ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 248 ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก (2)
ตอนที่ 248 ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก (2)
แน่นอนว่า เจียงซื่อเอ๋อร์รับรู้ว่าเข่อเล่อเอ๋อร์เป็นสหายสนิทของนาง
องค์หญิงน้อยเป็นคนฉลาด นอกจากนี้ อ๋าวอี่ก็ถามความคิดเห็นของหลี่ฉางโซ่วได้ทุกเมื่อ และจะไม่มีอะไรผิดพลาดในภายภาคหน้า
ในน้ำทะเล หลี่ฉางโซ่วมองปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยซึ่งอยู่ต่อหน้าเขาซึ่งได้รับคืนชุดเกราะและหมวกไม้ไผ่ของนางกลับคืนมาแล้ว
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าจะส่งสหายเต๋าไปที่สำนักตู้เซียน ครั้งนี้ ข้าปล่อยให้สหายเต๋าออกไป ทำให้ต้องลำบากแล้ว หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับสหายเต๋าระหว่างทาง ข้าย่อมไม่อาจอธิบายกับสหายน้อยฉางโซ่วได้”
สีหน้าท่าทีของเจียงหลินเอ๋อร์ดูเปลี่ยนไปแปลก ๆ ในขณะที่นางกล่าวอย่างกันเองว่า “เจ้ายังแสร้งแสดงกับข้าอีกหรือ ที่นี่ไม่มีคนนอกแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วเผยท่าทีงุนงงและคิดอย่างรวดเร็วว่า เขาอาจจะเปิดเผยข้อบกพร่องแล้วกล่าวต่อไปอย่างสงบว่า “สหายเต๋ากำลังพูดถึงอะไร? หรือในตอนนี้ยังไม่ได้ออกจากบทนั้น”
“หือ?”
เจียงหลินเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่เห็นข้อบกพร่องใด ๆ จึงแย้มยิ้มออกมาทันทีและกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดอย่าตำหนิข้า ข้าคิดว่าสหายเต๋าเป็นศิษย์หลานที่ลึกลับของข้า ในเมื่อสหายเต๋าต้องการส่งข้ากลับ เช่นนั้น เราก็มาเริ่มออกเดินทางไปด้วยกัน สหายเต๋า แล้วเราควรขี่เมฆหรืออะไรเล่า?”
“ใช้หลีกลี้วารีเร้นกายได้ การซ่อนกายย่อมดีที่สุด”
หลี่ฉางโซ่วสะบัดแส้หางม้า จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ถูกห่อด้วยฟองสบู่แล้วพุ่งลงทะเลไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เจียงหลินเอ๋อร์ก็อดกังวลใจไม่ได้จริงๆ…
เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกเปิดเผย หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้ใช้หลีกลี้วารีเร้นกายให้รวดเร็วเกินไป
ในคราแรก เจียงหลินเอ๋อร์ก็เริ่มพูดคุยกับหลี่ฉางโซ่ว บางครั้งคราวนางก็วางกับดักในคำพูดของนางโดยฉวยประโยชน์จากการที่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เตรียมพร้อมตั้งรับไว้ก่อนเพื่อให้ได้รับข้อมูลมีค่าบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ หลี่ฉางโซ่วจะไม่ได้ตกหลุมพรางเท่านั้น แต่เขายังค่อยๆ จับจังหวะการสนทนาและบอกรายละเอียดแฝงนัยซ้ำๆ
สองวันต่อมา เมื่อหลี่ฉางโซ่วกล่าวคำร่ำลากับเจียงหลินเอ๋อร์ที่หน้าประตูสำนักตู้เซียน เจียงหลินเอ๋อร์ก็เกือบจะแน่ใจแล้ว… ว่า เทพแห่งท้องทะเลทักษิณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับศิษย์หลานของนาง ทั้งสองคนติดต่อกันบ้างเพียงเพราะองค์ชายรองอ๋าวอี่
แม้แต่เจียงหลินเอ๋อร์ก็รู้สึกว่า เทพแห่งท้องทะเลทักษิณเป็นผู้อาวุโสที่ดีงามและเก่งกาจ…
เขาเป็นคนลึกลับอย่างยิ่ง
เขาไม่ยอมเปิดเผยระดับพลังปราณที่แท้จริงหรือนามเต๋าของเขา
“แต่คนแบบนี้คบไว้ก็สบายใจกว่าคนที่เผยความรู้สึกในใจออกมาให้เห็นหมดในทันทีที่พบกัน”
เจียงหลินเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วบิดขี้เกียจเหยียดยืดกายก่อนจะขับเคลื่อนเมฆ บินตรงไปยังสำนักตู้เซียน
แม้จะมีการพลิกผันเล็กน้อย แต่ในที่สุดนางก็กลับมาได้อย่างราบรื่น
เหอะ ข้าไม่ได้กลับมาครั้งนี้ เพราะน้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนนะ!
แต่ข้ารีบกลับมาเพียงเพราะคิดถึงศิษย์หลานที่น่ารักสองคนของข้าและเสี่ยวจิ่ว!
