ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 252 ถึงเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษ (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 252 ถึงเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษ (2)
ตอนที่ 252 ถึงเรียบง่ายแต่ก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษ (2)
ดังนั้น ครึ่งวันต่อมา… เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก โลกบรรพกาลก็ได้ต้อนรับคลื่นแห่งความร้อนแห้งแล้งระลอกแรกที่ดวงอาทิตย์แผ่ออกมา
ในตำหนักเทพจันทราแห่งศาลสวรรค์ บัดนี้ ดวงตาของเทพจันทราแดงก่ำขณะจ้องมองไปที่รูปปั้นดินเหนียวทั้งสอง และบนพื้นก็ถูกด้ายแดงถมทับจนหนาทึบไปแล้ว
ในขณะนั้น ด้ายแดงเส้นที่หกร้อยสิบสองก็งอกออกมาจากข้อมือของรูปปั้นดินเหนียวที่มีนามว่า เปี้ยนจวงอีกครั้ง และมันก็ยืดยาวออกมาอย่างดื้อรั้นอีกครั้ง…
อ๋าวอี่ องค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา! ไม่ใช่ว่าเทพจันทราจะไม่เคยเห็นคนมากรักมาก่อน
ทว่าการที่จะไปให้ถึงระดับนี้ได้ หัวใจย่อมต้องประสบกับความพ่ายแพ้ผิดหวังมาหลายร้อยครั้ง แต่เขาก็ยังพากเพียรอย่างดื้อดึง! เทพจันทราไม่เคยเห็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหว หัวแข็ง ดื้อรั้น และรักเดียวใจเดียวเช่นนี้มาก่อน! มีความรักซ่อนเร้นอยู่ในรูปปั้นดินเหนียวนี้มากมายเพียงใดกัน? ทั้งตัวของมันประกอบขึ้นมาจากความรักใช่หรือไม่? แต่ปัญหาก็คือ… “เจ้าใช้เต๋าผิดทางแล้ว เปี้ยนจวง!”
เทพจันทรากระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยโทสะและดุว่า “หากเจ้าเป็นสตรี ในตอนนี้ ข้าก็จะบอกให้สหายน้อยฉางโซ่วไปพูดคุยกับองค์ชายรองแห่งวังมังกรว่าให้หาพระสนมสักคน แต่เจ้า! เจ้า! โว้ว ข้าโมโหจริงๆ!”
ในขณะนั้น เด็กชายคนโตจากตำหนักเทพจันทราก็รีบมารายงานว่า “ท่านอาจารย์! ท่านแม่ทัพตงมู่ขี่เมฆมาถึงแล้วขอรับ!”
“โอ้?”
เทพจันทราใจสั่นไหว เขามองดูด้ายแดงไปทั่วทุกที่แล้วสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้น ด้ายแดงทั้งหมดก็กลายเป็นแสงสีชมพูและค่อยๆ หายไปเงียบๆ
“เช่นนั้น รอข้ากลับมาจัดการเจ้า!”
จากนั้น เมื่อจัดเสื้อคลุมยาวให้เรียบร้อยแล้ว เทพจันทราก็หันหลังกลับแล้วเดินออกไปนอกห้องโถงเพื่อต้อนรับเขา
ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ที่เชิงเขาหลิงซานแห่งดินแดนเทวะประจิม ในเคหาสน์ถ้ำของผู้บำเพ็ญเหวินจิง ขณะนี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงแต่งกายด้วยชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีฟ้าอ่อนพร้อมกับมีกระโปรงสั้นผ้าไหมปักลายอยู่ด้านใน ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานที่สร้างขึ้นง่ายๆ และมองดูตัวเองที่สะท้อนให้เห็นในกระจกอย่างระมัดระวัง
ข้าควรจะแต่งกายเช่นนี้เมื่อพบบุรุษผู้นั้นในคราวหน้าดีหรือไม่? ถึงแม้ราชินีเช่นข้า จะไม่อยากทำให้เขาพอใจ แม้เขาจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์เทพก็ตาม ราชินีผู้นี้ก็แค่ชื่นชมเขาเท่านั้น “แต่ในท้ายที่สุด ก็คงเป็นเรื่องที่วิเศษมาก หากข้าจะทำให้เขาคุกเข่าลงแทบเท้าของราชินีเช่นข้าได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหัวเราะดังลั่น
