ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 259 ปฏิญญาต้าเต๋า หนึ่งแผนการ ห้าหลอกลวง (1)
ตอนที่ 259 ปฏิญญาต้าเต๋า หนึ่งแผนการ ห้าหลอกลวง (1)
“สหายเต๋าเป็นร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเลใช่หรือไม่?”
ในขณะนี้ ที่วิหารเทพทะเลหลักในเมืองทางใต้ เหล่าสานุศิษย์ทั้งหมดล้วนมารวมตัวเฝ้าดูกันอยู่
เมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วที่ปลอมตัวเป็นเซียนชราออกมาจากสวนหลังบ้าน จู่ๆ เขาถูกนักพรตเต๋าชราในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองขี่เมฆมาขวางไว้ที่หน้าประตูทันที
นักพรตเต๋าชราชราผู้นี้ดูกังวลใจและรีบถามทันทีที่เห็นหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วเคยพบเหล่าปรมาจารย์อาวุโสมาหลายคนแล้วเช่นกัน ทว่า… ไม่ค่อยมีผู้ใดที่เป็นกังวลถึงเพียงนี้
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “จะให้ข้าเรียกสหายเต๋าว่าอย่างไร?”
“หวงหลงแห่งวังอวี้ซวี สหายเต๋าคือเทพแห่งท้องทะเลใช่หรือไม่?”
หวงหลง?
หัวใจเต๋าของหลี่ฉางโซ่วสั่นสะท้าน เขาใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อสังเกตชายชราร่างสูงผอมบางที่อยู่ตรงหน้าเขา และเปรียบเทียบกลิ่นอายแห่งลมปราณที่เขาสัมผัสได้ในระหว่างงานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าในทันทีพร้อมกับฟื้นคืนสภาพจิตใจอย่างรวดเร็ว บัดนี้ เขามีความคิดอยู่ในใจแล้ว
“เป็นผู้อาวุโสหวงหลงจริงๆ ผู้อาวุโสโปรดอภัยที่ข้าเสียมารยาทด้วยขอรับ! ผู้อาวุโส ที่นี่มีมนุษย์อยู่มากมาย พวกเราไปคุยกันที่อื่นเถิด”
“เฮ้อ เร็วเข้า รีบไปเร็ว!”
หวงหลงเจินเหริน ทำท่าทางชวนให้หลี่ฉางโซ่วรีบออกไปที่ห้องโถงด้านหลัง
ส่วนสานุศิษย์ในวิหารท้องถิ่นและทูตเทวะสองคนของหมู่บ้านสง พวกเขาได้พาผู้คนในวิหารไปปิดกั้นบรรดาผู้แสวงบุญอื่นๆ ซึ่งมาเยือนถึงหน้าห้องโถงใหญ่แล้ว และไม่ยอมให้ผู้ใดกล้ำกรายไปใกล้สถานที่แห่งนั้น…
ในห้องโถงด้านหลัง หลี่ฉางโซ่วจับตามองไปที่หวงหลงเจินเหรินอย่างใกล้ชิดด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจ
เขาเป็นปราชญ์เพียงคนเดียวของเผ่ามังกรที่อยู่ในรายนามทะเบียนเทพ เขาเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของเผ่ามังกร… ซึ่งยังอยู่รองลงมาจากเหล่าปรมาจารย์ที่อยู่ภายใต้จอมปราชญ์เทพ
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วเคยคิดเช่นกันว่า ควรมองหาหวงหลงเจินเหรินเพื่อลงมือจัดการหรือไม่ ในยามคับขัน เขาจะยืนหยัดเพื่อเผ่ามังกร ซึ่งจะช่วยลดความกดดันของเผ่ามังกรลงได้…
เขาไม่คิดว่าก่อนที่จะเริ่มค้นหาหวงหลง หวงหลงก็มามอบตัวเองให้เขาแล้ว
หลี่ฉางโซ่วไม่ยอมเสียเวลา แล้วพุ่งตรงเข้าประเด็นในทันที
“ผู้อาวุโส ท่านดูกระวนกระวายนัก มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือ?”
จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “ผู้น้อยคือ เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ข้ามาที่นี่เพื่อรวบรวมเครื่องสักการะ ทำให้ผู้อาวุโสต้องขบขันแล้ว ขอผู้อาวุโสโปรดอภัย”
หวงหลงเจินเหรินกล่าวเบาๆ ว่า “บุญเครื่องสักการะเป็นสิ่งที่ดี มีอันใดให้ต้องขบขันเล่า? สหายเต๋า ขอกล่าวตามตรง ข้า… เอ่อ… ศิษย์น้องจ้าวกงหมิงขอให้ข้ามาที่นี่!”
