ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 229 หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่ได้วิญญาณ (1)
ตอนที่ 229 หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่ได้วิญญาณ (1)
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงยังถือเป็นปรมาจารย์ผู้เก่งกาจในการส่งข้อความลับ
ในอดีตหลายปีที่ผ่านมา นางเคยเดินอยู่ในเงามืด ทำงานสกปรกอย่างเหนื่อยหนัก และโหดร้าย นางทำตัวเป็นนักฆ่าที่ไร้ความรู้สึก และไม่เคยเปิดเผยตัวเอง…
นี่คือความเป็นมืออาชีพ
จนถึงทุกวันนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ยังไม่รู้ว่า นางตกเป็นเป้าหมายของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณได้อย่างไร
สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน…
จอมปราชญ์เทพผู้แข็งแกร่งที่สุด ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลัง เทพแห่งท้องทะเลทักษิณผู้ลึกลับยิ่งนัก ยิ่งคิดถึงพวกเขา ก็ยิ่งรู้สึกว่า พวกเขาช่างน่าสนใจมากจริงๆ
วิ้ง…
ยุงที่ดูเหมือนธรรมดาบินต้านลมแรงข้ามท้องฟ้าของโลกมนุษย์ไปที่เมืองอันสุ่ย และโฉบลงมา
หากมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษหรือสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในระดับจุลภาค หรือผู้ฝึกบำเพ็ญที่อยู่เหนือขอบเขตเซียนเทียนสามารถมองเห็นยุงตัวนั้นได้ พวกเขาก็จะรู้ว่ามันเป็นยุงที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ..
มันคือยุงที่มีหน้าคน! ยุงตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นบินไปยังบริเวณวิหารหลักของสำนักเทพทะเลอย่างเงียบ ๆ แล้วอดจะกระตุกมุมปากขึ้นทันทีไม่ได้เมื่อมองดูภาพเหตุการณ์ในวิหารที่เต็มไปด้วยเครื่องสักการะและเหล่าสานุศิษย์ผู้มาแสวงบุญในวิหารอย่างต่อเนื่อง
มนุษย์ช่างโง่เขลาจริงๆ เหตุใดพวกเขาถึงเชื่อทุกคน?
ข้าอิจฉาหรือ?
เป็นไปได้อย่างไรเล่า!
ในฐานะราชินีผู้สูงส่ง ข้าจะอิจฉาการได้บุญเครื่องสักการะเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?!
นอกจากนี้ ข้ายังถูกเต๋าสวรรค์ยับยั้งไม่ให้รับพลังแห่งบุญได้แม้แต่น้อย และทำได้เพียงแค่ใช้บุญชำระล้างกรรมร้ายได้เท่านั้น
จากนั้น ยุงตัวนั้นก็กลอกตาแล้วบินต่อไปที่วิหาร
เพื่อไม่ให้เพิ่มกรรมร้ายและไม่เปิดเผยร่องรอยของตัวเอง ยุงตัวนั้นจึงไปหาสานุศิษย์ชราคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่เก็บธูปที่เผาไหม้ในวิหาร และเกาะที่ลำคอของเขา แต่ไม่ได้กัดเข้าไป
ดวงตาของสานุศิษย์ชราผู้นี้เป็นสีแดง เขาถูกควบคุมชั่วคราวเท่านั้นโดยที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่ได้ทำร้ายวิญญาณของเขา…
ต่อจากนั้น สานุศิษย์ผู้นั้นก็คว้าแท่งไม้ไผ่ที่ตั้งใจจะใช้เป็นจำนวนมากที่แผงคำทำนายและเขียนตัวอักษรเล็กๆ ในแนวตั้งเอาไว้บนนั้นก่อนที่จะโยนไปอย่างไม่ใส่ใจ
แท่งไม้ไผ่หายไปอย่างน่าประหลาด แล้วไปปรากฏขึ้นอีกครั้งที่เท้าของรูปปั้นเทพเจ้าหลัก
มันถือได้ว่าเป็นสารถ่ายทอดข้อความ
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้สึกว่า มีเจตจำนงทางจิตวิญญาณปรากฏขึ้นบนรูปปั้นเทพเจ้าหลัก เห็นได้ชัดว่า ในขณะนี้ เทพเจ้าหลักได้มาถึงแล้ว
หือ?