ทันใดนั้น ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากภูเขาหลิงซานก่อนจะตกลงมาที่ด้านหน้าของผู้บำเพ็ญเหวินจิงแล้วก่อตัวขึ้นเป็นแผ่นไม้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหยุดหัวเราะทันที นางกระตุกมุมปากพร้อมกับทุบกระจกที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ใส่ใจ เศษกระจกชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลายเป็นหยดน้ำใสและตกลงไปในสระสมบัติ นางยกมือขึ้นและเคาะลงบนแผ่นไม้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงชราดังมาจากด้านใน
“ในวันอภิเษกของอ๋าวอี่แห่งวังมังกรทะเลบูรพา เจ้าต้องนำหุ่นเชิดหกพันและยุงเลือดอีกสองหมื่นตัว ไปเข้าร่วมมือกับกองทัพกบฏแห่งเผ่าทะเล จากนั้นก็แสร้งทำเป็นโจมตีวังมังกรแห่งทะเลทักษิณและดึงปรมาจารย์เผ่ามังกรให้ออกมาจากวังมังกรทะเลบูรพา”
“เจ้าค่ะ ผู้น้อยน้อมรับบัญชา” ผู้บำเพ็ญเหวินจิงกล่าวเบาๆ
“อืม เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะให้ท่านอาจารย์เห็นผลงานและตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าเพียงแค่ต้องทำงานหนักอย่างสุดกำลังเพื่อพวกเรา แล้วสำนักบำเพ็ญประจิมจะรับรองความปลอดภัยของเจ้า แต่หากเจ้ากล้าคิดทรยศ… เหอะ!”
“ท่านล้อข้าเล่นแล้ว” ผู้บำเพ็ญเหวินจิงกระตุกมุมปากขณะที่ยังคงแย้มยิ้มต่อไป “หากข้าไม่มีที่แห่งนี้คอยคุ้มภัยให้ ในโลกนี้จะมีที่ใดให้ข้าได้อีกหรือ?”
“อืม เจ้ารู้เช่นนี้ก็ดี” มีเสียงตอบกลับมาจากแผ่นไม้ จากนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีทองแล้วพุ่งออกไปจากที่นั้น
เจ้าสวะเอ๊ย!
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงสบถในใจ เห็นได้ชัดว่า นางอารมณ์เสียมากขึ้น
กลลวงชัดถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าเผ่ามังกรจะมองไม่ออกหรือ?
แม้เผ่ามังกรจะมองไม่ออก แต่ก็สามารถซ่อนตัวจากสายตาที่เฉียบคมของชายร่างเล็กผู้นั้นได้ใช่หรือไม่?
แสร้งทำเป็นโจมตีวังมังกรทะเลทักษิณและล่อเสือออกจากถ้ำไปก่อนจะโจมตีงานอภิเษกของอ๋าวอี่ในวังมังกรทะเลบูรพา…
นี่ดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี ทว่าความจริงแล้ว มีช่องโหว่มากมาย หากกลุ่มกบฏของเผ่าทะเลต้องการสร้างความเสียหายให้เผ่ามังกรอย่างหนัก เหตุใดพวกเขาจึงไม่รวบรวมกำลังแล้วเข้าโจมตีวังมังกรทะเลบูรพาโดยตรงเล่า?
หากเป็นผู้บำเพ็ญเหวินจิงจัดการเรื่องนี้ คราวนี้นางย่อมจะเลือกวังมังกรทะเลอุดรซึ่งอ่อนแอที่สุดในบรรดาวังมังกรแห่งสี่คาบมหาสมุทร และโจมตีวังมังกรทะเลอุดรอย่างสุดกำลัง นางจะโจมตีเผ่ามังกรอย่างหฤโหด!
จากนั้นนางก็จะส่งศิษย์ของจอมปราชญ์เทพสองสามคนไปยังทะเลบูรพาและเผยแพร่เวท ‘ปลุกปีศาจ’ ก่อนจะเปลี่ยนวิญญาณที่เหลือของปรมาจารย์มังกรที่เติมเต็มทะเลเหล่านั้นให้กลายเป็นปราการปีศาจ แล้วสร้างปัญหาให้วังมังกรทะเลบูรพา…
เผ่ามังกรย่อมจะรู้ตัวดั่งถูกค้อนทุบจนคิดได้อย่างแน่นอน!
