ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 301 สาวน้อยผู้ชื่นชม...อาจารย์ลุงจ้าว (1)
ตอนที่ 301 สาวน้อยผู้ชื่นชม…อาจารย์ลุงจ้าว? (1)
หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์ถึงสถานการณ์ในยามนี้เอาไว้แล้ว
นอกจากนี้ มันยังเกิดขึ้นล่าช้ากว่าที่หลี่ฉางโซ่วคาดคิดเอาไว้มาก
แอบหลอกล่อให้บรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยผิดใจกัน แล้วยังให้จัดการกับเบื้องหลังของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณที่มาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน… นั่นไม่ใช่กลอุบายแยบยลเลิศล้ำอะไร แต่เป็นเหมือน ‘มาตรการรับมือ’ มากกว่า ซึ่งยังพิสูจน์ให้เห็นว่าสำนักบำเพ็ญประจิมเริ่มใส่ใจกับอิทธิพลของเทพแห่งท้องทะเลที่มีต่อเผ่ามังกรอย่างจริงจัง
หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบพื้นที่ในส่วนต่างๆ โดยรอบของยอดเขาหยกน้อยก่อนที่เหล่าเซียนทั้งหกแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะมาถึง
ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นผลให้เขามีอาจารย์อาน้อยอีกหนึ่งคนในปีหน้าหรือไม่…
ว้าว หลังจากผ่านปัญหามามากมายแล้ว ในที่สุด เรื่องระหว่างคู่บำเพ็ญเต๋า ปรมาจารย์หว่างฉิงที่ขี้อายและปรมาจารย์ใหญ่ผู้หยิ่งผยองก็ตกลงกันได้
หลี่ฉางโซ่วตระหนักดีถึงความลำบากและยุ่งยากว่ามากมายเพียงใดกับคู่บำเพ็ญเต๋าที่มีตัวตนไม่ธรรมดาเช่นนี้
คู่เซียนชราที่มีรากฐานความสัมพันธ์มายาวนานนับพันปีที่ในที่สุดปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยก็ตัดขาดอย่างเด็ดขาด…
ช่างมันเถิด อย่าไปพูดถึงอีกเลย
เขาอาจต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญประจิมในด้านของสติปัญญาและความกล้าหาญเมื่อวางแผนต่อสู้กับพวกเขา มันย่อมง่ายกว่าที่เขาจะทำหน้าที่เป็นจักรพรรดิและผู้ใต้บัญชาขององค์เง็กเซียนอย่างผิวเผิน มากกว่าเป็น “พี่น้อง” กับเผ่ามังกร!
ในเวลาเดียวกัน เขาต้องการใช้เรื่องเหล่านั้นเพื่อทดแทนหนี้บุญของเขา
บัดนี้ บรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยทั้งหกได้มาถึงจุดที่อยู่ห่างจากเมืองอันสุ่ยไปทางใต้มากกว่าหนึ่งร้อยลี้แล้ว
ในขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปลอมตัวเป็นเซียนชราก็ลุกขึ้นยืนและสะบัดแส้หางม้าของเขา
“ทางวิหารยินดีต้อนรับบรรดาแขกผู้ทรงเกียรติ”
ที่ด้านนอกห้องโถงด้านหลัง ทูตเทวะตอบกลับทันทีก่อนจะวิ่งออกไป
เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน วิหารหลักได้หยุดรับผู้แสวงบุญ แล้ว และในขณะนี้ เพียงกำลังเชิญเหล่าผู้แสวงบุญที่เหลือออกไปเท่านั้น
จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ก็ยืนอยู่นอกห้องโถงด้านหลัง แต่ละคนล้วนแผ่ไอสังหารออกมา
สหายร่วมสำนักในยุคบรรพกาลเช่นอาจารย์ลุงจ้าวมาแล้ว เช่นนั้นก็ย่อมจะได้รับบริการสุราและชาชั้นดีในระหว่างการมาเยือนวิหารที่นี่
เฉกเช่นบรรดาเซียนทั้งหกที่ไม่เคยพบมาก่อนเหล่านี้ พวกเขามาที่นี่เพื่อไต่ถามเอาความ แน่นอนว่า พวกเขาจะได้รับการต้อนรับจาก… กลุ่มชายร่างกำยำผู้แข็งแกร่งที่มีกล้ามเนื้อแขนใหญ่อันทรงพลัง “อย่างเต็มที่!”
