ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 292 เหอะๆ (2)
ตอนที่ 292 เหอะๆ (2)
เขาเข้าปิดด่าน…
หรือว่า เขาเข้าปิดด่านเพื่อศึกษาภาพสมบัติ? ทว่านั่นเป็นสิ่งที่แม้แต่มนุษย์ธรรมดาก็เข้าใจได้มิใช่หรือเล่า?
ความเป็นไปได้นี้ผุดขึ้นในหัวใจของหลี่ฉางโซ่ว เขาอดจะเอามือก่ายหน้าผากไม่ได้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“สหายเต๋าเทพแห่งทะเล พวกเราควรจากไปเช่นกันหรือไม่?”
เทพเฒ่าจันทราถามผ่านการส่งข้อความเสียง
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้น แล้วมองไปรอบ ๆ งานเลี้ยงที่ว่างเปล่าไปเกือบครึ่งหนึ่ง
“อืม ได้เวลากลับแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วส่งคำชี้แนะไปให้เทพเฒ่าจันทราสองสามคำว่า เขาควรพูดอย่างไรกับคนในวังมังกรที่ออกมาส่งพวกเขาจากไปในภายหลัง
ทุกคำและทุกประโยคที่เทพเฒ่าจันทราล่าวที่นี่ ล้วนบ่งบอกถึงทัศนคติของสวรรค์ ดังนั้น จึงต้องใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น หลี่ฉางโซ่วและเทพเฒ่าจันทราได้กล่าวกับราชามังกรด้วยความเคารพ นั่นก็เป็นรายละเอียดที่หลี่ฉางโซ่วได้ชี้แนะเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ในยามนั้น คณะศาลสวรรค์และหลี่ฉางโซ่ว เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ก็ยืนขึ้นพร้อมกัน
ทันใดนั้น สาวทะเลซึ่งอยู่ที่ด้านข้าง ก็ส่งข้อความเสียงของนางไปทางด้านหลัง จากนั้น ผู้อาวุโสหัวมังกรสองคนและเต่าเซียนผมขาวก็วิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้มทันที
เทพเฒ่าจันทรายิ้มและกล่าวว่า “เพียงชั่วพริบตา ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ข้าออกมาจากตำแหน่งแห่งการครองคู่เพื่อมางานอภิเษกครั้งนี้ เกรงว่างานที่ข้าต้องทำจะกองทับถมกันราวกับภูเขา ยามนี้ คงต้องขออำลากลับแล้ว ขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับองค์ชายอ๋าวอี่ที่ได้อภิเษกกับชายาที่ดีที่สุดด้วย”
“ขอบคุณเทพเฒ่าจันทรา ขอบคุณเทพเฒ่าจันทรา” เสนาบดีเต่าของราชามังกรทะเลบูรพาแย้มยิ้มพร้อมกับประสานมือคารวะพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท ราชามังกรยังต้องทรงต้อนรับแขกที่ยังอยู่ ข้าเซียนผู้น้อย ขอส่งพวกท่านทุกคนออกจากวังผลึกแก้วเองขอรับ”
“ไม่เป็นไร” เทพจันทราพยักหน้าพลางยิ้ม จากนั้น แม่ทัพสวรรค์หลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็ประสานมือแล้วโค้งคารวะให้ในขณะที่ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสองและเต่าเซียนก็โค้งคารวะกลับให้เช่นกัน
จากนั้น ทั้งคณะก็ออกจากห้องโถงใหญ่แล้วเดินผ่านทางเดินไข่มุก ผ่านลานด้านหน้าที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าต่างๆ และตรงไปที่ประตูวังผลึกแก้ว
ในขณะนั้น เทพเฒ่าจันทราก็เห็นภาพที่คุ้นเคยจากระยะไกล
คราวนี้ เทพเฒ่าจันทราไม่เงยหน้าขึ้นมอง เขาขมวดคิ้วและเพ่งสมาธิจดจ่อในขณะที่ดวงตาของเขาฉายแววสงสารที่แทบจะทนไม่ไหวออกมา
หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงในทันทีว่า “เทพเฒ่าจันทรา อย่าได้เปิดเผยเรื่องนี้ ข้าจะจัดการกับเปี้ยนจวงผู้นี้ในภายหลังเอง”