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากพลางเผยรอยยิ้มขื่นและกล่าวว่า “หรือว่า ผู้อาวุโสกงหมิง… ได้ล้มนอนลงต่อหน้าผู้อื่นอีกแล้ว?”
ดวงตาของหวงหลงเจินเหรินเปล่งประกายแล้วรีบกล่าวว่า “สหายเต๋าช่างเก่งกาจขั้นเทพจริงๆ! สามารถหยั่งรู้ได้ถึงเพียงนี้!
ถูกต้อง เขานอนลงอีกแล้ว!”
“หรือว่า เขากระอักเลือดออกมา?”
“อ่า ใช่…”
“ข้า”
หลี่ฉางโซ่วอดจะเอามือก่ายหน้าผากไม่ได้ในขณะที่เขากำลังจะบ่นว่าอาจารย์ลุงจ้าวเสพติดการหลอกลวง และหากไม่ได้ทำก็จะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดทั้งวัน
หวงหลงเจินเหรินรีบชี้แจงว่า “น้องจ้าวกงหมิงต้องทำร้ายสหายเต๋าจากสำนักบำเพ็ญประจิมสองคนเพื่อช่วยข้าออกมา และจากนั้นเขาก็ทรุดกายลงนอน…”
“โอ้?” หลี่ฉางโซ่วรีบถามอย่างรวดเร็วว่า “ผู้อาวุโสหมายถึง ผู้อาวุโสจ้าวกำลังใช้วิธีนี้เพื่อเป็นผู้กล้าที่ทรงคุณธรรมในการเข้าช่วยเหลือผู้อื่นใช่หรือไม่?”
“ถูกตัอง!”
หวงหลงเจินเหรินเผยสีหน้าจริงจัง “ยามนั้น ข้าเพิ่งจะรู้สึกตัวในขณะที่คนจากสำนักบำเพ็ญประจิมสองคนนั้น กำลังพยายามใช้กลอุบายเพื่อหลอกลวงเอาสมบัติของข้าอย่างเห็นได้ชัด! ข้ามีสมบัติไม่มาก พวกเขาช่างร้ายกาจยิ่ง! ศิษย์น้องกงหมิงให้ข้ามาบอกสหายเต๋าเพื่อขอแผนที่ยอดเยี่ยม โปรดรีบบอกข้ามาโดยเร็วเถิด ข้าและน้องกงหมิงจะขอบคุณสหายเต๋ามากอย่างแน่นอน”
ไยถึงรู้สึกว่า คนผู้นี้…ช่างซื่อสัตย์?
ภาพลวงตา มันน่าจะเป็นภาพลวงตา
กล่าวได้เพียงว่า หวงหลงเจินเหรินผู้นี้ลี้ลับยิ่ง จะมีคนที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ในโลกบรรพกาลได้อย่างไรกัน?
นักพรตเต๋าหวงหลง เป็นเพียงสิ่งเหลือเชื่อที่งดงามในโลกบรรพกาล
หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนแล้วเดินครุ่นคิดไปมา เขาพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เส้นผมสีเงินของเขาจะพลิ้วไหวไปมาเบาๆ…
เขาลังเล
ตามสัญชาตญาณ เขาต้องการหลีกเลี่ยงเหตุและผลนี้ และส่งหวงหลงเจินเหรินไปขอความช่วยเหลือที่เกาะซานเซียนโดยตรง
ทว่าประการแรก เมื่อเขาได้รับคำสั่งจากท่านจอมปราชญ์เทพให้วางแผนเรื่องนำเผ่ามังกรเข้าสู่ศาลสวรรค์ หากใช้โอกาสนี้ผูกไมตรีกับหวงหลงเจินเหริน เขาย่อมจะเตรียมการบางอย่างได้ในภายหลัง
ประการที่สอง ย่อมไม่ใช่เรื่องดีนัก หากจ้าวกงหมิงจะโกรธเคืองโดยไร้เหตุผลจากเรื่องนี้
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำให้จ้าวกงหมิงชื่นชอบเขาเพิ่มมากขึ้นโดยเปล่าประโยชน์
ประการที่สาม…
ช่างมันเถิด ถึงเวลาที่จะบอกสำนักบำเพ็ญประจิมและจ้าวกงหมิงให้เข้าใจและมองเห็นอีกด้านของการหลอกลวงอย่างทะลุปรุโปร่งว่า กลอุบายนี้มีข้อบกพร่องที่ร้ายแรงอยู่ที่ใด?
เช่นนี้แล้ว เขาย่อมจะใช้โอกาสนั้นเพื่อทำให้ท่านอาจารย์ลุงจ้าวเลิกใช้แผนนั้นในภายหน้าอย่างสิ้นเชิง และเขายังสามารถตัดกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดออกไปได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็กระทืบเท้า และกัดฟัน เป็นเรื่องยากที่เขาจะเลือกสิ่งที่ขัดกับเจตจำนงในใจ…
“ผู้อาวุโสหวงหลง โปรดนำข้าไป และเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังอย่างละเอียดด้วยเถิด!”
