ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 287 โอสถทรงพลัง (1)
ตอนที่ 287 โอสถทรงพลัง (1)
หึ่ง
ท่ามกลางเสียงบินหึ่งๆ ของยุง หลี่ฉางโซ่วได้ยินถึงความตั้งใจที่จะตรวจสอบบางอย่างและความขลาดกลัว … ดูเหมือนว่า ยุงเลือดตัวน้อยนี้จะลำบากใจมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรนอกจากบินวนรอบๆ หลี่ฉางโซ่วสองครั้งแล้วร่อนลงมาเกาะที่ริมหูอย่างระมัดระวัง
แน่นอนว่า ย่อมเป็นผู้บำเพ็ญเหวินจิงกลับมาอีกครั้งเพื่อรายงาน
นอกจากนี้ยังเป็นยุงเลือดตัวเดียวกับที่จ้าวกงหมิงค้นพบและซัดพลังระเบิดใส่มาก่อนหน้านี้…
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วย่อมรู้ดี
เพื่อที่จะส่งข่าวให้เขาทันเวลา ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจึงใช้ยุงเลือดให้กัดฝูงปลาทะเลในน่านน้ำทะเลทางตอนใต้ของเมืองอันสุ่ย และใช้วิญญาณที่อ่อนแอของปลาทะเลเป็นอาหารหล่อเลี้ยง
เมื่อมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงาน ยุงเลือดจะกินวิญญาณของปลาทะเลและรีบออกจากทะเลทักษิณทันที
พลังเวทของผู้บำเพ็ญเหวินจิง…
แม้จะทำร้ายความสงบสุขของสวรรค์ แต่ก็ต้องบอกว่า มันสะดวกกว่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของข้าจริงๆ
เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การรักษาประสิทธิภาพของต้นไม้
“นายท่าน ” เสียงของผู้บำเพ็ญเหวินจิงดังไปถึงในใจของหลี่ฉางโซ่วอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย
“อา ผู้บำเพ็ญเหวินจิง สหายเต๋าสองคนที่กำลังดื่มชาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ บังเอิญว่า หนึ่งในนั้นทำร้ายเจ้าโดยไม่ตั้งใจ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอนโยนว่า “ต้องขออภัยจริงๆ ที่ข้าก็ไม่อาจชี้แจงตัวตนของเจ้าให้พวกเขาฟังได้เช่นกัน”
ยุงตัวน้อยกระพือปีกของนาง
ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงซึ่งอยู่ในถ้ำในดินแดนเทวะประจิม อดจะกลอกตาไม่ได้ นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน?
เขาทำให้ข้าตกใจกลัวก่อน แล้วค่อยปลอบหรือ?
วิธีเชยๆ แล้ว
เขาคิดว่าจะล่อหลอกข้า ผู้บำเพ็ญเหวินจิง ราชินีผู้สง่างามแห่งเผ่ายุงโลหิตปีกดำ ได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?
แน่นอนว่า!
ข้าจะ…
จากนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ใช้ประโยชน์จากยุงเลือดเพื่อดูภาพภูเขาแม่น้ำที่แขวนอยู่ตรงกลางห้องโถงด้านหลัง แล้วนึกถึงนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ และกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งที่ชั่วร้ายที่เคยจับนางมาก่อนหน้านี้
ผู้ที่ค้นพบยุงเลือดของนางและสังหารมันทันทีเมื่อครู่ก่อนนี้คือ ชายชราที่จู่ๆ ก็ล้มตัวลงนอนอยู่ตรงหน้านางในวันนั้น… เจ้าเฒ่าผู้นั้น!
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงย่อมไม่พลาดอย่างแน่นอน! ต่อให้เขากลายเป็นเถ้าถ่าน นางก็ยังจำคนผู้นั้นได้!
ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงมั่นใจอย่างยิ่งว่า คนผู้นั้นคือ จ้าวกงหมิง ศิษย์ชั้นนอกคนโตแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซึ่งได้รับฉายาว่า ผู้ทรงคุณธรรมสูงเทียมฟ้า!
แล้วการกระทำเช่นนี้ ยังคงเรียกว่าเป็นผู้ทรงคุณธรรม…
ฮึ่ย! ศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋าช่างดุร้ายยิ่ง และยังมีจิตชั่วร้ายจริงๆ!