เทพเฒ่าจันทรากะพริบตาอย่างสงบ หลี่ฉางโซ่วก็พยักหน้าพลางแย้มยิ้มโดยไม่เอ่ยวาจาอีก
และในที่สุด เทพเฒ่าจันทรา ก็ยับยั้งตัวเองไม่ให้มองดูเปี้ยนจวงได้
เทพเฒ่าจันทราออกจากวังผลึกแก้ว และแลกเปลี่ยนการสนทนาสองสามคำกับคนสามคนจากวังมังกรที่มาส่งพวกเขาจากไป แล้วทหารสวรรค์หลายสิบคนที่ตามมากับเขา ก็รีบมาพบก่อนจะใช้เวทหลบหนีไปในทะเล
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ด้านหลังของเทพเฒ่าจันทรา และองค์เง็กเซียนที่จากไปแล้วถอนหายใจในใจเล็กน้อย
สหายเฒ่า ช้าก่อน
ข้าหวังว่าผลงานที่โดดเด่นของท่านในครั้งนี้ จะช่วยให้องค์เง็กเซียนไม่ถือโทษจากความผิดพลาดที่ท่านสั่งสอนองค์เง็กเซียนเมื่อก่อนหน้านี้ได้ ในใจขององค์เง็กเซียนล้วนมีทั้งดีและร้าย
ทว่าหากฝ่าบาท องค์เง็กเซียนจะใส่รองเท้าคู่เล็ก[1]ให้ท่าน ก็โปรดอย่าได้โทษข้าที่ไม่หยุดท่านในเวลานั้น…
ข้าไม่ได้หยุดท่านจริงๆ
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หันกลับมาแล้วยิ้มให้กับเซียนเต่าพลางกล่าวว่า “ท่านเสนาบดีคนที่สาม เมื่อเรื่องในทะเลบูรพาสิ้นสุดลงแล้ว บัดนี้ ก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับแล้ว”
“ไยท่านเทพแห่งท้องทะเลไม่อยู่ในวังมังกรอีกสักสองสามวันเล่า?”
เสนาบดีเต่ารีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ราชามังกรยังคงอยากสนทนากับท่านสักราตรี และยังสั่งให้ข้าขอให้ท่านอยู่ในวังมังกรต่ออีกสองวัน”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าอยู่ในวิหารเทพทะเล หากประสงค์สิ่งใด ท่านก็เพียงมาหาข้าที่วิหารเทพทะเลได้”
“เช่นนั้นรออีกสักครึ่งวันได้หรือไม่” เสนาบดีเต่าดึงแขนของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้ “ฝ่าบาทจะทรงมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ท่านด้วย”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจัง “พี่อี่เป็นรองเจ้าสำนักเทพทะเล ข้ามาที่นี่เพื่อวางแผนให้วังมังกร เพราะเป็นห่วงพี่อี่ และยังรู้สึกประทับใจที่เผ่ามังกรช่วยปกป้องสำนักเทพทะเล เป็นปกติ
“ของขวัญหรืออะไรบางอย่างนั้น ท่านส่งไปที่เมืองอันสุ่ยก็ได้”
เสนาบดีเต่ากะพริบตา และเกือบจะส่ายเอว พลางรีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าหลี่ฉางโซ่ว ก็ทำการคารวะเต๋า แล้วใช้หลีกลี้วารีเร้นกาย มุ่งหน้าตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ก่อนจะออกเดินทาง หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ลืมจะมองไปยังเปี้ยนจวงที่เศร้าซึมอยู่ตรงนั้น
เขากระตุกมุมปากเบาๆ แล้วเรียกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ใกล้ๆ กับวังผลึกแก้วแห่งทะเลบูรพาออกมาแล้วให้มันมุ่งหน้าไปที่ปลายขอบโลกในทะเลบูรพา
แน่นอนว่า เขาต้องรอให้เปี้ยนจวงออกจากวังผลึกแก้วก่อนจะจัดการเรื่องที่ติดตามมาต่อไป
เอ่อ บุรุษผู้นี้จะถูกอ๋าวอี่ทำร้ายหรือไม่?
ไม่น่าเป็นเช่นนั้น เปี้ยนจวงแค่หลงใหลเข่อเล่อเอ๋อร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น…
หากข้าคือ อ๋าวอี่ หรือหากข้าเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สตรีที่มีคนมาลุ่มหลงแล้วข้าจะจัดการอย่างไรดี?
