ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 285 ผู้ใดยังไม่เคยดุองค์เง็กเซียน (1)
ตอนที่ 285 ผู้ใดยังไม่เคยดุองค์เง็กเซียน? (1)
โอ สวรรค์…
เมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพิ่งจากไป องค์เง็กเซียนก็โผล่มาอีกคนแล้ว
ราชามังกรเฒ่ารับรู้ถึงฝ่าบาทได้อย่างชัดเจนและต้องการมาผูกมิตรด้วย
ดูจากรายละเอียดของราชามังกรเฒ่าที่ถือจอกหยก ไหทองคำมาด้วยตัวเอง จะเห็นได้ว่ามังกรไม่มีประสงค์ร้าย
ราชันมังกรเฒ่าคงไม่คาดคิดมาก่อนว่า องค์เง็กเซียนจะเปลี่ยนร่างจำแลงกายมาเป็นข้าราชบริพาร และคงอยู่ได้นานนับหมื่นปี!
เมื่อองค์เง็กเซียนกำลังขอความช่วยเหลือ แล้วเขาจะทำอะไรได้อีกเล่า?
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในอนาคตเขาจะต้องติดตามองค์เง็กเซียนจึงจะสร้างและได้รับบุญ
นอกจากนี้ กว่าจะได้ร่างทองแห่งบุญ ก็จะต้องใช้เวลานานและค่อยเป็นค่อยไป ยิ่งเขารู้จักใกล้ชิดองค์เง็กเซียนมากเท่าใด ก็จะยิ่งสามารถสร้างบุญและได้รับบุญมากขึ้นเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วย่อมไม่อาจเมินเฉยแล้วปล่อยคำร้องขอความช่วยเหลือขององค์เง็กเซียนทิ้งไปได้ จากนั้น เขาก็ดึงเทพเฒ่าจันทราเข้ามาพลางยิ้มและกล่าวว่า “ราชามังกรมาที่นี่แล้ว ท่านเทพจันทราอย่าได้ตื่นตกใจไป ไว้ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”
เทพเฒ่าจันทราอดจะงุนงงไม่ได้…
เขาดูตื่นตกใจหรือ?
บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วและเทพเฒ่าจันทราก็ยืนขึ้นแล้วก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวในขณะที่แม่ทัพสวรรค์ก็ลุกขึ้นและถือจอกสุราอย่างชำนาญอยู่ที่โต๊ะศาลสวรรค์
ราชามังกรเฒ่านั้นตัวสูงและแข็งแกร่ง เขาสูงกว่าร่างจำแลงกายของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วถึงครึ่งศีรษะ
ในขณะนั้น ราชันมังกรเฒ่าก็เดินมาถึงพร้อมด้วยจอกสุรา เมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่วและเทพเฒ่าจันทราก้าวออกมาต้อนรับเขา ราชามังกรก็ขมวดคิ้วและเข้าใจในทันทีว่าองค์เง็กเซียนไม่อยากเปิดเผยตัวตน
ทว่าราชามังกรเฒ่าก็ยังคงก้าวออกไปข้างหน้าไม่หยุดจนหนวดมังกรพลิ้วสะบัดอยู่ในอากาศในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มออกมา
ชั่วเวลานั้น ผู้คนจำนวนมากในห้องโถงใหญ่ของวังมังกร ต่างก็จ้องมองมาที่นี่
ทุกคนล้วนรู้ว่าราชามังกรทะเลบูรพาเป็นคนลึกลับอย่างยิ่ง และในขณะนั้น พวกเขาต่างก็พากันสงสัยว่าราชามังกรคิดจะทำอะไร
หลี่ฉางโซ่วและราชามังกรเฒ่ามองหน้ากัน แต่ไม่ได้ส่งข้อความเสียงสื่อสารใดๆ กัน พวกเขารู้กันดีอยู่แล้วว่า ราชามังกรรู้ว่าองค์เง็กเซียนไม่อยากเปิดเผยตัวเอง
ในยามนี้ เขาเข้าใจว่า ราชามังกรเฒ่ารู้ว่าองค์เง็กเซียนไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวตนแล้ว ทว่าเขาก็ยังอยากให้องค์เง็กเซียนรู้ว่า วังมังกรให้ความนับถือองค์เง็กเซียนและศาลสวรรค์…
หลังจากครุ่นคิดวนเวียนไปมาแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็รู้คร่าวๆ แล้วว่า เขาควรทำอย่างไร
“ฝ่าบาทราชามังกร” หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วโค้งคำนับให้ “ยินดีกับฝ่าบาทด้วย”
“อืม ฮ่าฮ่าฮ่า”
ราชามังกรทะเลบูรพาหัวเราะออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกมึนงง และเขายังดูแฝงด้วยความใจดี จากนั้น เขาก็ยื่นไหทองคำไปให้หลี่ฉางโซ่วอย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้อาวุโสของเผ่ามังกรสองสามคนที่อยู่เบื้องหลังราชามังกรต่างก็พยักหน้าพลางแย้มยิ้มแล้วมองไปที่ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนอย่างสงบ และไม่เอ่ยวาจาใด
