ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 251 ถึงเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษ (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 251 ถึงเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษ (1)
ตอนที่ 251 ถึงเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษ (1)
“เจียงหลินเอ๋อร์จากยอดเขาหยกน้อยแห่งสำนักตู้เซียนใช้น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนเพื่อต้องการแต่งงานกับหวังฟู่กุ้ยจากยอดเขาพิชิตสวรรค์แห่งสำนักตู้เซียน”
ในเวลานี้ เทพเฒ่าจันทราพึมพำด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่ในมุขด้านหลังของตำหนักเทพจันทรา เขาเรียกรูปปั้นดินเหนียวจำนวนมากของสำนักตู้เซียนมา และถือต้นเซียงซือที่มาพร้อมกับแสงดาวเอาไว้
ยอดเขาหยกน้อยคือ ยอดเขาของฉางโซ่ว…เทพเฒ่าจันทรายิ้มอย่างสงบและเริ่มตรวจสอบรูปปั้นแห่งการครองคู่ของสำนักตู้เซียนอย่างรอบคอบ เทพเฒ่าจันทรามีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเรื่องการครองคู่เท่านั้น เมื่อรูปปั้นแห่งการครองคู่ถือกำเนิดขึ้น มันจะมาพร้อมกับชื่อจริง วันเดือนปีเกิด อักขระแปดตัว และลักษณะการกำเนิด จากนั้นก็มีที่ตั้งของที่อยู่อาศัยและพื้นฐาน ‘เส้นสายทางสังคม’… เต๋าสวรรค์อนุญาตให้เขา เทพเฒ่าจันทรารู้เรื่องเหล่านี้เท่านั้น ทว่าเทพเฒ่าจันทราก็สามารถสรุปอายุของคนและความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายบางอย่างผ่านวันเกิดของพวกเขาได้
ในไม่ช้า เขาก็พบรูปปั้นดินเหนียวทั้งสี่ของยอดเขาหยกน้อย และกระจ่างชัดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมดในชั่วพริบตา
“ดูจากอายุของนางแล้ว นางน่าจะเป็นปรมาจารย์ใหญ่ของสหายน้อยฉางโซ่ว เจียงหลินเอ๋อร์” เทพจันทราลูบเคราพลางถอนหายใจเบาๆ ขณะมองไปที่รูปปั้นแห่งการครองคู่ของเจียงหลินเอ๋อร์และเห็นรูปปั้นดินเหนียวอีกหกตัวที่อยู่ใกล้นาง ในบรรดารูปปั้นเหล่านั้น มีรูปปั้นดินเหนียวห้าตัวที่ยื่นด้ายแดงออกมา และด้ายแดงนั้นก็อยู่ใกล้รูปปั้นแห่งการครองคู่ของเจียงหลินเอ๋อร์แล้ว แต่รูปปั้นแห่งการครองคู่ของเจียงหลินเอ๋อร์ก็ดึงด้ายแดงออกมาทางขวามือของนางและเอื้อมมือไปที่รูปปั้นดินเหนียวรูปที่หก
ในยามนี้ เขากำลังจดจ่ออยู่กับรูปปั้นดินเหนียวของหวังฟู่กุ้ยแห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์
ที่ข้อเท้าซ้ายของหวังฟู่กุ้ยมีด้ายแดงพันอยู่รอบ ๆ ซึ่งอยู่ไกลจากด้ายแดงที่เจียงหลินเอ๋อร์ยื่นออกไป ทว่าด้ายแดงทั้งสองนั้นสั้นยิ่งนัก จึงมีระยะห่างระหว่างกันมากเกินกว่าจะเกี่ยวพันกันได้ เทพจันทราทำมุทราหยั่งรู้และสรุปเรื่องราว หลังจากนั้น เขาก็รู้ว่าด้ายแดงทั้งสองเส้นนั้นเคยพันผูกกันไว้มาก่อน แต่ก็ขาดไปในภายหลัง
“เป็นเช่นนั้นเอง”
เทพจันทราลูบเคราของเขาและครุ่นคิด ในขณะนี้ หวังฟู่กุ้ยถูกรายล้อมด้วยอักขระเต๋าแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่า เขากำลังเข้าใกล้เซียนจิน
เทพจันทรามีฐานพลังปราณจำกัด และพลังแห่งเต๋าสวรรค์ที่เขาสามารถใช้ได้ก็มีจำกัด หากเขาต้องการส่งด้ายแดงไปให้เซียนจิน เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากผลกระทบที่เกิดขึ้นมาก นอกจากนี้ เขาจะก็จะถูกอีกฝ่ายหนึ่งหยั่งรู้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าในยามนี้ พวกเขาทั้งสองต่างก็รักกัน แต่ด้ายแดงของพวกเขาสั้นไปสักหน่อย อีกเพียงนิดเดียวก็จะเกี่ยวกันได้แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้หนึ่งในนั้นจะกลายเป็นเซียนจินไปแล้ว แต่หากเขา เทพจันทราลงมือแล้ว ก็ย่อมส่งเสริมให้ครองคู่กันได้…