เหล่ามนุษย์เวทหมู่บ้านสงที่เฝ้าอยู่นอกประตูทางเข้า กำลังหัวเราะและแกล้งเล่นกันสนุกสนาน ในขณะนั้น วิหารเทพทะเลจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้นรื่นเริงและ “มีพลัง” ในทันที
บัดนั้น บรรดาเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยทั้งหกก็ได้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว
หลี่ฉางโซ่วในร่างจำแลง ขี่เมฆออกมาต้อนรับพวกเขา เขาเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตายิ่งนัก ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมายและวางเฉยต่อทุกสิ่ง
แน่นอนว่า ไม่ใช่ว่าเขาเหยียดหยันทุกสรรพสิ่งและไม่เชื่อในการฝึกบำเพ็ญ แต่กลับเป็นความรู้สึกนิ่งเฉยเมยต่อทุกสิ่งและไม่ใส่ใจในการแก่งแย่งแข่งขัน
นั่นก็เป็นชั้นของการปลอมตัวเช่นกัน ร่างจำแลงของเขานี้ ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกในเบื้องต้นว่า เทพแห่งท้องทะเลทักษิณเป็นชายชรา และเขาต้องการปิดบังและปกป้องร่างหลักของเขาเอง
หลี่ฉางโซ่วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่ทั้งหกคน ต่างก็มองหน้ากัน จากนั้น เด็กสาวในชุดกระโปรงสั้นสีเหลืองอ่อนก็ก้าวออกไปข้างหน้าครึ่งก้าวและยืนอยู่ข้างหน้าคนอีกห้าคนที่เหลือ
เห็นได้ชัดว่า นางเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้
ไม่ต้องกล่าวถึงรูปร่างหน้าตาของเด็กสาวผู้นี้ ส่วนใหญ่ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญในขอบเขตเซียนจินได้เป็นเพราะพวกเขางดงาม แม้ว่าบางคนจะเป็นเพราะมีความชอบพิเศษมากกว่า
สิ่งที่สะดุดตาก็คือ เครื่องแต่งกายของเด็กสาวต่างไปจากผู้ฝึกบำเพ็ญหญิงส่วนใหญ่
นางสวมชุดกระโปรงสั้น รองเท้าผ้าหุ้มข้อ มีช่อดอกไม้และสร้อยข้อมือ และผูกเส้นผมยาวของนางเป็นทรง ‘เสี่ยวหลงเปา[1]’ สองก้อนเล็กๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่านางยังเด็ก แต่พลังสะกดข่มที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของนางนั้น…
นางเป็นเซียนจินแท้ หาใช่เซียนจินธรรมดาอย่างเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วไม่!
นอกจากนี้ นางยังดูค่อนข้างสุภาพในขณะที่นางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “สหายเต๋า ท่านคือเทพแห่งท้องทะเลทักษิณใช่หรือไม่”
“ใช่ ข้าเอง” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่า สหายเต๋ามาที่นี่ด้วยเหตุใดแล้ว โปรดไปที่วิหารกับข้าเพื่อฟังข้าชี้แจงสักหน่อย เพราะอย่างไรเสีย สถานที่แห่งนี้ก็คือ โลกมนุษย์ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำให้มนุษย์หวาดกลัว”
สาวน้อยเซียนจินกะพริบตาและทันใดนั้น ก็ชี้ไปทางถนนใกล้กับวิหารเทพทะเลที่ดูคึกคักเฉกเช่นเคย
“พวกเขากลัวหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วหันศีรษะไปมองและเห็นสิ่งที่มนุษย์กำลังทำ ซึ่งมีเพียงเด็กและผู้แสวงบุญจำนวนเล็กน้อยที่มาจากแดนไกลเท่านั้นที่แหงนหน้าขึ้นมองสถานการณ์บนท้องฟ้า…
แต่ชาวเมืองอันสุ่ยจะเคยชินกับการเห็นบรรดาเซียนมักจะไปแวะเวียนมาเยือนวิหารเทพทะเลอยู่แล้ว
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ และกล่าวว่า “มันยังไม่เหมาะ”
“หือ” สาวน้อยเม้มปากแน่น “แต่ข้าคิดว่า สหายเต๋ามีสิ่งซ่อนเร้นอยู่ในใจ! ในเมื่อเจ้ารู้ว่า พวกเรามาที่นี่ด้วยเหตุใดแล้ว เช่นนั้นก็ให้ข้าถามเจ้าสักหน่อยว่า เจ้าคิดวางแผนร้ายต่อศิษย์ชั้นนอกของสำนักหรือไม่?” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและถามว่า “สหายเต๋า ไฉนเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้? ไยไม่ไปที่ห้องโถงด้านหลังก่อนเล่า? มีบางเรื่องที่ยากจะพูดตรงๆ ได้ที่นี่”
“ในเมื่อไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นในใจแล้ว เหตุใดยังต้องปิดบังการพูดคุยด้วย?”
สาวน้อยขมวดคิ้วเล็กน้อยและจ้องมองดวงตาของหลี่ฉางโซ่ว “เจ้าต้องมีอุบายคิดร้ายต่อศิษย์พี่กงหมิงแน่ๆ”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันทันที
นั่นคือสิ่งเดียวที่เขากล้าสาบานได้ว่า ในวันนั้น จ้าวกงหมิงเป็นคนที่เต็มใจกระโดดลงไปในหลุม[2]จริงๆ!
เดิมทีเขาเพียงอยากเกลี้ยกล่อมหวงหลงเจินเหริน แต่ไม่คิดว่า จ้าวกงหมิงจะกระตือรือร้นและตื่นเต้นอย่างยิ่ง เขาตะโกนลั่นว่า ทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันและรีบพุ่งตรงไปที่ก้นหลุม
แล้วยังนอนลงไปอีกด้วย!