มีโอกาสมากที่พวกเขาจะย่อยยับทันที บัดนี้ เผ่ามังกรทรงพลังแข็งแกร่งแล้ว!
ในเวลานั้น สำนักบำเพ็ญประจิมก็เพียงแค่ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปและยึดครองเผ่ามังกรได้มิใช่หรือ?
น่าเสียดายที่เจ้าสูญเสียราชินีผู้เฉียบแหลมและมากความสามารถเช่นข้าไปแล้ว จากนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็สะบัดแขนเสื้อและลอยกลับไปที่เตียงของนาง
เดิมทีนางต้องการส่งข้อความไปรายงานเทพแห่งท้องทะเลทักษิณโดยตรงและทำงานเพื่อตัวเองต่อไป แต่ผู้บำเพ็ญเหวินจิง… ต้องได้รับการยืนยันให้แน่นอนก่อน
นางจงใจรอเป็นเวลาครึ่งเดือน และด้วยการใช้หุ่นเชิดยุงเลือดที่จัดส่งไปกระจายอยู่รอบๆ ในกลุ่มกบฏเผ่าทะเล นางก็ยืนยันว่าแผนการที่นางได้รับนั้นเป็นความจริง จากนั้นนางก็ใช้พลังเวทเปิดใช้งานยุงเลือดที่ซ่อนอยู่ในปราณวิญญาณของปลาปีศาจใกล้เมืองอันสุ่ยในดินแดนเทวะทักษิณ และลอยไปยังเมืองอันสุ่ยเงียบๆ
บัดนี้ บนท้องฟ้าเหนือวิหารเทพทะเล ผู้บำเพ็ญเหวินจิงยังคงคิดจะใช้กลอุบายเดียวกันนี้เพื่อค้นหาสานุศิษย์ในวิหารโบราณที่นางเคยควบคุมเพื่อให้ร้ายเทพแห่งท้องทะเลเมื่อก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากสัมผัสได้สักพัก นางก็รู้ว่า… วันนี้ เทพแห่งท้องทะเลอยู่ในนั้น และกำลังพบกับแขกที่โถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล ผู้บำเพ็ญเหวินจิงแค่นเสียงเยาะและลอยไปที่โถงด้านหลังของวิหารเทพทะเลก่อนจะร่อนลงบนคานหลังคาและมองดูชายชราผมขาวและเคราขาวสามคนที่อยู่ด้านล่าง บนที่นั่งหลักนั้น มีชายชราที่สวมชุดคลุมสีขาว ดูใจดีมีเมตตา ดวงตาเป็นประกาย และมีร่างผอมเพรียว แน่นอนว่า นั่นย่อมเป็นร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณและปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ทั้งยังเป็นเป้าหมายในยามนี้ของนาง และเป็นผู้ควบคุมชะตากรรมในอนาคตของนาง ส่วนอีกสองคนสวมชุดคลุมสีน้ำเงินและชุดคลุมแต่งงานสีแดงตามลำดับ คนแรกเป็นเซียนจินในขณะที่อีกคนเป็นเซียนเทียน พวกเขาล้วนแผ่กลิ่นอายแห่งพลังที่น่าทึ่งออกมา…
บุญแห่งเต๋าสวรรค์!