“ได้สิ…”
ปรมาจารย์หวงหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้ว่า หากให้หลี่ฉางโซ่วไปกับเขา มันก็เทียบเท่ากับการลากหลี่ฉางโซ่วเข้าสู่กรรมนั้น “สหายเต๋า เพียงช่วยบอกข้าว่าต้องทำอย่างไรในเวลานี้”
“เรื่องนี้ซับซ้อนและยุ่งยากมาก” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “จากนี้ไป ข้าจะซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อของผู้อาวุโสโดยไม่ปรากฏตัวเลย ข้ายังอยากขอให้ผู้อาวุโสช่วยปกปิดให้ข้า และจะแอบสื่อสารกับผู้อาวุโสกงหมิงอยู่ลับๆ”
“ย่อมได้แน่นอน!”
หวงหลงเจินเหรินพยักหน้าตกลงทันที จากนั้น ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็สั่นไหวไปมาแล้วกลายเป็นนักพรตเต๋า กระดาษหนาก่อนจะเข้าไปในแขนเสื้อของหวงหลงเจินเหริน
หวงหลงเจินเหรินตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วกล่าวชื่นชมว่า “สหายเต๋า ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องการจำแลงกายที่ลึกลับเช่นนี้มาก่อนจริงๆ”
“ผู้อาวุโสโปรดอภัย ข้าทำให้ต้องขบขันแล้ว” หลี่ฉางโซ่วตอบด้วยรอยยิ้ม
หวงหลงเจินเหรินไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก เขาใช้พลังเซียนปกป้องตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก่อนจะรีบออกจากห้องโถงด้านหลังและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วกลายเป็นลำแสงสีเหลืองจางๆ พุ่งไปยังส่วนลึกของทะเลทักษิณ
ระหว่างทางพวกเขาผ่านเมฆและหมอก และในชั่วพริบตานั้น พวกเขาอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้แล้ว
ระหว่างทาง หวงหลงเจินเหรินก็รีบเล่าเรื่องที่เขาเผชิญมาเมื่อก่อนหน้านี้ให้เทพแห่งท้องทะเลฟังอย่างรวดเร็ว
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ครุ่นคิดและถอนหายใจในใจ…
สำนักบำเพ็ญประจิมอาจต้องการวางแผนทำร้ายหวงหลงเจินเหรินเพื่อสร้างความขัดแย้งให้เผ่ามังกรและป้องกันไม่ให้สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเข้ามาเกี่ยวข้อง
แน่นอนว่า สำนักบำเพ็ญคิดจะโจมตีเผ่ามังกรอย่างรุนแรงในวันอภิเษกของอ๋าวอี่…
แผนการที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรับรู้มานั้น บางทีอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการโดยรวมของสำนักบำเพ็ญประจิม เขาต้องคิดเรื่องนี้และวางแผนใหม่ก่อนเพื่อจะได้สบายใจ
ไม่ว่าพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของหวงหลงเจินเหรินจะแข็งแกร่งเพียงใด และไม่ว่าเขาจะกลายมาเป็นตัววัดความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพหรือไม่ก็ตาม ฐานพลังปราณของเขานั้น ก็ยังไม่อาจหยั่งรู้ได้อย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาก็รีบรุดไปที่ค่ายกลอำพรางในทะเลทักษิณแล้ว และหวงหลงเจินเหรินก็บุกทะลวงเข้าไปในค่ายกลอีกครั้งและรีบพุ่งเข้าไปในนั้น
หลี่ฉางโซ่วมองดูสถานการณ์ที่นี่และเกือบจะหัวเราะลั่นออกมา
ศิษย์ทั้งสามของจอมปราชญ์เทพล้วนย่อยยับลงไปในทะเล…
คนหนึ่งกระอักเลือด อีกคนหนึ่งก็เบิกตากว้างจ้องมอง ภาพเหตุการณ์นั้นช่างแปลกอย่างยิ่ง แต่ก็ดูเข้ากันอย่างลงตัวเกินกว่าจะพรรณนาได้
อาจารย์ลุงจ้าวผู้นี้ ยังสามารถได้เปรียบขณะกำลังต่อสู้กับศัตรูสองคนเพียงลำพัง แต่ในขณะนี้ เขากลับดูแย่กว่าพวกเขาสองคนนั้นมาก
ข้า นักพรตเต๋าฉางเกิง ยินดีที่จะเรียก ท่านว่า จอมหลอกลวงแห่งโลกบรรพกาล!
………………………………………………………………….