แต่ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วทำได้เพียงโน้มน้าวให้อีกฝ่ายออกไปพูดคุยในเรื่องนี้ก่อน หากยังคุยกันที่นี่ ย่อมจะส่งผลให้เขาหลุดเปิดเผยข้อมูลบางอย่างได้ง่ายจริงๆ…
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้าบอกว่าข้าวางแผนร้ายต่อผู้อาวุโสกงหมิง แล้วเจ้ามีหลักฐานและพยานหรือไม่?”
เด็กสาวงุนงงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หลักฐานและพยานคืออะไร?”
“เป็นผู้คนหรือวัตถุที่พิสูจน์ความถูกต้องของเรื่องนี้ได้”
“ข้าเคยได้ยินคนบนเกาะพูดเช่นนี้ แน่นอนว่า ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องหลอกลวง!”
สาวน้อยในชุดกระโปรงสีเหลืองยืดอกและเชิดหน้าขึ้น ทันใดนั้น นางก็ดูเหลือล้นขึ้นมาอย่างน่าตกใจ นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีทางที่ผู้ใดจะมาปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อวางแผนคิดร้ายต่อเทพนอกรีตเช่นเจ้าหรอก เจ้าไม่ได้รับบุญจากเครื่องสักการะเท่านั้น แต่ทั้งสำนักบำเพ็ญประจิมและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ล้วนเป็นสำนักใหญ่ในโลก แล้วเจ้ามีภูมิหลังอย่างไรกันเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้โกรธแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ ความจริงแล้ว… เขายังอยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
ในเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้นได้ นั่นย่อมหมายความว่า การอำพรางตัวของเขานั้นผ่านได้ นอกจากนี้ คำพูดของอีกฝ่ายยังได้เปิดเผยข้อมูลมากเกินไปอีกด้วย
เหล่าเซียนทั้งหกนั้น น่าจะเป็น “ฝูงกินแตง[3]” ที่ถูกเกาะเต่าทองปลุกปั่นขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างสำนักเทพทะเลและสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินในทะเลทักษิณด้วยซ้ำ ทันใดนั้นพวกเขาก็รีบรีบเร่งให้ผู้นำของพวกเขาไต่ถามเอาความกับเขา …
คนเช่นนี้ มักจะถูกหลอกได้ง่าย แต่เหยี่ยวเช่นเขาก็ยังพยายามต่อสู้กับกระต่ายอย่างสุดกำลังโดยไร้ความเมตตา และไม่ยั้งมือใดๆ
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในด้านภูมิหลัง ข้าก็นับว่าเป็นคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเช่นกัน หากเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ แล้วไยไม่ลองตรวจสอบดูก่อนเล่า?”
“เจ้ามาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มเฉยไม่เอ่ยวาจา แล้วจู่ๆ เขาก็โคจรอักขระเต๋าในร่างของเขาเล็กน้อย ซึ่งทำให้เหล่าเซียนสองสามคนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที
‘พระสูตรนิรกรรม’ และ ‘ไท่ชิงเต๋าหาน’ เป็นสายเดียวกัน แบบแรกเป็นวิธีฝึกบำเพ็ญอย่างเดียวเท่านั้นในขณะที่อย่างหลังไม่ได้เป็นเพียงวิธีฝึกบำเพ็ญเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักแห่งเต๋าที่มีคำสอนของจอมปราชญ์มากมายอีกด้วย ในด้านของมูลค่าแล้ว แน่นอนว่า ‘ไท่ชิงเต๋าหาน’ ที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มอบให้เขาเป็นของขวัญ ย่อมล้ำค่ามากกว่าอย่างแน่นอน
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้เปิดเผยอักขระเต๋าที่ได้รับมาจากการฝึก ‘ไท่ชิงเต๋าหาน’ ออกมา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของเขาว่า เป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
บัดนั้น สาวน้อยในชุดสีเหลืองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้น ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ นางก็ประสานมือคารวะให้หลี่ฉางโซ่วแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราวู่วามไปสักหน่อย ไม่รู้ว่า สหายเต๋ามาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าด้วย ข้ายังต้องขอให้สหายเต๋าโปรดอย่าได้ขุ่นเคืองไปเลย”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างอบอุ่นและกล่าวว่า “เช่นนั้น ทุกคน ตอนนี้พวกเจ้าเข้าไปคุยกันด้านในก่อนได้หรือไม่?”
…………………………………………………………….
[1] ทรงผมที่ผูกมวยผมสองข้าง ดูคล้ายซาลาเปาเล็กๆ สองชิ้น จึงเรียกเสี่ยวหลงเปา
[2] หลุมในที่นี้ เป็นการอุปมาดั่งอุบายหรือแผนการ
[3] ผู้เฝ้าชมเหตุการณ์ เปรียบได้กับไทยมุงหรือพวกชอบเผือกนั่นเอง