ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 257 ในแขนงนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดเอาชนะนักพรตไร้เงินผู้นี้ได้! (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 257 ในแขนงนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดเอาชนะนักพรตไร้เงินผู้นี้ได้! (1)
ตอนที่ 257 ในแขนงนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดเอาชนะนักพรตไร้เงินผู้นี้ได้! (1)
ในเขตพื้นที่ห่างไกลอันกว้างใหญ่ที่ทะเลทักษิณและทะเลประจิมมาบรรจบกัน มีค่ายกลใหญ่มากมายหลายชั้น
จ้าวกงหมิงก้มศีรษะลงมองไปที่ศิษย์ของจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมสองคน เพียงเมื่อเขาวาดมือออกไป ก็กวาดคลื่นขนาดใหญ่บนพื้นผิวทะเลให้ราบเรียบในขณะที่ไข่มุกเทพทะเลทั้งยี่สิบสี่เม็ดค่อยๆ หมุนไปช้าๆ …
ตรงหน้าเขา เวลานี้ ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคน ต่างก็กระอักเลือดออกมา ลมหายใจสั่นสะท้าน ขณะที่ถูกไข่มุกเทพทะเลกักเอาไว้อย่างแน่นหนาจนไม่อาจขยับได้
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าชราทั้งสองล้วนมีสีหน้าซับซ้อน มีความหวาดกลัวและอับจนหนทาง และแน่นอนว่า อารมณ์ส่วนใหญ่ของพวกเขาคือ โกรธ
สองครั้งแล้วนะ!
สองครั้งแล้ว!
แม้คราวนี้ เป็นพวกเขาทั้งสองคนตั้งใจวางแผนทำร้ายนักพรตเต๋าหวงหลงก่อน โดยใช้วิธีการไม่เหมือนใครของจ้าวกงหมิง …
ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ทำร้ายนักพรตเต๋าหวงหลงเลย! และจากประสบการณ์ที่พวกเขาถูกหลอกลวง ภาพเหตุการณนี้ก็ปรากฏขึ้นซ้ำอีกครั้ง!
ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงก็พุ่งออกไปทำร้าย และทำลายเต๋านับพันปีของพวกเขา และพวกเขา ทำให้เกิดความแค้นอย่างแท้จริง!
ในเวลานั้น จ้าวกงหมิงลูบเคราขณะกำลังครุ่นคิดเช่นกัน…
เมื่อครู่ แม้เขาต่อสู้ไม่จริงจัง แต่พลังงานเหลือน้อยลงเพราะใช้พลังไปมากเพื่อเอาชนะศิษย์ของจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนจนทำให้พวกเขาสูญเสียพลังและเจตจำนงแห่งเต๋าไป
ครั้งนี้เขาทำไม่ถูก…
บัดนี้ ที่ด้านข้างของเขา นักพรตเต๋าร่างสูงและผอมบางได้โค้งคำนับ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกตัญญูขณะกล่าวว่า
“ขอบคุณน้องกงหมิงที่ช่วยเหลือ! หากเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ”
จ้าวกงหมิงฝืนหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ขอศิษย์พี่หวงหลงโปรดอย่าใส่ใจเลย”
นักพรตเต๋าร่างผอมบางก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวและมองไปที่นักพรตเต๋าชราแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนที่แต่งกายเรียบง่าย และเต็มไปด้วยความเศร้าและแค้นใจ
จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเบาๆ ว่า “ศิษย์น้องกงหมิง ตอนนี้ พวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”
จ้าวกงหมิงถามผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “พวกเขาทำร้ายท่านมาก่อนหน้านี้หรือไม่?”
“อืม ไม่นะ…”
นักพรตเต๋าร่างผอมบางกล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นว่า “ข้าเพิ่งกลับมาจากเคหาสน์ถ้ำในทะเลทักษิณของสหายสนิท และพบพวกเขาสองคน พวกเขาบอกว่า มีสมบัติล้ำค่าให้ข้าได้ชม แล้ว จู่ๆ พวกเขาทั้งสองคนก็ทะเลาะกันอย่างไม่คาดคิด และหนึ่งในนั้นก็ล้มลงไปกับพื้นแล้วกระอักเลือดออกมาอย่างกะทันหัน ดูเหมือนว่า จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคนก็มองมาที่ข้าและถามว่า เหตุใดข้าถึงทำร้ายพี่ชายของเขา… ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ นะ ข้าไม่ได้ทำอะไรอย่างแน่นอน และยังเกลี้ยกล่อมพวกเขาไม่ให้ต่อสู้กันอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!”