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงขยับกายทันที แต่ในขณะที่นางกำลังจะเคลื่อนไหว นางก็ได้ยินเสียงของหลี่ฉางโซ่วเข้ามาในหู…
“สองคนนี้เป็นเสนาบดีคนสำคัญแห่งศาลสวรรค์ เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากยั่วยุพวกเขา”
ยุงเลือดหยุดเคลื่อนไหวทันที ผู้บำเพ็ญเหวินจิงซึ่งอยู่ห่างจากเคหาสน์ถ้ำในดินแดนเทวะประจิมพลันกระตุกปากและหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างกระดาก
อย่างไรก็ตาม ภาพเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเชื่อในสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วเคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้
เสนาบดีคนสำคัญแห่งศาลสวรรค์ทั้งสองกำลังหารือกับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณเกี่ยวกับรายละเอียดการไปเยือนวังมังกรทะเลบูรพาเพื่อแสดงความยินดีและส่งข้อมูลมากมายไปให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิง…
เทพแห่งท้องทะเลเป็นคนสำคัญในศาลสวรรค์อย่างแท้จริง นั่นไม่ใช่แผนของหลี่ฉางโซ่ว ป็นเพียงแขกสองกลุ่มที่บังเอิญมาถึง…
นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงมีความหวังมากขึ้น
เมื่อนับวันแล้ว ผู้บำเพ็ญเหวินจิงน่าจะมาที่นี่เพื่อบอกเขาถึงเรื่องการจัดเตรียมงานของสำนักบำเพ็ญประจิมในงานอภิเษกของอ๋าวอี่
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก เขาสัมผัสได้ว่า เขาจะรู้เรื่องนี้ในภายหลัง และยังคงหารือกับแม่ทัพตงมู่และสหายผู้ซื่อสัตย์ของเขา เทพเฒ่าจันทรา รายละเอียดของของขวัญแสดงความยินดีสำหรับอ๋าวอี่ คำอวยพรของเทพจันทรา และจำนวนแม่ทัพสวรรค์และทหารสวรรค์จากศาลสวรรค์ที่จะไปเข้าร่วมในเวลานั้น…
ในขณะนี้ กลุ่มคนของศาลสวรรค์ที่จะไปร่วมแสดงความยินดีในงานอภิเษกของอ๋าวอี่ที่วังมังกรทะเลบูรพาก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นมา และหลังจากนั้น องค์เง็กเซียนก็ออกพระราชโองการแต่งตั้งให้อย่างเป็นทางการ หัวหน้าคณะคือ ท่านแม่ทัพตงมู่ รองหัวหน้าคณะคือ เทพแห่งท้องทะเลทักษิณที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งเป็นเทพผู้ชอบธรรม และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในคณะ…ก็ย่อมเป็นเทพเฒ่าจันทราอย่างแน่นอน
แม่ทัพตงมู่ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งและเสนอแนะอย่างชาญฉลาดว่า… “สหายเต๋าเทพจันทรา ฐานพลังปราณของท่านไม่สูงมากนัก ถือได้ว่าเป็นข้าราชบริพารพลเรือนในศาลสวรรค์ ให้ข้าส่งแม่ทัพเซียนจินสักสองสามคนไปคอยคุ้มกันท่านดีหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วเหลือบมองที่ไปเทพจันทราด้วยเกรงว่า เทพจันทราจะอับอาย แต่เทพจันทราก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรพลางกล่าวตอบว่า “แล้วในตอนนี้ ศาลสวรรค์…มีพวกเขาอยู่ที่นั่นบ้างหรือไม่”
“แน่นอนว่า ย่อมต้องมีบ้าง แม้จะไม่มากนักก็ตาม”
“เช่นนั้น ก็อยากขอรบกวนท่านแม่ทัพตงมู่ให้เชิญยอดฝีมือสักสองคนไปด้วยกัน”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “ท่านแม่ทัพตงมู่ โปรดจำไว้ว่า แม้ฝ่าบาทจะทรงมอบให้เราสามคนจัดการเรื่องนี้ได้ แต่เราไม่อาจตัดสินใจได้ตามอำเภอใจ เราจะไม่ด่วนบังอาจตัดสินใจทุกอย่างเอง แต่ต้องยื่นเรื่องเพื่อขอให้ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเท่านั้น ตอนนี้ศาลสวรรค์ไม่มีเรื่องให้ต้องจัดการมากนัก โปรดอย่ากลัวปัญหาวุ่นวายใดๆ เมื่อศาลสวรรค์กลับมาดำเนินการตามปกติแล้ว เราก็จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นและทูลถวายรายงานฝ่าบาทได้ ”
แม่ทัพตงมู่ และเทพเฒ่าจันทราไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าพร้อมๆ กัน
ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็แอบสูดลมหายใจและพึมพำกับตัวเองว่า ‘คนผู้นี้ช่างรู้มากจริงๆ ‘
เดิมทีนางรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นภาพวาดที่แขวนอยู่ในห้องโถงกลาง นางก็เหลือบมองดูมันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อจมอยู่ในภวังค์นั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็รู้สึกถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ที่เฉียบคม ร่างของนางพลันสั่นสะท้านขึ้นทันทีในขณะที่มีเหงื่อเย็นชุ่มโชกไปทั่วชุดกระโปรงสามชั้นของนาง…
นะ-นี่มัน!?!
………………………………………………………………….