ในถ้ำที่เชิงเขาภูเขาวิญญาณ จู่ๆ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
ปลายลิ้นของนางเลื่อนผ่านไปบนริมฝีปากเบา ๆ และรอยยิ้มของนางก็ดูมีเสน่ห์มากขึ้น หากข้าไม่ทำอะไรเลย พวกเขาก็จะคิดว่าข้าเป็นว่าง่ายจริงๆ
ในวิหารเทพทะเล สานุศิษย์ชราผู้นั้นก็มีใบหน้าแดงก่ำ เขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดังจนเคราสั่นกระเพื่อมและดึงดูดสายตา เรียกความสนใจจากผู้คนโดยรอบ
จู่ๆ สานุศิษย์ชราผู้นั้นก็ลุกขึ้นยืนและกระโดดออกจากโต๊ะอย่างว่องไวแล้วดึงเข็มขัดลงพลางปลดเสื้อคลุมยาวก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็ว และยังคงส่งเสียงหัวเราะออกมา…
การกระทำนั้น ทำให้ทั้งหญิงสาวและหญิงชราล้วนตกใจกลัวมากจนต้องกรีดร้องออกมาไม่หยุด หญิงสาวทั้งหลายปิดตาและกล้าเพียงแค่มองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วของพวกนางเท่านั้น
จากนั้น สานุศิษย์ชราผู้นั้นยกเข็มขัดขึ้นและถ่มน้ำลายออกไปน้ำลายทุกที่จนรดเคราของเขา เขาเต้นราวกับนางงูสาวและยังคงร้องตะโกนต่อไป
“เทพแห่งท้องทะเลเลือกข้า! เขาเลือกข้าแล้ว!”
“ข้าจะได้ไปรับใช้เทพแห่งท้องทะเลในคืนนี้! ฮ่าๆๆๆ!”
“เทพแห่งท้องทะเลเลือกข้าให้ไปค้างคืนกับเขา!”
บรรดาสานุศิษย์ทั่วทั้งลานและเหล่าทูตเทวะแห่งหมู่บ้านสงที่หน้าห้องโถง ต่างก็ตะลึงงันทันทีที่ได้เห็น…
“เฒ่าฝู เกิดอันใดขึ้น?”
“เมื่อคืนนี้ที่สำนักโคมเขียว เขาดื่มมากเกินไปหรือไม่? หรือเขาถูกวางยาพิษ? ไฉนจู่ๆ เขาก็…มีท่าทีทะลึ่งตึงตังถึงเพียงนี้?”
“เร็วเข้า รีบไปจับเขาเอาไว้! ฟังสิ่งที่เขากำลังร้องตะโกนสิ!
“เทพแห่งท้องทะเลกำลังตามหาเขาเพื่อค้างคืนกับเขาหรือ? แม้เขาต้องการมองหาหญิงสาวสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเขา แต่เขาควรจะมองหาหญิงสาวในหมู่บ้านของเราด้วย!”
ทันใดนั้น ทูตเทวะสองสามคนก็รีบวิ่งไปข้างหน้าและกดร่างของสานุศิษย์ชราผู้นั้นลงไปกับพื้น จากนั้น ยุงก็กลายเป็นเถ้าถ่านแล้วสลายหายไป…
ในรูปปั้นเทพเจ้าหลัก เสี้ยวเจตจำนงวิญญาณของหลี่ฉางโซ่วกำลังเฝ้าดูภาพเหตุการณ์นี้ และเขาก็อดจะตกตะลึงจนพูดไม่ออกไม่ได้
ยุงตัวนี้… อาจจะดูเย่อหยิ่งและยังอารมณ์ร้อนด้วยหรือไม่?
นี้เหมาะสมกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของเขาทีเดียว
แต่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่ได้ใช้ยุงเลือดเพื่อทำร้ายมนุษย์ ซึ่งหลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิด
และแท่งไม้ไผ่นั่น…
ด้วยอาศัยประโยชน์จากความโกลาหลภายนอก ทูตเทวะจากหมู่บ้านสงก็เดินไปหยิบไม้ไผ่และเดินไปที่ห้องโถงด้านหลังอย่างไร้ร่องรอย
แผนเบื้องต้นในยามนี้คือ การรบกวนเทพแห่งท้องทะเลกับมังกรด้วยมังกร
คำพูดง่ายๆ เหล่านั้น ทำให้จินตนาการของหลี่ฉางโซ่วโลดแล่น
การเคลื่อนไหวต่อไปของสำนักบำเพ็ญประจิมก็อยู่ในแผนการที่เขาวางไว้ก่อนหน้านี้เช่นกัน…
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังมีแผนที่เหนือกว่าอยู่บ้าง แต่เขาเลือกก็แผนระดับกลางนี้
มันเป็นเพียงแผนธรรมดาในการสร้างความบาดหมางระหว่างกัน
ในสายตาของปรมาจารย์สำนักบำเพ็ญประจิมในยามนี้ เผ่ามังกรและสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีความเกี่ยวข้องกับสำนักเทพทะเลทักษิณ
ครั้งก่อนหน้านี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้วางแผนทำร้ายปรมาจารย์เผ่ามังกรและถูกเผ่าพันธุ์มังกรซุ่มโจมตี และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังการต่อสู้
ครั้งสุดท้ายที่สำนักบำเพ็ญประจิมวางกับดักกับองค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา อ๋าวอี่ แต่มันกลับถูกปรมาจารย์เต๋าน้อยจอมป่วนทำให้วุ่นวาย…
สำนักบำเพ็ญประจิมน่าจะเป็นฝ่ายวางแผนสร้างความบาดหมางระหว่างกันนั้น เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์มังกรและสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ “ทูตเทวะ” ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและกลับไปที่ “ฐานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ” ใต้ดิน
เขาสามารถฉวยประโยชน์จากสถานการณ์และจัดการปัญหาทั้งหมดที่เผชิญได้
เขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์มังกรเพื่อช่วยให้สามารถดำเนินการต่างๆ ได้ง่ายขึ้นในภายหลัง
“แล้วอ๋าวอี่จะไปเยือนสำนักเมื่อใด?”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่อ๋าวอี่จะมาถึงที่นี่
เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงใช้เจตจำนงวิญญาณเพื่อติดต่อกับอ๋าวอี่
คราวนี้เขารอเป็นเวลานาน กว่าที่อ๋าวอี่จะมาถึง…
กลางวันแสกๆ เช่นนี้…
เชอะ ดีใจด้วยที่เป็นหนุ่มแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน อ๋าวอี่ก็รีบเข้ามาพร้อมด้วยใบหน้าแดงก่ำและเขินอายเล็กน้อย
ครู่ต่อมา รีบไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำและเขาก็เขินอายเล็กน้อย
เขารีบถามว่า “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก มีอันใดผิดไปหรือขอรับ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้ารบกวนเจ้าหรือไม่?”
“ไม่ ไม่ขอรับ” อ๋าวอี่ยิ้มขัดเขินเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีจริงจังของหลี่ฉางโซ่ว เขาก็หยุดยิ้มอย่างรวดเร็วในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่า สำนักบำเพ็ญประจิมกำลังวางแผนร้ายกับเราอีกครั้งแล้ว”
“โอ้?” อ๋าวอี่เลิกคิ้วทันทีแล้วกล่าวว่า “พวกเขามีแผนชั่วร้ายเยี่ยงใดกัน?”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “บางที พวกเขาอาจอยากแอบสะกดจิตและควบคุมเหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรเพื่อสร้างปัญหาให้สำนักเทพทะเล ดังนั้นจึงสร้างความบาดหมางขึ้นระหว่างเผ่าพันธุ์มังกรและสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน”
อ๋าวอี่โกรธและก่นด่าออกมาทันที “นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว! หากพวกเขาต่อสู้กับเผ่ามังกรของข้า อย่างเปิดเผยตรงๆ และหากเผ่ามังกรของข้าปราชัย พวกเราย่อมจะยอมจำนนโดยดี! แต่พวกเขากลับใช้อุบายและเล่ห์กลสกปรก เช่นนั้น เผ่ามังกรของข้าจะต่อสู้กับพวกเขาให้ถึงที่สุด!”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “พวกเขาต้องการใช้ความพยายามให้น้อยที่สุดเพื่อกำราบเผ่าพันธุ์มังกรเอาไว้ใช้งานเอง พี่อี่ก็อย่าได้มีโทสะในเรื่องนั้นเลย
หากเผ่ามังกรถูกพวกเขาใช้ พลังของสำนักบำเพ็ญประจิมจะเพิ่มขึ้นจนอาจมีศักยภาพพอที่จะต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าของเรา
“แม้จะเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะพยายามช่วยเผ่ามังกรอย่างเต็มที่”
……………………………………………………………………
นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปรโมชั่น
อัปเพิ่มต่อ +1
เพิ่มตอนจากปกติ เวลา 16.00 น. ตลอดช่วงแคมเปญ
18-31 ก.ค. 65 เท่านั้น!
ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
Ink Stone