จ้าวกงหมิงขมวดคิ้วทันที…
สองคนนี้ที่ข้าเคยหลอกลวงมาก่อน ความจริงแล้ว ได้คิดค้นกลอุบายใหม่ๆ ขึ้นมาด้วยหรือ?
นั่นไม่ถูกต้อง!
หากเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายจะต้องซ่อนสมบัติบางอย่างหรือค่ายกลเอาไว้… ซึ่งยากนักที่จะจัดการพวกมันได้
จู่ๆ ขาของจ้าวกงหมิงก็อ่อนยวบลงฉับพลัน การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นและเป็นธรรมชาติ เขาทรุดกายลงต่อหน้าทั้งสามคนและร้องคร่ำครวญพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ใบหน้าของเขาซีดเซียว ลมหายใจสั่นสะท้าน และอักขระเต๋าของเขาก็สั่นสะเทือนเช่นกัน…
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องนอนลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
บัดนี้ ความเศร้าและแค้นใจในดวงตาของนักพรตเต๋าชราทั้งสองคนที่ถูกไข่มุกเทพทะเลกักเอาไว้ ยิ่งรุนแรงขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลย
ความจริงแล้ว หากจ้าวกงหมิงเก็บไข่มุกเทพทะเลไป ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนนี้ ก็จะไม่กล่าววาจารุนแรง พวกเขาจะเพียงแค่หันหลังแล้วจากไป…
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าที่สูงผอมก็ตกตะลึงแล้วมองไปทางซ้ายและขวา
จากนั้นเขาก็กล่าวกับจ้าวกงหมิงว่า “ศิษย์น้องกงหมิง ให้ข้านอนลงไปด้วยดีหรือไม่?”
“อย่านะ” จ้าวกงหมิงรีบกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงอย่างรวดเร็วขณะยังคงท่าทีสงบเอาไว้ “ข้าจะยื้อพวกเขาไว้ที่นี่ก่อน! ศิษย์พี่ ไปที่ดินแดนเทวะทักษิณ นอกชายฝั่งทะเลทักษิณ แล้วมองหาวิหารเทพทะเล และเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ เมื่อร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณปรากฏกายขึ้น ศิษย์พี่หวงหลงโปรดช่วยบอกเขาถึงเรื่องนี้ที่นี่และขอวิธีแก้ปัญหาจากเขา แล้วข้าจะไปขอบคุณเทพแห่งท้องทะเลในภายหลังอย่างแน่นอน!”
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าชราร่างสูงผู้นี้ ก็ยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดที่ร้อนรนของจ้าวกงหมิง ปรมาจารย์ที่เป็นหนึ่งในสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก ทันใดนั้น เขาก็ใช้พลังเวทและรีบออกจากค่ายกลขนาดใหญ่ที่นี่ในทันที จากนั้น ก็พุ่งไปทางเหนือ
โลกบรรพกาลนี้…
ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่?
บนยอดเขาหยกน้อย เขาคิดว่า เรื่องของท่านปรมาจารย์ใหญ่และปรมาจารย์หวางฉิงผู้สูงส่งที่กลับมารวมกันนั้น เป็นเรื่องยากที่จะจัดการให้คนสองคนกลับมารักกันดีได้
ทว่าความพยายามของพวกเขาในครั้งนี้ก็หาได้สูญเปล่าไปอย่างไร้ประโยชน์ไม่ แม้พวกเขาทั้งสองคนจะยังไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกต่อกัน แต่ก็พูดคุยกันได้ตามปกติ…
เมื่อมาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาพบกันอย่างมากที่สุดสองครั้ง พวกเขาก็พูดคุยกันได้อย่างเพลิดเพลิน
หลี่ฉางโซ่วมองดูผ่านสัมผัสเซียนรับรู้ ในยามนั้น ปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยของเขาและปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเดินเล่นอยู่ที่ภูเขาด้านหลังยอดเขาหยกน้อย เขารู้สึกได้ถึงบทกวีและอดจะคิดในใจไม่ได้ว่า เดิมทีพวกเขาเป็นคู่ยวนยางที่แยกจาก หลังจากทะเลาะกันสองครั้ง พวกเขาก็เป็นสหายที่ดีต่อกัน ทั้งที่เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขา คนหนึ่งก็หยิ่งทะนง ส่วนอีกคนมีอะไรก็เก็บเอาไว้ ไม่ยอมเผยความรู้สึกออกมา ไม่เลว ไม่เลว ก้าวหน้าขึ้น ข้าได้ปรับปรุงให้คล้องจองกันดี!
