ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 295 ประสบการณ์ปากร้ายครั้งแรกในชีวิต (1)
ตอนที่ 295 ประสบการณ์ปากร้ายครั้งแรกในชีวิต (1)
ที่ปลายขอบโลก บนเกาะที่ไม่ไกลจากเมืองที่มีชื่อเสียงของเมืองเทียนหยา ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ แห่งโลกบรรพกาล ขณะนี้ ผู้อาวุโสสองสามคนกำลังรออยู่บนก้อนเมฆในขณะที่เปี้ยนจวงและหญิงชราที่เป็นร่างจำแลงของหลี่ฉางโซ่วกำลังเดินเล่นและพูดคุยกันบนเกาะ
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วไม่เอ่ยอันใด เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วเดินไปข้างๆ
ชั่วเวลานั้น เปี้ยนจวงก็มีคำพูดติดคออยู่มากเกินไป
ทั้งสองคนเดินหลายสิบก้าวบนชายหาด จากนั้น เปี้ยนจวงก็กล่าวว่า “ช่วงนี้ สหายเต๋าเข่อเล่อเอ๋อร์… สบายดีหรือไม่ นางเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “สหายเต๋า แล้วเจ้าคิดว่านางจะสบายดีหรือ?”
จู่ๆ เปี้ยนจวงก็เป็นกังวลขึ้นมาทันทีและรีบถามว่า “เกิดอันใดขึ้นหรือไม่? ตอนนี้นางอยู่ใดกัน? ข้าจะไปหาทันที…”
“สหายเต๋า ให้ข้าจะเรียกเจ้าว่า เปี้ยนจวงนะ!”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวต่อว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าสร้างปัญหาให้กับคุณหนูของข้ามากเพียงใด? หากไม่เป็นเพราะหอเทียนหยาที่อยู่เบื้องหลังเจ้า เจ้าย่อมจะกลายเป็นศพในทะเลไปแล้ว!”
ในขณะนั้น เหล่าผู้คนบนท้องฟ้าล้วนขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเสียงของหญิงชราด้านล่าง พวกเขาจึงก้มศีรษะลงไปมอง…
เปี้ยนจวงตกตะลึงและพึมพำว่า “ข้า ข้าสร้างปัญหาให้นาง…?”
“เปี้ยนจวง เจ้าน่าจะเป็นคนมีเหตุผล”
จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบา ๆ และเริ่มเล่าถึงเรื่องของบรรดาผู้คลั่งไคล้และพวกวิปริต
แน่นอน เขาได้ปรับใช้สัจธรรมแห่งชีวิตในชาติก่อนกับภูมิหลังแห่งโลกบรรพกาล
หลี่ฉางโซ่วมาที่นี่ในวันนี้เพื่อหยุดเปี้ยนจวง ซึ่งความจริงแล้ว… มันเสียดแทงหัวใจของเขา
มันเป็นเรื่องของเขาเองที่รักนางสุดหัวใจ หากเขาไม่อาจได้รับคำตอบจากผู้ที่เขาแอบชมชอบ เขาก็อวยพรให้นางในใจเงียบๆ ได้ เขาไม่อาจบังคับนางจนกลายเป็นคนวิปริตได้…
หลี่ฉางโซ่วเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วสองสามครั้งในชีวิตชาติก่อน ซึ่งมีผลสุดท้ายไม่ดีเท่าใดนัก
ความจริงแล้ว ชีวิตในชาติก่อนของเขานั้น แม้คนส่วนใหญ่จะมีคนที่พวกเขาแอบชอบอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็ยังเลือกซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง และศักดิ์ศรีของพวกเขา
บางคน เฉกเช่น เปี้ยนจวงที่สิ้นหวังก็ไม่สนใจชีวิตและคิดทำทุกอย่างเพียงเพื่อไล่ตามคนที่ชื่นชมดุจแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ[1]
ไม่มีผู้ใดจะอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างเรื่องความรู้สึกได้
ในโลกบรรพกาล ผู้คนมุ่งเน้นไปที่พลังเวท และทักษะการต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีบ่อยครั้งที่พวกเขาใช้ ‘ธรรมชาติแห่งพลังเวท’ เพื่อบีบบังคับให้ได้คู่บำเพ็ญเต๋ามา…
เมื่อเรื่องราวจบลงแล้ว เปี้ยนจวงก็อดจะนิ่งงันไปไม่ได้และกล่าวเสียงเบาว่า “ข้ากลายเป็นปัญหาของเล่อเล่อไปแล้วหรือ”
“สหายเต๋า เจ้าเคยได้รับการยินยอมจากคุณหนูของข้าแล้วหรือไม่?”
“ข้า…”
“การใช้ชื่อเล่นเช่นนี้โดยได้รับการยินยอมจากนางก่อน มันไม่เสียมารยาทมากไปสักหน่อยหรือ?”