ราชามังกรทะเลบูรพากล่าวอย่างอบอุ่นว่า “วันนี้ เผ่ามังกรรู้สึกซาบซึ้งใจนักที่ศาลสวรรค์มาช่วยเหลือ พวกท่านทั้งคู่ล้วนเป็นคนขององค์เง็กเซียน ข้าไม่รู้ว่า องค์เง็กเซียนทรงโปรดสิ่งใดหรือ? พรุ่งนี้ข้าจะได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่แล้วส่งไปให้ศาลสวรรค์เพื่อเป็นของขวัญขอบคุณ ”
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ขยับออกไปครึ่งก้าวอย่างเงียบๆ เพียงเพื่อกำบังให้แม่ทัพสวรรค์ที่เป็นร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน แล้วยิ้มพลางกล่าว
เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาทราชามังกร เกรงว่า ฝ่าบาทองค์เง็กเซียน คงไม่อาจรับของขวัญที่เอื้อเฟื้อนี้ได้ แม้ศาลสวรรค์จะเพิ่งก่อตั้งขึ้น และกำลังรอจัดการทุกอย่าง แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่พิทักษ์เต๋าสวรรค์ วางระเบียบ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย บรรดาปีศาจและอสูรได้สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่วทั้งสี่คาบมหาสมุทร และทำให้สิ่งมีชีวิตต้องทนทุกข์ด้วยภัยพิบัติ ดังนั้น องค์เง็กเซียนจึงส่งทหารสวรรค์ไปกำจัดปีศาจเพื่อพิทักษ์เต๋าและคงความใสสะอาดให้ทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี”
ราชามังกรพยักหน้าช้าๆ และไม่เอ่ยต่ออีก นอกจากเพียงกล่าวว่า “เช่นนั้น ให้ข้าใช้สุรานี้เพื่อเป็นการขอบคุณศาลสวรรค์ที่ช่วยเหลือพวกเรา”
กล่าวจบ ราชามังกรก็ยกไหสุราขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างในขณะที่หลี่ฉางโซ่วหันร่างของเขาไปด้านข้างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กล้ารับการขอบคุณนี้ ทว่าแท้จริงแล้ว เขาเพียงเบี่ยงร่างเพื่อเปิดให้การดื่มของราชามังกรในครั้งนี้พุ่งตรงไปที่ร่างขององค์เง็กเซียน
จากนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนและเหล่าแม่ทัพสวรรค์ก็ตอบรับด้วยสุราพร้อมกัน
เทพเฒ่าจันทรายิ้มและกล่าวว่า “พวกเราขอดื่มถวายพระพรแด่ราชามังกร”
หลังจากดื่มสุราคนละจอกแล้ว ทุกคนต่างก็เบิกบานใจ ในขณะนั้น มังกรสาวที่อยู่ข้างๆ ก็ก้าวออกไปข้างหน้าและรินสุราให้กับราชามังกรทะเลบูรพา
ราชามังกรทะเลบูรพาแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้”
กล่าวจบ เขาก็หันไปที่โต๊ะจัดเลี้ยงนับสิบที่มีบรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยนั่งอยู่
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอกและกลับไปนั่งกับเทพเฒ่าจันทรา ในขณะนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็พูดคุยสรวลเสเฮฮากับบรรดาแม่ทัพสวรรค์คนอื่นๆ แล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุด องค์เง็กเซียนก็ส่งข้อความเสียงมาถึง…
“เทพแห่งท้องทะเล ขุนนางของข้า ไยร่างจำแลงของเจ้าไม่กลับไปที่ศาลสวรรค์พร้อมกับเทพเฒ่าจันทราด้วยเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วแสร้งทำเป็นดื่มกับเทพเฒ่าจันทราในขณะที่แอบใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อส่งข้อความเสียงตอบกลับไปอย่างลับๆ
“ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็ประสงค์จะขึ้นสู่ศาลสวรรค์เพื่อรับใช้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทโดยเร็วที่สุด ทว่าบัดนี้ ยังไม่ได้ประกาศพระราชโองการ และกระหม่อมก็ยังไม่มีตำแหน่งเทพแห่งศาลสวรรค์ เกรงว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คงจะไม่ยินดีนักขอรับ”
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนถอนหายใจแล้วส่งข้อความเสียง
“เฮ้อ ข้าอยากคุยกับเจ้าให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีปัญหามากมายในใจข้าที่ไม่มีผู้ใดรู้ได้”
“ฝ่าบาท เพียงทรงรอให้ฟ้าเปิดแล้วเห็นจันทราเถิด[1]”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เทพแห่งท้องทะเล ให้ข้าดื่มอวยพรให้เจ้า!”