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินเสียงร้องเพลงเบาๆ และไพเราะอยู่ข้างหลังเขา เป็นศิษย์น้องหญิงหลิงเอ๋อร์ ที่กำลังดีดพิณ นางขยับริมฝีปากสีแดงและร้องเพลงเบาๆ ขณะที่ปลายนิ้วสัมผัสสายพิณ
“เงาบุปผาร่วงหล่นอยู่ที่นั่นมานานช้า วิหคเหนื่อยล้าร่วงหล่นลงมา”
“ยามคิดถึงท่าน ข้าเฝ้าถนอมกระโปรงสีรุ้งของข้า”
หือ?
หลี่ฉางโซ่วเหลือบมองนาง แล้วหลิงเอ๋อร์ ก็หยุดอย่างกะทันหัน นางเม้มริมฝีปากและเผยรอยยิ้มโง่งมให้ศิษย์พี่ของนาง…
นางไม่ได้เผยนัยใดๆ ทั้งนั้นนะ!
“คัดลอกพระสูตรมั่นคงห้าสิบจบ”
“โอ้” หลิงเอ๋อร์รู้สึกผิดทันที
ในขณะนั้น สงหลิงลี่ไปที่กรงสัตว์วิญญาณเพื่อให้อาหารพวกมัน นางไม่อาจชื่นชมและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในสถานที่นี้ได้จริงๆ นางกลัวว่า เมื่อผล็อยหลับไป นางจะกรนเสียงดังสนั่นออกมารบกวนพวกเขาได้
เฉกเช่นในยามที่นางมักจะรบกวนบิดามารดาของนางในราตรีกาลก่อนที่นางจะออกจากบ้านมา
หลี่ฉางโซ่วให้ความสนใจกับปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและท่านปรมาจารย์ใหญ่ของเขาอยู่พักหนึ่ง
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งได้วางข่ายอาคมพลังเซียนเอาไว้รอบๆ พวกเขาทั้งสองคน หลี่ฉางโซ่วจึงไม่อาจได้ยินการสนทนาของพวกเขาได้โดยไม่ไปกระตุ้นและรบกวนปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง
ในขณะนั้น… มีใครบางคนแอบย่องเข้ามาใกล้จากเชิงเขาของยอดเขาหยกน้อย พวกเขาขี่เมฆอยู่ใกล้ป่า
ผู้นำคือ นักพรตเต๋าร่างเตี้ย จิ่วอู ซึ่งแน่นอนว่า เขาสูงไม่เกินห้าฉื่อ
ด้านหลังจิ่วอู มีจิ่วซือ จิ่วลู่เอ๋อร์ จิ่วฉี และอีกคนที่ห่อร่างของตัวนางเองเอาไว้ด้วยผ้าห่มและเผยให้เห็นเพียงใบหน้าเล็กๆ เท่านั้น…
โอ้ เป็นจิ่วจิ่ว
เมื่อแต่งกายเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็เกือบจะจำนางไม่ได้
ช่วงเวลาที่ท่านปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยกลับมา ก็ดูเหมือนว่า จิ่วจิ่วจะได้พบกับคู่ปรับตัวฉกาจของนางแล้ว
หากศิษย์พี่หญิงและศิษย์พี่ชายของนางไม่ยืนกรานที่จะลากนางมาด้วย นางก็คงไม่ได้ใช้ค่ายกลที่อลังการของนางอย่างแน่นอน!
ศิษย์พี่น้องทั้งห้าคนเหล่านี้ มาถึงหน้ากระท่อมมุงจากริมทะเลสาบด้วยกัน
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปยังจิ่วอูและจิ่วจิ่วเพื่อบอกให้พวกเขาแสร้งทำเป็นชื่นชมงานศิลปะภาพวาดที่นี่
เขาสามารถไปที่ยอดเขาหยกน้อยเพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาแปดรูปลักษณ์ ตราบใดที่เขาไม่รบกวนคนสองคนที่กำลังเตรียมพร้อมจะเริ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ในวิถีหยินหยาง ก็ย่อมไม่เป็นไร
…………………………………………………………………..