หลี่ฉางโซ่วเคยคิดเรื่องนี้มาก่อนและรีบส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
ประการแรก เขาจะไม่ยอมสวมชุดสตรี
ประการที่สอง หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขากระตุ้นให้เกิดเรื่องเช่นนี้ เขาก็เพียงทำลายมันเท่านั้น
น่าจะเรียกตามคำกล่าวที่ว่า ยอมหักไม่ยอมงอ!
“เฮ้อ ข้ายังคิดถึงปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง คิดดูว่า เกิดอันใดขึ้นกับเขา”
หลี่ฉางโซ่วทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เขามีเป้าหมายสองอย่าง ในยามที่เขาสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ดูเหมือนผู้ฝึกบำเพ็ญรุ่นเยาว์ ให้หนีไปยังทะเลทักษิณขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีตรวจสอบสถานะของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งว่าเป็นอย่างไร
ข้าควรขอให้เจ้าสำนักออกหน้าเพื่อตามหาปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งดีหรือไม่?
ไม่ดีนัก น่าจะดีกว่า หากเชิญผู้อาวุโสว่านหลินหยุนให้ช่วยไปที่นั่นแล้วใช้ข้ออ้างว่า เอาโอสถไปมอบให้เป็นของขวัญเพื่อดูว่าท่านปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งเข้าปิดด่านจริงๆ หรือไม่ หรือจงใจหลบหน้าท่านปรมาจารย์ใหญ่ของเขา
หลี่ฉางโซ่วรู้ว่า ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งที่ภายนอกดูนิ่ง ๆ น่าเบื่อนั้น แอบเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่มันก็ไม่ค่อยปกตินักที่เขาจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสาถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็คิดเช่นนั้นอยู่ในใจ จู่ๆ ก็มีสัญญาณเตือนเบาๆ ปรากฏขึ้นในใจของเขา
เขาชำเลืองมองไปที่หินสัมผัสที่ผูกติดอยู่กับข้อมือของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ในยามนี้ หินสัมผัสที่ไม่เคยส่องแสงมาก่อน พลันสาดแสงสีม่วงเข้มออกมาเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วจึงเปลี่ยนทิศทางอย่างไร้ร่องรอย และทันใดนั้น ก็มีปลากระดาษสองตัวบินออกมาจากฝ่ามือของเขา
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ใช้พลังปราณวิญญาณของเขาที่อยู่ในปลากระดาษออกไปตรวจจับ และพบร่างที่ติดตามเขามามากกว่าสิบคน…
มีเซียนเสิ่น เซียนเทียนปะปนกัน และมีสองเซียนเทียนขั้นสูงสุด?
น่าจะเป็นกองทัพกบฎเผ่าทะเล…
พวกกบฏเผ่าทะเลเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ หรือพวกเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นร่างจำแลง?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขจัดความคิดที่ว่า ‘เพียงแค่ใช้แผนเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ใด’ ออกไปจากใจ
เขาไม่ควรติดต่อใดๆ กับพวกกบฏเผ่าทะเล
หากอีกฝ่ายลอบโจมตี เขาก็สามารถรวบรวมเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่เพื่อดูว่าเกิดอันใดขึ้นได้
ในขณะนั้น เขายังคงใช้หลีกลี้วารีเร้นกายในน้ำทะเลต่อไปเงียบๆ จากนั้นเขาก็เร่งระดมกำลังกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในทะเลบูรพาโดยด่วน
อีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่องเขาเพียงคนเดียวลำพัง บางทีเขาก็น่าจะ… ระดมกำลังพลไม่เกินหนึ่งแสนนาย
……………………………………………………………………
[1] การใช้อำนาจเล่นงาน กลั่นแกล้ง ข่มเหง บีบคั้น เบียดเบียน หรือสร้างความลำบาก เดือดเนื้อร้อนใจให้ผู้อื่นรู้สึกอึดอัด ลำบากใจ หรือเผชิญกับความยากลำบาก มักใช้กับผู้มีอำนาจสูงกว่าเล่นงาน ผู้ที่มีสถานะต่ำกว่า