อา โลกบรรพกาล
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะสบถก่นด่าในใจ ทว่าก็ไม่กล้าเผยอารมณ์ของนางออกมา และยังคงแสร้งทำเป็นเสียใจต่อไปเพื่อลดระดับการป้องกันตัวของเทพแห่งท้องทะเลที่ทีต่อนาง
หลี่ฉางโซ่วถือถ้วยชาและกล่าวอย่างกันเองว่า “คราวนี้มีเรื่องอะไรสำคัญมากหรือไม่?”
“นายท่าน ท่านทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ศิษย์ของจอมปราชญ์ทั้งหกคนล้วนถูกจ้าวกงหมิงเพียงคนเดียวหยุดเอาไว้ได้ ทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมต้องล้มเหลวและเสียทหารปีศาจไปมากมายอย่างสูญเปล่า…”
“บอกสิ่งที่ข้าไม่รู้มา”
“เจ้าค่ะ” ยุงน้อยขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบสองสามคำ
หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ ขมวดคิ้วหนักขึ้น แล้วโบกมืออย่างรวดเร็วให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงล่าถอยออกไปเอง
ขณะที่ยุงโลหิตกำลังจะทำลายตัวเอง ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “คราวนี้ เจ้าส่งข่าวได้ดี เจ้ามีส่วนในการปิดล้อมวังมังกรอย่างมาก เมื่อไม่กี่วันก่อน ขณะที่เจ้าอยู่นอกวังมังกร ข้าก็อยู่ข้างๆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็รู้แล้วเช่นกันว่า บัดนี้ เจ้ากำลังทำงานให้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และย่อมไม่สังหารเจ้าทันทีเมื่อเขาเห็นเจ้าในอนาคต”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงตะลึงงันทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
และก่อนที่นางจะทันได้ถามอะไรอีก ยุงเลือดก็ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นสายละอองโลหิตที่กระจาย แล้วสลายไปอย่างรวดเร็ว…
ในเคหาสน์ถ้ำนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงนั่งตัวตรง และหายใจถี่ระรัวอย่างมิอาจอธิบายได้
ดวงตาดุจตาหงส์ของนางค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางเผยกลิ่นอายของความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ[1]ออกมาทันที นางอดจะหยักยิ้มมุมปากขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้และส่งเสียงพึมพำเบาๆ ออกมา
“เขา… เห็นราชินีเช่นข้าหรือไม่เล่า?”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเหวินจิงคายกลิ่นหอมติดปากออกมา[2] ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ในไม่ช้า นางก็มีท่าทางสบายใจขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนช้าๆ แล้วเล่นกับหุ่นยุงเลือดที่นางกระจายออกไปอยู่ในทั้งสี่คาบสมุทร
นางต้องทำในสิ่งที่สำนักบำเพ็ญประจิมสั่งการ และยังต้องให้ข้อมูลแก่คำแนะนำแก่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอีกด้วย
ไม่รู้ว่าที่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินต้องการสิ่งใด จึงให้ข้าแฝงตัวอยู่ในสำนักบำเพ็ญประจิมต่อไป
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้ดียิ่ง
สำหรับจอมปราชญ์เทพแล้ว นางเป็นเพียงมดที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆ เล็กน้อย สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะไม่ยอมให้นางวางแผนร้ายต่อต่อต้านจอมปราชญ์เทพแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคน…
อย่างมากที่สุด ก็จะให้นางทำงานสกปรกเช่นการลอบสังหารในบางคราว
และในท้ายที่สุดแล้ว สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและสำนักบำเพ็ญประจิมก็ไม่ต่างกันนัก ที่เรียกว่าสำนักบำเพ็ญใหญ่นั้น ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเลียริมฝีปากสีแดงของนางในขณะที่ดวงตาก็ยิ่งดูน่าหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ศิษย์ของจอมปราชญ์ทั้งสองฝ่ายนั้น แตกต่างกันมากจริงๆ ทางด้านสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินนี้ ทั้งปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และปรมาจารย์เต๋าน้อย …ทำให้นางรู้สึกถึงความเก่งกาจ …
ในวิหารเทพทะเลแห่งเมืองอันสุ่ย เมื่อยุงเลือดหายไป หลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปมาช้าๆ เขาพิจารณาข่าวที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงนำมาให้อย่างรอบคอบ
สำนักบำเพ็ญประจิมเพิ่งเริ่มการประชุมเพื่อทบทวนความพ่ายแพ้หลังสิ้นศึกครั้งนี้ ตามที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงบอกมา บรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์บางคนเดือดดาลและบอกว่าต้องการวางแผนทำร้ายจ้าวกงหมิง ทว่าศิษย์ของจอมปราชญ์คนอื่นๆ ไม่เอาด้วย
ความจริงแล้ว บรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์เหล่านี้นั่นเองที่เป็นผู้จัดการแผนการปราบมังกรให้เชื่องของสำนักบำเพ็ญประจิม ปรมาจารย์จอมปราชญ์ไม่ได้แทรกแซงใดๆ
เขาเป็นห่วงเช่นกันที่สำนักบำเพ็ญประจิมเกลียดชังอาจารย์ลุงจ้าวยิ่งนัก…
แต่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเพียงได้ยินพวกเขาพูดถึงเท่านั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะวางแผนร้ายเมื่อใดและอย่างไร
อาจารย์ลุงจ้าวเพิ่งจากไปโดยบอกว่าจะกลับไปฝึกบำเพ็ญที่ภูเขาเอ๋อเหมย และยังบอกด้วยว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็ให้น้องชายเทพแห่งท้องทะเลไปตามหาเขาที่ถ้ำหลัวฝูในภูเขาเอ๋อเหม่ยได้
ข้าจะเตือนอาจารย์ลุงจ้าวให้ระวังตัวได้อย่างไร?
