อต้านและขับไล่สายฟ้าที่สามารถฝึกฝนได้ก่อนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ วิญญาณผู้พิทักษ์สองดวงที่เขาเพิ่งได้รับมา เครื่องมือเวทที่สามารถต่อต้านทัณฑ์สวรรค์ได้ ค่ายกลขนาดเล็กที่ต้องใช้หลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ และโอสถที่ใช้เพิ่มการหยั่งรู้…
และอื่นๆ
บัดนี้ หลิงเอ๋อร์กังวลถึงเรื่องการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนเล็กน้อยแล้ว…
แต่นางไม่รู้ว่า ศิษย์พี่ทำให้อัตราความสำเร็จในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของนางมั่นคงปลอดภัยในระดับที่เก้าสิบห้าในร้อยส่วนแล้ว
สามในห้าส่วนที่เหลือจะขึ้นอยู่กับว่านางฝึกฝนอย่างหนักหรือไม่
นอกจากนี้ อีกสองในห้าส่วนสุดท้ายที่เหลือจะขึ้นอยู่กับการสุ่มโจมตีของเต๋าสวรรค์ตามปกติ
น่าเสียดายที่อาจารย์ของเขาได้รับบาดเจ็บที่รากฐานเต๋า จึงไม่มีประโยชน์ในการเตรียมการใดๆ ในเวลานั้น เขาทำได้เพียงใช้โอสถสลายเซียนเพื่อช่วยชีวิตอาจารย์เอาไว้ท่านั้น
ศัตรูของเขาถูกฆ่าตายไปแล้ว และคู่บำเพ็ญเต๋าของศัตรูก็แต่งงานใหม่แล้ว และบรรดาศิษย์ของศัตรูก็รับเขาเป็นอาจารย์ของพวกเขาด้วย ยิ่งกว่านั้น ภายใต้สัมผัสเซียนรับรู้ของเขา ยอดเขาเซียนหลิน ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ยอดเขาหยกน้อย จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอดีตของท่านอาจารย์…
เขาทำได้เพียงแค่รอให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ของเขาพบกับปรมาจารย์ลุงของเขาและจัดการเรื่องความเสียใจในใจ
ต่อจากนี้ไป…
หลี่ฉางโซ่วคิดว่าเมื่อท่านอาจารย์สิ้นอายุขัย เขาน่าจะได้รับตำแหน่งที่มั่นคงในศาลสวรรค์ จากนั้นเขาก็จะสร้างความสัมพันธ์ในแดนยมโลกและเตรียมการให้ท่านอาจารย์ของเขากลับชาติไปเกิดใหม่และฝึกบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง
ถูกตัอง หลี่ฉางโซ่วแทบจะจัดการทุกอย่างในชีวิตหน้าของฉีหยวนเกือบหมดแล้ว ไม่ใช่แค่ในยามนี้เท่านั้น …
แน่นอนว่า เขายังคงเคารพความคิดเห็นของอาจารย์ เขาเพียงแค่ให้ทางเลือกแก่อาจารย์ของเขามากขึ้นเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและยังคงกังวลเรื่องการขาดแคลนวัสดุจำนวนมาก
หากเขายากจนลง ก็ยังคงชีพอยู่ได้
เมื่อปัจจัยด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ดัชนีแห่งความสุขของเขาย่อมจะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน!