แม้เทพจันทราจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่า เขาไม่อาจแตะต้องเรื่องการครองคู่ของเซียนจินได้ แต่เขาก็ยังดูตามสถานการณ์เฉพาะได้ “แต่หวังฟู่กุ้ยผู้นี้กำลังจะเผชิญกับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์… หากเขาไม่ได้เป็นเซียนจิน นั่นจะไม่ทำให้ปรมาจารย์ใหญ่ของฉางโซ่วต้องกลายเป็นหญิงหม้ายหรอกหรือ? จะได้รับผลเต๋าอายุยืนง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
ทันใดนั้น เทพจันทราก็ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาอยากไปปรากฏในความฝันของสหายน้อยฉางโซ่วเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ไปบอกปรมาจารย์ใหญ่ของเขาว่า ให้รอจนกว่าหวังฟู่กุ้ยจะกลายเป็น เซียนจินก่อน จากนั้นเขาก็จะช่วยจับคู่พวกเขา เช่นนั้นย่อมจะถือว่าปลอดภัย
ทว่า…
ช่างมันเถิด ในเมื่อเจียงหลินเอ๋อร์อยากจะใช้น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อน ข้าก็จะช่วยนาง
จากนั้น เทพจันทราก็เริ่มทำงาน เขาหยิบกรรไกรสีทองออกมาจากป้ายเต๋าสวรรค์ และตัดด้ายแดงที่พันรอบเท้าของหวังฟู่กุ้ย ก่อนจะพันด้ายแดงไว้ที่รอบข้อมือของหวังฟู่กุ้ยและดึงมันมาใกล้กับด้ายแดงของเจียงหลินเอ๋อร์
มีรายละเอียดมากมายที่นี่!
เทพจันทราจะไม่บอกเรื่องการครองคู่ของพวกเขากับเซียนธรรมดา แม้เขาจะสร้างมันขึ้นมาแล้วก็ตาม ทั้งสองคนจะถูกมัดด้วยด้ายแดง และชะตาการครองคู่จะนำพวกเขาทั้งสองมารวมกัน หากด้ายแดงพันรอบข้อมือของรูปปั้นดินเหนียว แสดงว่าการครองคู่ครั้งนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่รูปปั้นดินเหนียวเป็นตัวแทน ทว่าหากด้ายแดงผูกไว้ที่ข้อเท้า ก็จะเหมือนมาขัดขากัน แสดงว่าการครองคู่ครั้งนี้จะลากดึงพวกเขาลงมาให้ลำบาก
คือหญิงจะทำให้ชายเดือดร้อน
หากเขายอมรับโดยตรงในตอนนี้ เจียงหลินเอ๋อร์ย่อมจะทำให้หวังฟู่กุ้ยลำบาก แต่ในเวลานี้ การครองคู่ระหว่างเจียงหลินเอ๋อร์จากยอดเขาหยกน้อยแห่งสำนักตู้เซียน และหวังฟู่กุ้ยจากยอดเขาพิชิตสวรรค์แห่งสำนักตู้เซียน ถือว่า รักใคร่กลมเกลียว ร่มเย็นเป็นสุขและเป็นประโยชน์ร่วมกัน…
นี่เป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะเทพผู้ชอบธรรม เทพจันทรา!
เมื่อกล่าวถึงความแตกต่างในตำแหน่งของด้ายแดง ความจริงแล้ว ยังมีสถานการณ์พิเศษอื่นๆ อีก…
หากมีด้ายแดงพันรอบคอ นั่นหมายความว่าการครองคู่ครั้งนี้ จะนำความตายมาสู่พวกเขาได้
หากมีด้ายแดงพันรอบเอว นั่นหมายความว่าการครองคู่ครั้งนี้ ฝ่ายหนึ่งจะอยู่นิ่งเฉยๆ และถูกอีกฝ่ายชักนำ ต้องทำตามอีกฝ่าย
แน่นอนว่า เทพจันทราไม่ใช่คนเดียวที่สามารถเปลี่ยนมันได้เท่านั้น ด้ายแดงเหล่านี้ยังสามารถเคลื่อนที่ไปได้ด้วยตัวของมันเองเช่นกัน…
เทพจันทราเหลือบมองดูภาพรูปปั้นที่มีพลังแห่งสามดาวมงคลที่โคจรรอบดวงจันทร์ของสำนักตู้เซียน ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล ในขณะนั้น ด้ายแดงที่ข้อเท้ารูปปั้นของหวังฟู่กุ้ยก็เลื่อนไปที่ข้อมือ… แม้จะมีเพียงปลายด้ายแดงของหวังฟู่กุ้ยโผล่ออกมาเท่านั้น แต่เทพจันทราก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่เซียน แน่นอนว่า เขาย่อมสามารถบอกความแตกต่างได้ และหลังจากจัดการกับตำแหน่งด้ายแดงของหวังฟู่กุ้ยแล้ว เทพจันทราก็หยิบต้นสมบัติเซียงซือออกมาแล้วทิ่มมันไปที่รูปปั้นดินเหนียวของเจียงหลินเอ๋อร์เบาๆ…
ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบบนยอดเขาหยกน้อยแห่งสำนักตู้เซียน จู่ๆ เจียงหลินเอ๋อร์ก็วิ่งออกมาจากกระท่อมโดยจับกรอบประตูเอาไว้ในขณะที่กัดริมฝีปาก ดวงตาดุจแพรไหมของนางมองไปทางยอดเขาพิชิตสวรรค์
ในเวลานี้ นางสวมเสื้อคลุมหลวมๆ ซึ่งเรียบจนถึงปลายดุจเส้นผมของนาง
หน้าเตาหลอมโอสถในหอโอสถ หลี่ฉางโซ่วที่กำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์วุ่นวายบนยอดเขาหยกน้อย ก็ขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ เกิดอันใดขึ้นกับท่านปรมาจารย์ใหญ่ของเขา?