ทันทีที่กล่าว เขาก็ชูจอกสุราไปทางหลี่ฉางโซ่ว
“ขอบพระทัย ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลี่ฉางโซ่วรีบหยิบจอกสุราขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเผชิญหน้ากับองค์เง็กเซียนในระยะไกล เขารู้ว่าที่ร่างจำแลงของเขาได้กินอาหารเลิศรสของเผ่ามังกรและดื่มกับองค์เง็กเซียนเช่นนี้ได้ เป็นเพียงเพราะความบังเอิญเท่านั้น
คิดว่าคงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกในอนาคต
จากนั้น ร่างจำแลงทั้งสองก็ดื่มสุราในจอกของพวกเขา
จากนั้นร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล เจ้ามีคู่บำเพ็ญเต๋าหรือไม่? วันนี้เจ้ากำลังพึ่งพาเซียนผู้รับผิดชอบเรื่องการครองคู่ หากเจ้ามีความคิดใด ๆ อยู่ในใจ ความฝันของเจ้าจะเป็นจริง”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก
น่าตื่นตะลึงยิ่งนัก! องค์เง็กเซียนแห่งศาลสวรรค์บอกให้ผู้ใต้บัญชาของเขาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยอาสาว่าจะใช้อำนาจในทางที่ผิดให้!
บัดนี้ ความสมบูรณ์ทางศีลธรรมขององค์เง็กเซียนถูกทำลายลง หรือจรรยาบรรณของศาลสวรรค์สูญสิ้นไปจนหมดแล้วหรือไม่?
“อืม กระหม่อมมุ่งมั่นแต่กับเต๋าสวรรค์แล้ว” หลี่ฉางโซ่วตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขัดเขิน
เทพเฒ่าจันทราที่ยืนอยู่ด้านข้าง พลันขมวดคิ้วเล็กน้อยและจ้องมองไปที่แม่ทัพสวรรค์ผู้กล่าวเช่นนี้ ซึ่งเป็นร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน…
จากนั้นเทพเฒ่าจันทราก็กล่าวเสียงเบาว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงกันได้ง่ายๆ หากข้าไม่ระวังและเปลี่ยนไม่เลือกหน้า ข้าจะสูญเสียบุญไปได้!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
สหายเฒ่า ท่านกำลังหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวแล้ว เทพเฒ่าจันทราอาจจะมึนเมาเล็กน้อย หรือบางทีเขาอาจจะกังวลเกินไป เขากระซิบกับร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนว่า “ด้ายแดงเป็นสมบัติแห่งเต๋าสวรรค์ ข้าจะเชื่อมพวกเขาได้ตามอำเภอใจให้วุ่นวายได้อย่างไรเล่า? ที่นี่คือวังมังกร เจ้ายังไม่รู้ว่า อะไรควรพูด ไม่ควรพูด? เจ้ามีสิ่งใดซ่อนเร้นในใจหรือไม่? แล้วเจ้ามาจากฝ่ายใดกัน?”
“เทพเฒ่าจันทรา เทพเฒ่าจันทรา อย่าใส่ใจในเรื่องนั้นเลย” หลี่ฉางโซ่วรีบยกจอกสุราขึ้นเพื่อหยุดเขา “มีคนจำนวนมากกำลังเฝ้ามองอยู่ ท่านก็พูดให้น้อยลงสักหน่อยเถิด ช่างมัน ช่างมัน”
“เขาพูดเหลวไหลในเรื่องนี้ไม่ได้! เขาพูดเช่นนี้ออกมาได้หรือ? ข้าได้รับแรงกดดันมากมาย แต่ข้าก็มีหน้าที่ดูแลเฉพาะตำหนักแห่งการครองคู่เท่านั้น เขา!”
เทพเฒ่าจันทราอยากกล่าวต่อ แต่หลี่ฉางโซ่วก็รีบหยุดเขาด้วยจอกสุรา
“ใช่ ๆ เทพเฒ่าจันทรากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ท่านโปรดใจเย็นๆ ใจเย็นๆ เถิด”
หลี่ฉางโซ่วตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่เขารู้สึกอับจนหนทางในใจ และไม่อาจชี้แจงเรื่องนี้ให้เทพเฒ่าจันทราฟังได้
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนที่ด้านข้างก็พยักหน้าหงึกหงักครั้งแล้วครั้งเล่า
บางทีอาจเป็นเพราะหลี่ฉางโซ่วรู้ตัวตนของเขา ในขณะนี้ องค์เง็กเซียนจึงกระดากเล็กน้อย
นี่น่าจะเป็นจุดสูงสุดแห่งชีวิตเซียนของเทพเฒ่าจันทราแล้ว
ทว่าหลังจากมาถึงจุดสูงสุดแล้ว มันจะดำดิ่งสู่ก้นเหว ตามด้วยทะเลดาบ ทะเลเพลิง และขุมนรกไร้ที่สิ้นสุด จากนั้น ย่อมจะ…ไม่มีอะไรแน่นอนแล้ว
………………………………………………………………
[1] เปรียบดั่งฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ ซึ่งมักจะใช้พูดปลอบใจ ให้กำลังใจเมื่อคนเรามีปัญหา ครั้นเมื่อปัญหาผ่านไป ก็มักจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ดุจฟ้าหลังฝนที่ท้องฟ้าย่อมสดใส และยังอาจจะมีสายรุ้งงดงามให้ได้เห็น