ใช้เวลาพอสมควร หลี่ฉางโซ่วก็ได้วางแผนใหญ่สำหรับความมั่งคั่งอีกยี่สิบปีข้างหน้า เขาจัดสรรเวลาสำหรับจิตอริยะ การหยั่งรู้ การฝึกบำเพ็ญ การหลอมโอสถ และหลอมอาวุธ
หลังจากทำเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วได้นำหนึ่งในสองพลังเหนือธรรมชาติที่ได้รับจากจอมเวทย์ – แจกจ่ายถั่วให้ทหาร
หลี่ฉางโซ่วสังเกตม้วนตำราหยกอย่างระมัดระวัง ด้านล่างม้วนตำราหยกมีตัวอักษรจ้วนถี่[1]แนวตั้งเป็นแถวเล็กๆ อยู่หนึ่งแถวประทับเอาไว้
“หอพระสูตรเต๋าแห่งสำนักเซียนเซียวเหยา”
น่าจะเป็นเพราะพลังเวทเหล่านั้นมีระดับต่ำเกินไป ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เองก็ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน จึงคร้านจะใส่ใจสร้างมันขึ้นมาใหม่ ดังนั้นเขาจึงหาชิ้นที่สร้างเสร็จแล้วและส่งให้หลี่ฉางโซ่วโดยตรง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและใช้พลังเซียนผลักม้วนตำราหยกออกไปสามจั้ง
ในเมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้มอบให้เทพเฒ่าจันทราเอามันออกมาจากความฝันของเขา ในครั้งนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้ผลักมันออกไปสิบจั้ง และป้องกันตัวเองเพียงสามชั้นต่ำที่สุดก่อนจะค่อยๆ เปิดม้วนตำราหยกออกมา…
ความมั่นคงเป็นเจตคติแห่งการฝึกบำเพ็ญเซียน
ไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็เชื่อว่าไม่มีกับดักใดในม้วนตำราหยก จากนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมาวางไว้ข้างหน้าเขาและอ่านอย่างระมัดระวัง
เวทโปรยถั่วเป็นทหารนั้นก็คล้ายกับการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ดูเหมือนว่าเขาจะหยิบถั่วหนึ่งกำมือออกมาแล้วโปรยถั่วออกไปให้กลายเป็นกองทัพทหารได้
อันที่จริง ถั่วเหล่านั้นถือว่าเป็นเครื่องมือเวทแล้ว และจะสร้างขึ้นมาได้ด้วยกระบวนการที่ซับซ้อนเท่านั้น
มันซับซ้อนกว่า “กระดาษ” ของการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
หลี่ฉางโซ่วคิดอย่างรอบคอบถึงคุณค่าของการดัดแปลงพลังเวท รวมไปถึงส่วนที่เขาสามารถใช้ควบคุมมันได้ จากนั้น เขาก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความครุ่นคิดลึกซึ้งโดยไม่รู้ตัว
ภายนอกห้องลับ บัดนี้ ดวงสุริยาลาล่วง ดวงจันทราปรากฏขึ้น
ในยามราตรี หลี่ฉางโซ่วเพิ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนแปลงพลังเวทบางอย่างเมื่อมีร่างหนึ่งบินมาเงียบ ๆ จากยอดเขาพิชิตสวรรค์ นางมองไปรอบๆ แล้วไม่พบผู้ใดเลยก่อนจะเข้าไปในค่ายกลแยกตัวที่บริเวณรอบนอกของยอดเขาหยกน้อย
เหตุใดในเวลานี้ ศิษย์น้องหญิงตัวร้ายถึงมาอยู่ที่นี่?
หลี่ฉางโซ่ววางม้วนตำราหยกลงและเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่แสร้งนั่งสมาธิอยู่ในหอโอสถ ก่อนจะยืนขึ้นและไปที่หอโอสถ เพื่อปิดค่ายกลด้านนอกชั่วคราว
โหย่วฉินเสวียนหย่าสังเกตเห็นหลี่ฉางโซ่วได้อย่างรวดเร็ว นางเม้มริมฝีปากและก้มศีรษะลง
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะอ้าปากเอ่ยทักทาย จู่ๆ เขาก็รู้สึกราวกับมีระลอกคลื่นปั่นป่วนขึ้นในใจ จึงขมวดคิ้วแล้วทำมุทราหยั่งรู้ เขาเพ่งจิตพุ่งไปที่รูปปั้นเทพหลักแห่งสำนักเทพทะเลในเมืองอันสุ่ย
เขาเห็นร่างสตรีผู้หนึ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของวิหารที่มีแสงสว่างไสวเจิดจ้ายิ่งขึ้นเรื่อย นางมองไปและสังเกตภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบๆ อย่างสนใจ…
กลิ่นอายนี้ อักขระเต๋า…
เอ่อ ไฉนจู่ๆ ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ถึงมาที่สำนักเทพทะเล?
หลี่ฉางโซ่วตกใจแล้วรีบส่งข้อความเสียงไปให้โหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างรวดเร็วเพื่อให้นางไปรอที่หอโอสถสักพักก่อนจะเพ่งจิตทั้งหมดพุ่งไปที่ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่จู่ๆ ก็มาถึงที่นี่ …
………………………………………………………………..
[1] เป็นอักษรจีนโบราณ มีลักษณะเป็นอักษรกึ่งภาพ