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ของท่านปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อย …
“เจ้าคนไร้หัวใจ หวังฟู่กุ้ย… ไยเจ้าถึงไม่รู้ใจข้าว่าหมายความอันใด…”
หวังฟู่[1]!
แค่กๆ!
หลี่ฉางโซ่วเกือบจะซัดพลังเซียนของเขาออกมาและแทบจะระเบิดเตาหลอมโอสถที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมอบให้เขา! หวังฟู่กุ้ยคืออะไร? นั่นคือ นามเดิมของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งใช่หรือไม่? หลี่ฉางโซ่วอดจะเอามือก่ายหน้าผากไม่ได้ ระดับการตั้งชื่อตัวเองของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งนั้น ไม่มีผู้ใดเทียบได้จริงๆ!
อีกด้านหนึ่ง ในมุขด้านหลังของโถงตำหนักเทพจันทรา เทพจันทราส่งเสียงร้องเพลงที่พอใจเบาๆ ในขณะที่ผูกด้ายแดงที่ขยายออกมาแล้วจากรูปปั้นดินเหนียวของเจียงหลินเอ๋อร์เข้ากับรูปปั้นดินเหนียวของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง
เขาดึงด้ายออกจากชุดคลุมแต่งงานและผูกปมเอาไว้ก่อนจะยิ้มอย่างเบิกบานใจกับมัน
มันเป็นเงื่อนตายที่ตรึงแน่นยิ่ง ความสามารถในการนำคู่รักเซียนมาอยู่ด้วยกันทำให้เขามีความสุขมาก หลังจากนั้น เทพจันทราก็นึกถึงอีกปมหนึ่งที่เขาเคยจัดการเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้
หลังจากนำรูปปั้นดินเหนียวของสำนักตู้เซียนกลับไปยังสถานที่ของพวกเขาแล้ว เทพจันทราก็นำรูปปั้นดินเหนียวของอ๋าวอี่และเจียงซื่อเอ๋อร์ออกมา
“โย่…”
พวกเขากำลังเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว? ไม่เลว ไม่เลว เทพจันทรามองดูรูปปั้นดินเหนียวทั้งสองที่พิงกันและกันอยู่พลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ๋? ไฉนมีด้ายแดงอีกเส้นปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของรูปปั้นดินเหนียวขององค์ชายมังกรน้อย?
เทพจันทราขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองไปที่ด้ายแดง ทันใดนั้น เขาก็เห็นรูปปั้นดินเหนียวที่ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดและเมื่อใดก็สุดหยั่งรู้
เดี๋ยวก่อนนะ ไฉนรูปปั้นดินเหนียวที่มีด้ายแดงกำลังเคลื่อนตรงไปหาองค์ชายมังกรอ๋าวอี่จึงเป็น… มนุษย์บุรุษ!?!
“นี่?”
เทพจันทราทำมุทราหยั่งรู้ก่อนจะหยิบรูปปั้นดินเหนียวขึ้นมาแล้วใช้กรรไกรในมือตัดด้ายแดงให้สั้นลงอย่างเด็ดขาด! “หากมีสตรีคิดถึงสหายสนิทของฉางโซ่วก็ไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้ว กลับยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งอยู่! ยุคบรรพกาลตกต่ำแล้ว และจิตใจของผู้คนก็สับสนวุ่นวายนัก!”
ทว่าเทพจันทราเพิ่งตัดด้ายแดงนั้นออกไป ด้ายแดงบนข้อมือของรูปปั้นดินเหนียวก็มีด้ายแดงเส้นใหม่โผล่ออกมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันยืดยาวออกมาอีกครั้งแล้ว…
องค์ชายมังกรน้อย…
“ยังกล้ายืดยาวออกมาอีกหรือ?” เทพจันทราจ้องมองก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้น แล้วใช้กรรไกรตัดมันออกอีกครั้ง
“ยังยาวออกมาอีก!”
กริ๊บ!
“เฮ้ ข้ายังจัดการเจ้าไม่ได้อีกหรือ!?”
…………………………………………………………………..
[1] ในออนไลน์ คำนี้จะหมายถึงสามีที่ถูกสวมหมวกเขียว หลี่ฉางโซ่วจึงคิดตลกขบขันตามความหมายของสวมหมวกเขียวว่า คบชู้