หรือควรให้อาจารย์ลุงจ้าวไปซ่อนตัวที่เกาะซานเซียนเพื่อหลีกหนีภัยลาม[3]ก่อน? หลี่ฉางโซ่วคิดอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกว่า เมื่อดูจากวิธีการและตัวตนของจ้าวกงหมิงแล้ว สำนักบำเพ็ญประจิมย่อมไม่อาจทำร้ายเขาได้
ในบรรดาศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม ไม่มีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมากนัก ในขณะนี้ ชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่ของโลกอยู่ในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและสำนักบำเพ็ญเต๋า
ความจริงแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องห่วงอาจารย์ลุงจ้าว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของข้ารับปากเองแล้วว่า เมื่อถึงเวลา เขาจะจัดการเอง ดังนั้น ก็ไม่น่าต้องจะกังวลอะไรเมื่อจ้าวกงหมิงเผชิญหน้ากับสำนักบำเพ็ญประจิม
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เว้นเสียแต่ว่า มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะทำให้ล่มสลาย คนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเข่นฆ่ากันเอง ไม่เช่นนั้น หากปรมาจารย์นอกสำนักบำเพ็ญเต๋าคิดลงมือจัดการกับจ้าวกงหมิง ก็ย่อมพบกับความยากลำบากไม่น้อยไปกว่าการตบเจ้าสำนัก ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียนเจี้ยวจู่โดยตรง
แล้วหากข้าอยากวางแผนทำร้ายอาจารย์ลุงจ้าว ข้าจะใช้วิธีการใดได้?
หลี่ฉางโซ่วเริ่มคิดในมุมมองที่ต่างออกไปและคิดออกมาได้สองแนวทางอย่างรวดเร็ว ทว่าทั้งสองแนวทางนั้น ก็เป็นเฉกเช่นการเดินไต่เชือกบนหน้าผา[4] และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ความตายของเขาเอง
เมื่อเป็นเช่นนั้น…
“ข้าก็ได้แต่ขอพร หวังให้ท่านอาจารย์ลุงจ้าวพบพานแต่สิ่งที่ดี มีชีวิตยืนยาวที่มั่นคงปลอดภัยและสงบสุขไปอีกหลายร้อยหลายพันปีต่อไปในภายหน้า”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบา ๆ
เขาเริ่มวิเคราะห์ในใจ สิ่งที่สองที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงส่งให้เขาคือ การเตรียมการที่ตามมาของพวกเขา
สำนักบำเพ็ญประจิมไม่ยอมละทิ้งอุดมการณ์ใหญ่ในการควบคุมมังกร…
และนั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
…………………………………………………………………….
[1] สดชื่น สดใส ดูมีความสุข
[2] เดิมมาจาก ปากดอกบัวกลิ่นหอม เป็นศัพท์ทางพระพุทธศาสนา พูดเชิงอุปมา ซึ่งกล่าวถึงความสง่างาม แต่ปัจจุบันนี้นิยมใช้เป็นปากคายกลิ่นหอม ปากคายดอกบัวหรือกลิ่นหอมติดปากกันมาก ซึ่งมีความหมายทำนองพูดไม่ดี คำพูดจาไม่ดี ไม่สบายใจ ไม่พอใจ บ่นว่า กระทบกระเทียบ
[3] หาที่คุ้มภัย หลบเลี่ยงปัญหา
[4] ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรงถึงชีวิต