ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 267 จากผู้กำกับสู่ผู้ชม (1)
ตอนที่ 267 จากผู้กำกับสู่ผู้ชม (1)
แล้วเขาควรทำเรื่องนี้อย่างไรเล่า?
เขาจะทำอันใดได้อีก? เมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้เรียกเขามา เขาจึงไม่อาจแสร้งทำป่วยและไม่ไปได้ แม้หลี่ฉางโซ่วได้พิจารณาสถานการณ์นั้นก่อนหน้านี้แล้ว กล่าวคือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้สนใจในเรื่องของวังมังกรทะเลบูรพา แต่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะดูเป็นธรรมชาติ สงบและเรียบง่าย แล้วกล่าวกับเขาอย่างสบายๆ ว่า—“ข้าจะรอเจ้าอยู่”
แม้หลี่ฉางโซ่วอยากจะกล่าวว่า “รอน้องสาวเจ้าสิ” กับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ยังครองสติได้อยู่…
มันเป็นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักที่ “มั่นคง” ที่จะไปโต้เถียงกับผู้ทรงพลังอำนาจจริงๆ! แล้วความหงุดหงิดเล็กน้อยนี้ก็หายไปพร้อมกับการโบกมือของเขา
หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับไปทางทิศตะวันออกทันทีก่อนจะใช้วิชาแปลงกายแล้วออกจากห้องลับใต้ดิน
เขาวิ่งออกจากหอโอสถ แล้วใช้สัมผัสเซียนรับรู้และเวทวายุวัจน์เพื่อส่งข้อความเสียงไปยังหลิงเอ๋อร์ ท่านอาจารย์ของเขาและท่านปรมาจารย์ใหญ่ ตามลำดับ โดยกล่าวเรื่องที่ต่างกันให้แต่ละคนฟัง แล้วขี่เมฆตรงไปยังยอดเขาพิชิตสวรรค์ทันที
หากร่วมมือกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็ไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของเขาเอง และบางที เขาอาจได้รับไพ่ประสบการณ์เพิ่มเติมสองสามใบเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการใช้สมบัติเซียนเทียน และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เสพติดความปลอดภัยนั้นด้วยซ้ำ
ต่อไปเขาต้องมุ่งความสนใจไปที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แล้วปริมาณงานของเขาย่อมเพิ่มขึ้นมากมายอย่างแน่นอน..
ตามกฎเก่า หลี่ฉางโซ่วได้รับแผ่นหยกแล้วออกจากสำนักตู้เซียน
ขั้นแรก บินด้วยเมฆเป็นระยะทางหลายพันลี้ จากนั้นก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายแล้วรีบไปยังจุดที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อยู่อย่างรวดเร็ว
มันเป็นเนินเขาที่ไม่เด่น มีหญ้าเขียวชอุ่ม เติบโตอย่างแข็งแรง และไม่มีร่องรอยว่ามีสิ่งใดกลิ้งไปมาหรือทับมัน พวกเขาไม่เจอกันนานแล้วนับตั้งแต่ที่พบกันครั้งล่าสุด บัดนี้ แผ่นหลังของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังคงดูเฉกเช่นเดิม…
มันเป็นเรื่องธรรมดา
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยืนอยู่เงียบ ๆ ระหว่างแผ่นฟ้าและผืนดิน เขาดูกลมกลืนไปกับภูเขาและแม่น้ำของโลก ราวกับว่าเติบโตมาในสถานที่นั้นเหมือนต้นไม้และพืชพรรณที่เติบโตที่นี่เสมอ ซึ่งไม่มีความประหลาดใจใดๆ
ดินแดนแห่งนี้…
ใช่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจงใจยืนยันตัวตนของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
“เจ้ามาถึงแล้วหรือ?”
เสียงที่สง่างามของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งผสานไปกับเสียงหัวเราะล่องลอยไปในสายลม
หลี่ฉางโซ่วรีบพุ่งไปทางด้านหลังปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แล้วโค้งคำนับให้อย่างสุดซึ้งก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “ศิษย์ฉางโซ่ว ขอน้อมพบท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หันกลับมาแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “อืม ข้าไม่ได้รบกวนการฝึกฝนของเจ้าใช่หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแล้วรีบกล่าวว่า “มิได้ขอรับ ศิษย์กำลังคิดถึงเรื่องเล็กน้อยอยู่ขอรับ”
“ดี” จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็ยกมือขึ้นแล้วคว้าร่างหลี่ฉางโซวพร้อมกับกล่าวว่า “ไปกันเถิด ข้าจะพาเจ้าไปชมการแสดงดีๆ”
และก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันได้กล่าวอะไรไปมากกว่านี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูก็คว้าแขนของหลี่ฉางโซ่วแล้วดึงให้ก้าวออกไปข้างหน้า
ในชั่วพริบตานั้น หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ถึงลำแสงเปล่งประกายอยู่ต่อหน้าเขา และจู่ๆ ทิวทัศน์รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป จากนั้น เขาก็เดินตามปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ผ่านเมฆหมอก แล้วเคลื่อนไหวออกไปไกลในระยะหลายพันลี้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ แล้วร่างทั้งสองร่างก็ไปปรากฏขึ้นเหนือคลื่นใสหลายพันลี้ บัดนั้น พวกเขาเห็นขอบฟ้าไกลโพ้นและน้ำทะเลเบื้องล่าง มีคนจำนวนมากกำลังผ่านไปมา ซึ่งดูคึกคักมีชีวิตชีวามาก
ที่นี่อยู่เหนือวังมังกรทะเลบูรพาโดยตรงแล้ว
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ…
ถือได้ว่า เขาก็เป็นคนจัดวางกองทหารรอบวังมังกรเช่นกัน สถานที่นั้น ถือได้ว่าเป็นแหฟ้าตาข่ายดิน[1]ที่ไม่อาจรอดพ้น ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่เก่งกาจ มันย่อมไม่นับเป็นอันใดได้เลย
หลี่ฉางโซ่วอดจะแอบเตือนตัวเองไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะวางแผนมากน้อยเพียงใด แต่ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความแข็งแกร่งของเขาเองและการสนับสนุนของผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแย้ม ยิ้มและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า การฝึกฝนของเจ้าจะดีขึ้นมาก เวลานี้ เจ้าน่าจะอยู่ไม่ไกลจากเซียนจินแล้ว ฐานเต๋าของเจ้าสมบูรณ์แบบอย่างน่าประหลาดใจ เจ้าสัมผัสถึงทัณฑ์สวรรค์เซียนจินแล้ว ไม่เลว ไม่เลวเลย”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าย่อมไม่กล้าละเลยพลังเวทที่ท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่มอบให้ขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและหรี่ตาลงทันที เขาแตะร่างของหลี่ฉางโซ่วเบาๆ แล้วทั้งสองคนก็เลือนรางจางหายไปราวกับเมฆหมอกในขณะที่กลิ่นอายลมปราณของพวกเขาก็ได้รับการปกปิดเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ชี้แจงว่า “อ๋าวอี่แห่งเผ่ามังกรกำลังจะแต่งงาน มีบรรดาปรมาจารย์มากมายอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีบางคนซึ่งเป็นศิษย์ในนามแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยของท่านอาจารย์อา[2]อีกด้วย หากไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องปรากฏตัวและกระตุ้นกรรมโดยตรง เวลานี้ เราจะใช้วิธีบางอย่างเพื่อซ่อนที่อยู่ของเราชั่วคราว”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ความจริงแล้ว…”
“หือ? มีอันใดกัน?”
“ศิษย์…เอ่อ ร่างจำแลงของศิษย์ เทพแห่งท้องทะเลทักษิณได้มาถึงแล้วขอรับ”หลี่ฉางโซ่วอยากจะบอกว่าเขาเกือบจะจัดการเรื่องต่างๆ ให้หมดแล้ว ทว่ามันติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา แล้วทันใดนั้น เขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที
“เหล่าผู้ที่อวดดีย่อมจะถูกกำราบลงอย่างแน่นอน โดยไม่คำนึงถึงบุญ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น”
พระสูตรมั่นคงฉบับรวบรวมใหม่
ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้ละเลยเรื่องของการเข้าสู่ศาลสวรรค์ของเผ่ามังกร ตอนแรกข้าอยากจะว่ากล่าวสั่งสอนเจ้าสักหน่อย แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก”
“ศิษย์จะกล้าละเลยกับเรื่องที่ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สั่งให้ทำได้อย่างไรขอรับ” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าว “ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ศิษย์ได้เตรียมการให้เผ่ามังกรเอาไว้บ้างแล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับข้อความจากใครบางคนว่า สำนักบำเพ็ญประจิมจะโจมตีทะเลทักษิณก่อนแล้วจึงค่อยโจมตีทะเลบูรพา พวกเขาใช้ปีศาจใหญ่ใต้ทะเลลึกและกองทัพจากมหาตรีสหัสโลกธาตุแล้ว ทั้งสองนี้ ไม่ถือว่าเป็นไพ่ไม้ตายใบใหญ่นักขอรับ”
แน่นอนว่า เขาย่อมจะไม่ลืมว่า เขาสามารถพูดกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้อย่างอิสระ และไม่จำเป็นต้องปิดบังเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
“โอ้?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและหรี่ตาลงทันที ความสนใจของเขาค่อนข้างแตกต่างจากผู้อื่น เขาจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้ายังจัดให้มีสายลับในสำนักบำเพ็ญประจิมด้วยใช่หรือไม่? ทำได้อย่างไรกัน?”
หลี่ฉางโซ่วอดจะหัวเราะไม่ได้… ท่านยังไม่รู้เรื่องผู้บำเพ็ญเหวินจิงด้วยซ้ำ? หรือกล่าวได้ว่า ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพขอให้เขายอมรับคำขอของผู้บำเพ็ญเหวินจิง แต่ท่านไม่รู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่? หรือว่า ท่านได้หลับใหลอยู่ในวังดุสิตมานานหลายปีแล้ว?
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการโวยวายในใจของเขาที่ไม่อาจถามออกไปดังๆ ได้ และทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ซับซ้อนและประหลาดอยู่ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ขอได้โปรดให้ศิษย์เรียนชี้แจงแก่ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างละเอียดหลังงานอภิเษกเถิดขอรับ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยและสำนักบำเพ็ญประจิม รวมถึงผู้อาวุโส จ้าวกงหมิง เทพธิดาซานเซียว และศิษย์ของจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม และนี่ยังเป็นการจัดเตรียมของท่านปรมาจารย์เจ้าสำนัก[3]ของเราอีกด้วยขอรับ ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ไม่ต้องบอกข้าดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหา”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วตัวสั่นทันทีและกระตุกมุมปากสองสามครั้ง
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เป็นอิสระและเรียบง่าย ศิษย์เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากนักที่จะไปถึงระดับของท่านได้ ต่อให้ศิษย์จะฝึกบำเพ็ญมาหลายร้อยหลายพันปีแล้วก็ตามขอรับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โบกมือแล้วกล่าวต่อว่า “ยิ่งรู้มากเท่าใด ก็ยิ่งเข้าไปพัวพันกับกรรมมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อท่านอาจารย์เป็นผู้จัดเตรียม ท่านก็ย่อมจะมีเหตุผลของท่าน ไปกันเถิด แอบเข้าไปในวังมังกรกันก่อน ในเมื่อร่างจำแลงของเจ้าไปถึงที่นั่นแล้ว เช่นนั้น ในเวลานี้ เจ้ารู้จักสถานที่ซ่อนที่เหมาะสมในวังมังกรบ้างหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวังผลึกแก้ว มีตำหนักที่อบอุ่นอยู่ข้างวัง และในขณะนี้ จะไม่มีผู้ใดไปที่นั่นขอรับ
ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านอยากให้ร่างจำแลงของศิษย์มารับพวกเราเข้าไปหรือไม่ขอรับ? ”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตา” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหัวเราะเบาๆ แล้วดึงแขนของหลี่ฉางโซ่วลงไปทันที ในขณะนั้น แผนภาพหยินหยางไท่จี๋ก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของพวกเขา และแสงรอบตัวก็หายไปราวกับว่าเขาได้กระโดดออกจากสถานที่แห่งนี้แล้วเดินสองก้าวออกไปนอกโลก
ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วเปล่งประกายในทันทีที่เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ อีกครั้ง บัดนี้ เขาอยู่ในตำหนักที่อบอุ่นที่เขากล่าวถึงแล้ว นี่คือพลังของสมบัติเซียนเทียน แผนภาพไท่จี๋ใช่หรือไม่
…………………………………………………………………
[1] เปรียบถึง การวางกรอบดักศัตรู หรือการปิดล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีเอาไว้อย่างหนาแน่น
[2] คือองค์เง็กเซียน
[3] หมายถึงสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ซึ่งเจ้าสำนักที่กล่าวถึงก็คือ บรรพชนไท่ชิง