หลังจากนั้นไม่นาน บนยอดเขาหยกน้อย นางก็ตะโกนออกมาว่า “หลิงเอ๋อร์ ฉางโซ่ว! ปรมาจารย์ใหญ่ของพวกเจ้ากลับมาแล้ว!”
ในห้องเดินหมากและเล่นไพ่ จิ่วจิ่วที่เพิ่งหยิบไหสุราขึ้นมาจิบ จู่ๆ ก็สำลักสุราออกมาทันที ใบหน้าสวยของนางซีดเซียวในขณะที่เสื้อตัวสั้นพลิ้วไหวเล็กน้อย
หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างพลันกะพริบตาปริบๆ
แน่นอนว่า นางจะบอกศิษย์คนที่เก้าของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งว่า นางเรียกท่านปรมาจารย์ใหญ่ของนางกลับมาโดยใช้น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนเพื่อพิชิตปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ซึ่งเป็นคนรักของท่านไม่ได้
ในขณะเดียวกัน การได้เห็นอาจารย์อาน้อยถูกท่านปรมาจารย์ใหญ่กลั่นแกล้ง ก็ดูน่าสนใจทีเดียว…
“อาจารย์อาปีศาจผู้นี้! ไยนางไม่บอกพวกเราก่อนล่วงหน้าว่าจะกลับมาเล่า!?!”
จิ่วจิ่วรีบพุ่งออกไปแล้วเรียกน้ำเต้ายักษ์ออกมา และโดยไม่รอให้น้ำเต้าขยายขนาดใหญ่ออกมา นางก็ขี่มันบินขึ้นฟ้าไปในทันที!
ทว่าในขณะที่จิ่วจิ่วบินขึ้นไป นางก็ถูกร่างงดงามสวมกอดจากทางด้านหลัง นางถูกจับทันทีแล้วตกลงไปในทะเลสาบของยอดเขาหยกน้อย!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทันทีที่เพิ่งกลับมา ข้าก็ได้รับโชคแล้ว! เร็วเข้า เสี่ยวจิ่ว ขอถูหน่อย!”
“ท่านอาจารย์ ช่วยข้าด้วย!”
“อาจารย์ของเจ้าจะกล้ายับยั้งข้าได้หรือ?”
จิ่วจิ่วตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวฉางโซ่ว ช่วยข้าด้วย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ต่อให้เจ้าจะกรีดร้องจนคอแห้ง ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้หรอก! ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าใหญ่ที่สุดในยอดเขาหยกน้อย! ใช่แล้ว ข้าอาวุโสสูงสุด!”
แล้วเสียงหัวเราะหยิ่งผยองอย่างบ้าคลั่งสุดเหวี่ยงนั้น ก็ล่องลอยไปรอบ ๆ ทะเลสาบ
เมื่อฉีหยวนตื่นขึ้นมา เขาอยากออกมาต้อนรับและโค้งคำนับให้อย่างรวดเร็ว ทว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากลานบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากภายนอก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉีหยวนก็ตัดสินใจนั่งลงบนเบาะนั่งสมาธิและไม่ออกไปรบกวนอารมณ์สนุกของท่านอาจารย์ของเขา…
ไม่นานหลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่ก็มาถึงที่นี่
ในขณะนี้ สงหลิงลี่ซึ่งคุ้นเคยกับจิ่วจิ่วแล้ว ก็ยืนขึ้นอย่างเด็ดขาดและตะโกนว่า “ปล่อยพี่สาวของข้านะ!” เมื่อเห็นจิ่วจิ่วอยู่ในสภาพที่น่าสงสาร นางก็รีบพุ่งออกไปข้างหน้าและเปิดใช้พลังเวทสายโลหิตของนางทันที นางยกฝ่ามือขนาดเท่าพัดขึ้นมาก่อนจะเคลื่อนไหวปานสายฟ้าฟาด แล้วตบสตรีร่างเตี้ยและผอมบางที่ไม่คุ้นเคยผู้นี้จนปลิวกระเด็นออกไป!
สงหลิงลี่ช่วยจิ่วจิ่วที่เสื้อผ้าดูเลอะเทอะไม่เรียบร้อย นางให้จิ่วจิ่วไปยืนข้างหลังร่างแกร่งกำยำของนางและกล่าวว่า “ห้ามรังแกพี่สาวของข้านะ! หากมีอะไรก็มาหาข้า!” เจียงหลินเอ๋อร์ซึ่งถูกซัดจนปลิวกระเด็นออกไปหลายร้อยจั้ง ขณะนี้ก็ลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำทะเลสาบและร้องตะโกน โอ๊ย โอ๊ย อย่างต่อเนื่อง และกระอักเลือดออกมาเต็มปากก่อนจะตกลงไปในทะเลสาบ
หลิงเอ๋อร์หน้าซีดในขณะที่รีบบินออกไป
จิ่วจิ่วซาบซึ้งใจและร้องไห้พลางกอดต้นขาของสงหลิงลี่อยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อฉีหยวนร้องตะโกนว่า “ท่านอาจารย์” และรีบไปที่ทะเลสาบในขณะที่สงหลิงลี่กะพริบตาและทำมุทราหยั่งรู้
ปรมาจารย์เทพแห่งท้องทะเล…
โอ้ ข้าเดือดร้อนอีกแล้ว!