ถ้อยคำที่สงบเยือกเย็นนั้นช่างบาดหูเสียจนเปี้ยนจวงต้องขมวดคิ้วและปากซีดขาว
แต่หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่า เขายังไม่ได้ทิ่มแทงหัวใจของเปี้ยนจวงมากพอ เขาต้องปลุกเปี้ยนจวงให้ตื่นขึ้น
“สหายเต๋า เจ้าสร้างปัญหาในวังมังกร ทำให้คุณหนูของข้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอายมาก มันไม่สำคัญหรอกว่า เจ้าจะตกหลุมรักนางแต่แรกพบหรือลืมนางไม่ได้ แต่คุณหนูของข้าไม่มีใจให้เจ้า ในยามนี้ สิ่งที่นางรู้สึกมีเพียงความเบื่อหน่าย ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าเคยคุยกันเพียงแค่ช่วงสั้นๆ และคุณหนูของข้าก็บอกให้เจ้าไปให้พ้น เปี้ยนจวง เจ้าเคยคิดเรื่องนี้หรือไม่? ในขณะที่เจ้าเฝ้าหลงรักคุณหนูของข้า แต่นางหาได้รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้าไม่”
ทันใดนั้น เปี้ยนจวงก็จับกุมหน้าอกอย่างเจ็บปวดใจ และก้าวถอยหลังไปสองก้าวพร้อมด้วยใบหน้าซีดเซียว
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจและยังคงปฏิบัติการต่อไป…
“เจ้าเป็นประมุขหอน้อยแห่งหอเทียนหยาที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนคอยรับใช้มาตั้งแต่ยังเยาว์ ทุกคนรอบกายเจ้า ล้วนทำตามคำสั่งของเจ้า แต่เปี้ยนจวง หากเจ้ามีความคิดเป็นผู้ใหญ่พอ ก็น่าจะเข้าใจหลักการ”
เปี้ยนจวงฝืนยิ้มขื่นและกล่าวว่า “ข้ายังอยากให้ผู้อาวุโสโปรดให้ความกระจ่างแก่ข้าด้วย”
“จงเอาใจเจ้าไปใส่ใจนางดูสิ”
“เอาใจข้าไปใส่ใจนาง?”
“ใช่แล้ว” หลี่ฉางโช่วกล่าวว่า “เจ้าลองคิดดูเอาเองเถิด หากมีสตรีแปลกหน้าผู้หนึ่งหลงใหลเจ้าอย่างบ้าคลั่งและคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าหอเทียนหยาทุกวัน แล้วเจ้าจะจะรู้สึกอย่างไร? ”
เปี้ยนจวงพึมพำว่า “แน่นอนว่า ข้าย่อมรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง… เล่อ…สหายเต๋าเข่อเล่อเอ๋อร์ก็เบื่อข้าเช่นกันใช่หรือไม่?”
“ต้องบอกเลยว่า ชิงชังอย่างยิ่ง”
“ข้า…”
“เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอย่างเจ้า ในครั้งนี้ คุณหนูของข้าจึงหลีกเลี่ยง ไม่ไปร่วมงานอภิเษกของสหายสนิทของนาง องค์หญิงเจียงซื่อเอ๋อร์”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
หลี่ฉางโซ่วเองก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่เล็กน้อยในใจ แต่เมื่อคิดว่า รองเจ้าสำนักของเขาเพิ่งจะแต่งงาน เขาก็คิดถึงผู้ชาย…
หลี่ฉางโซ่วเองก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่เล็กน้อยในใจ แต่เมื่อคิดว่า รองเจ้าสำนักของเขาเพิ่งจะแต่งงาน แล้วกำลังตกเป็นเป้าหมายของบุรุษผู้หนึ่ง…
หากยังกล่าวต่อไป เขาก็จะทำให้เปี้ยนจวงได้กระจ่างแจ้งทุกอย่างในวันนี้!
พวกที่เก่งเรื่องสงความจิตวิทยานั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่ใจจะไม่อ่อนไหวเมื่อทำร้ายผู้อื่น
“เปี้ยนจวง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะนั่งหน้าประตูวังมังกร และใช้วิธีนี้เพื่อเผยความเศร้าและความรักที่มีต่อนางได้ด้วยตัวเจ้าเองได้?”
“นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าเป็นเพียงประมุขน้อยแห่งหอเทียนหยา” เปี้ยนจวงถอนหายใจยาว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“หากเจ้าไม่มีตัวตนระดับนี้ เจ้าก็จะเป็นเพียงเซียนเทียนธรรมดาในโลกบรรพกาล เจ้าจะมีความสามารถอะไรที่ทำให้คุณหนูของข้าหันมามองเจ้าได้? หากไม่มีตัวตนนั้น เจ้าจะได้รับคำเชิญนั้นจากที่ใด? เจ้ารักนาง นางจึงต้องรักเจ้าตอบหรือ นี่มันเหตุผลเยี่ยงใดกัน? นี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเอาแต่ใจตัวเองอีกต่อไป แต่ยังบิดเบือนความจริงไปเล็กน้อยอีกด้วย”
เปี้ยนจวงยืนนิ่งไม่ไหวติง และอดจะพึมพำไม่ได้ว่า “ข้า ข้ามันไร้ค่าหรือ… ที่ข้าเคยคิดก่อนหน้านี้คือการได้พบแม่นางเล่อเล่อ และทำให้นางประทับใจด้วยความจริงใจของข้า…”
“ขอให้มั่นใจและปล่อยวางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นั้นซะ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบ “คุณหนูของข้ามีผู้ที่ชมชอบแล้ว และไม่อาจรับผู้อื่นไว้ในใจได้อีก หากเจ้าหลงรักคุณหนูตั้งแต่แรกพบจริงๆ ก็ควรเลิกคิดได้แล้ว เปี้ยนจวง แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ยังมีสาวงามอีกมากมายในโลกนี้ เจ้ายังเยาว์นักและระดับฐานพลังก็ยังไม่สูง แล้วเจ้าจะทำอย่างไรหากไม่คิดสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองและได้รับผลเต๋าอายุยืน? เจ้าจะเอาแต่คิดถึงสตรีที่ไร้ชะตาลิขิตกับเจ้าได้อย่างไร? ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อบอกเจ้าในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด หนุ่มน้อย เจ้ายังไม่ได้รับชีวิตนิรันดร์ด้วยซ้ำ ไยเจ้าต้องคิดเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อการฝึกบำเพ็ญของเจ้าเหล่านี้?
เป็นเรื่องยากที่หลี่ฉางโซ่วจะไร้ความรู้สึกใดๆ เช่นกัน แต่เขาก็ยังกล่าวประโยคสุดท้ายนั้นออกมาได้
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองไปที่ผู้คนที่ไม่พอใจบนท้องฟ้าและกล่าวอย่างสงบว่า “โลกบรรพกาลนั้นกว้างใหญ่นัก ไม่ใช่มีเพียงแค่ห้าดินแดนเท่านั้น แต่ยังมีมหาตรีสหัสโลกธาตุอีกด้วย และยังรวมถึงผู้คนจำนวนมากและสิ่งต่างๆ มากมายที่เจ้านึกไม่ถึง บัดนี้ ข้าผู้ชรา ต้องขออำลาแล้ว”
ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ชราก็เลือนรางไป และไม่นานหลังจากนั้น ก็มีชั้นหมอกปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา แล้วร่างชรานั้นก็ถูกหมอกเข้าห่อหุ้มก่อนจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
นั่นคือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขั้นสูงสามารถที่ทำลายตัวเองได้
เพื่อแยกมันออกจากวิธีการเผาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้เป็นเถ้าถ่านเพื่อป้องกันการเชื่อมโยงกับมัน หลี่ฉางโซ่วก็ลงสลักยันต์และกฎห้ามที่แตกต่างกันเอาไว้บนเหล่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างของหญิงชราก็กลายเป็นหมอกแล้วปลิวไปตามลม ราวกับว่า นางไม่เคยปรากฏกายมาก่อน
เปี้ยนจวงขาอ่อนยวบแล้วล้มลงไปบนชายหาด ขณะนั้น ลมปราณของเขาอ่อนแรงมาก และทันใดนั้น เหล่าผู้อาวุโสก็รีบลงมา รายล้อมรอบข้างตัวเขาเอาไว้
“ประมุขหอน้อย ท่านอย่า… โปรดอย่าเศร้าใจไปเลย” “อย่างน้อยที่สุด ท่านก็รูปงามยิ่งนัก!”
“ใช่แล้ว ตอนที่พวกเรายังเด็ก พวกเรายังไม่ได้หล่อเหลาและทรงพลังเช่นประมุขน้อยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง… หลังของพวกเรา…”
ในขณะนั้น ชายชราที่กล่าว ก็ตกตะลึง เมื่อถูกคนอื่นๆ ถลึงตาจ้องมองอย่างดุดัน
เปี้ยนจวง ยิ้มขื่นขณะนั่งอยู่ที่นั่นและถอนหายใจเบา ๆ พลางกล่าวว่า “หัวใจของข้าสลายไปแล้ว ไม่มีอีกแล้วไม่มีอีกแล้ว”
“ประมุขหอน้อย ท่าน…” “กลับกันก่อนเถิด ประมุขหอน้อย”
ผู้อาวุโสสองสามคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยพยุงเปี้ยนจวงขึ้นมาและขี่เมฆไปยังเมืองเทียนหยา
แม้หญิงชราจะพูดจาแข็งกร้าว แต่ก็ยังมีเหตุผล
………………………………………………………………….
[1] รนหาที่ตาย