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ขี่เมฆออกมาจากหอโอสถและค่อยๆ มาถึงที่นี่ช้าๆ เขาเห็นภาพเหตุการณ์แปลกๆ ผ่านสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา
ท่านอาจารย์ชราของเขายืนอยู่ข้างกระท่อมมุงจาก และไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก
ในขณะนั้น จิ่วจิ่วที่ถูกห่อด้วยผ้าห่ม กำลังนั่งตัวสั่นอยู่หน้ากระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์ในขณะที่หลิงเอ๋อร์กำลังถือถ้วยชาและเดินมาจากเตาที่ริมทะเลสาบ ตรงไปยังกระท่อมมุงจาก
สงหลิงลี่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหน้ากระท่อมมุงจากพลางเกาศีรษะและยิ้มออกมาเป็นครั้งคราว
บัดนี้ มีร่างหนึ่งที่กระโดดขึ้น ลง จิ้มที่นี่และแตะที่นั่นอยู่ตลอดเวลา พลางร้องอุทานอย่างประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ที่ข้างๆ สงหลิงลี่
“สวรรค์ เจ้าฝึกฝนอย่างไรกันจึงได้รูปร่างเช่นนี้? เจ้าเก่งกาจเกินไปหรือไม่ ข้าเป็นเซียนเทียนผู้ทรงพลัง และสวมเครื่องมือเวทสายป้องกันหกชิ้น ข้ายังถูกเจ้าตบจนกระอักเลือดจริงๆ ! ทว่าฐานพลังปราณวิญญาณเต๋าของเจ้ายังห่างไกลจากการทะยานขึ้นสู่เซียน! ว้าว น่าทึ่งยิ่ง ว่ากันว่า เผ่าพ่อมดโบราณในตำนานก็ทรงพลังเพียงนี้ เจ้าอยากออกไปเที่ยวกับข้าหรือไม่ หากเจ้าอยู่รอเฉยๆ ที่นี่ นั่นจะไม่เป็นการปล่อยให้ความสามารถของเจ้าเสียเปล่าหรือ? หากเจ้ามีเครื่องมือเวทที่มีน้ำหนักหลายพันจิน เจ้าจะไม่กวาดล้างกองทัพทั้งหมดได้หรือ? ว้าว กล้ามหน้าอกนี่… เอ๋ ประหลาดจริง มันไม่แข็ง ปกติแล้ว เจ้าฝึกไม่พอ… ไม่นะ เจ้าเป็นสตรี!”
สงหลิงลี่เอียงศีรษะแล้วมองลงไปที่มือเล็กน่ารักนั้น
ทันทีหลังจากนั้น ใบหน้าน่ารักของนางก็ซีดขาว แล้วแก้มของนางก็เริ่มแดงก่ำขึ้นตั้งแต่ลำคอไปจนถึงหน้าผากด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อนจะร้อนผ่าวขึ้น
“อ๊า… ท่านอาจารย์อา น่ารำคาญน่า!”
“ท่านปรมาจารย์ใหญ่ โปรดถอยไปก่อนขอรับ!” หลี่ฉางโซ่วตะโกนขณะที่สงหลิงลี่ตบนางอย่างเขินอาย! มือที่เหมือนพัดขนาดใหญ่นั้นมีแสงสีโลหิตระยิบระยับ มันพุ่งโจมตีจากด้านข้างด้วยความเร็วสูง และกระแทกเข้าที่ไหล่ของเจียงหลินเอ๋อร์! ดูเหมือนภาพเหตุการณ์นี้เคลื่อนไหวจากช้าไปเร็ว…
ขณะที่ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากเกินไป เจียงหลินเอ๋อร์ก็พลันตะลึงงันในคราแรก นางมีเวลาเพียงแค่ก้มศีรษะลงมองดูการตบใส่ร่างของนางจนทำให้ร่างของนางเปลี่ยนรูปไป!
ทว่าก่อนที่เจียงหลินเอ๋อร์จะรู้สึกถึงพลังที่ระเบิดออกมา จู่ๆ ก็มีเสียงลมหวีดหวิวเข้ามาในหูของนาง …
จากนั้น ร่างของเจียงหลินเอ๋อร์ก็ฟาดกระแทกไปที่ผนังกระท่อมมุงจากของฉีหยวนและทิ้งรูเป็นรอยรูปร่างมนุษย์เอาไว้สองรอยก่อนที่จะกระเด็นออกไปแล้วกระแทกต้นไม้จนหักไปมากกว่าสิบต้น แล้วสุดท้ายก็ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในป่า
นางอ้าปาก แหงนหน้าขึ้น แล้วกระอักเลือดออกมาราวกับเป็นน้ำพุสีเลือดเล็กๆ…
บัดนั้น นางเงยหน้ามองท้องฟ้าโดยไม่สนใจบาดแผลบนร่างกาย แล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ค่อยๆ รินไหลลงมาจากหางตา…
ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก
……………………………………………………………