ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 306 กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง (2)
ตอนที่ 306 กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง (2)
เมื่อผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกำลังจะดึงนิ้วของนางกลับไป ทว่าจู่ๆ กลับมีความโกรธวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของนาง แล้วนางก็ยกมือขึ้นเจาะรังไหมเลือดทันที นางเป็นผู้ใดกันเล่า?
นางเป็นราชินีแห่งเผ่ายุงดำปีกโลหิต ซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้ทรงพลังแข็งแกร่งที่พุ่งผ่านทะเลเลือดไปทั่วในเวลานั้น!
ทันใดนั้น รังไหมเลือดก็แตกออก สาดแสงเลือดออกมารวมกัน ในขณะนั้น ผีเสื้อที่สั่นไหวพร้อมด้วยลำแสงสีเขียวเย็นเยียบที่โปร่งแสงแกว่งไกวไปมาเบา ๆ และตกลงบนปลายนิ้วของผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง เหอะ! เพียงแค่ให้ข้าได้พบท่านเท่านั้น!
อย่างมากที่สุด ข้าก็จะยอมรับความผิดพลาดของข้า แล้วท่านยังจะฆ่าข้าได้หรือไม่?
ที่นี่! ในห้องลับใต้ดิน จิตใจของหลี่ฉางโซ่วสั่นไหว ในขณะนั้น สัมผัสทางวิญญาณของเขาขยับไหวชัดเจนมาก อีกฝ่ายยังโจมตี! หลี่ฉางโซ่วกลั้นหายใจและลุกขึ้นยืนทันที เขาใช้ควันจากปากของหลิงเอ๋อร์ แล้วหนีออกจากห้องใต้ลับดิน จากนั้น ร่างหลักของเขาก็ขี่เมฆ พุ่งไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ เมื่อเขามาถึงหอไป่ฝาน แล้วเดินไปที่รูปภาพเหมือนของปรมาจารย์จอมปราชญ์ หลี่ฉางโซ่วก็หยิบธูปหนาและยาวสามดอกออกมาจากแขนเสื้อของเขา เขายื่นพวกมันไปยังปรมาจารย์จอมปราชญ์และคุกเข่าลงอย่างจริงใจ
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวในใจว่า ศิษย์ไม่มีอะไรจะขอ ศิษย์เพียงมาเพื่อถวายเครื่องสักการะและขอความสบายใจขอรับ
เขาทำตัวเหมือนที่เขาทำเมื่อเขาถวายเครื่องสักการะทุกๆ สามเดือน รูปภาพเหมือนยังคงเหมือนเดิม ดูไม่มีอะไรผิดปกติไป บรรดาผู้อาวุโสที่ดูแลกิจการภายนอกต่างก็คุ้นเคยดี และไม่แปลกใจกับเรื่องนี้
บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วหลับตาและรอคอยอย่างเงียบๆ รอให้อันตรายมาถึง เขาเปิดจิตเต็มที่เพื่อตรวจสอบสถานที่สำคัญสองสามแห่ง เขาเพ่งจิตไปที่จุดสำคัญ คือประตูของสำนักตู้เซียน วิหารเทพทะเลในเมืองอันสุ่ยบนชายฝั่งทะเลทักษิณ และสถานที่หลบซ่อนของกองทัพตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในทะเลบูรพา
ทว่าในชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วมีจิตใจตึงเครียดอยู่เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตรายที่สว่างวาบขึ้นมาในใจ! เจตจำนงทางวิญญาณของหลี่ฉางโซ่วลงไปที่วิหารเทพทะเลเล็กๆ ที่เรียบง่ายไม่โดดเด่นในทันที… แต่เขามาสายไปครึ่งก้าว เขาจับได้เพียงร่างสูงและแข็งแกร่งซึ่งกำลังอยู่บนก้อนเมฆ ฐานพลังของอีกฝ่ายไม่อ่อนด้อยเลย และในชั่วพริบตานั้น เขาก็หายลับไปในขอบฟ้า…
แน่นอนว่ามีศัตรูอยู่จริงๆ
หลี่ฉางโซ่วอยากเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทันทีเพื่อโจมตีและทดสอบน่านน้ำ ทว่าเขาก็ยับยั้งความคิดนั้นเอาไว้ เขาไม่อาจวู่วามได้ หากเขาคาดไม่ผิด อีกฝ่ายก็จงใจกระตุ้นเตือนเขา อาจเป็นเพราะเขาต้องการล่อให้ร่างจำแลงออกมา… เขาเคยชินกับการอยู่นิ่งเฉย มั่นคง และเฝ้าดูว่าอีกฝ่ายกำลังเคลื่อนไหวทำอะไร
อีกครึ่งชั่วยามต่อมา…ร่างนั้นก็ปรากฏออกมาในวิหารเทพทะเลอีกครั้งในเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง และเขาก็เดินไปรอบๆ ก่อนจะจากไปโดยจงใจเปิดเผยขอบเขตพลังของเขาออกมา
เซียนเทียนขั้นสูงสุด?
ทว่าจากการประเมินเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน นั่นอาจจะเป็นเซียนจินที่ปลอมตัวมา
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังล่อให้ร่างจำแลงของเขาออกมา…
ไม่น่าจะใช่การโจมตีจากสำนักบำเพ็ญประจิม หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาตั้งใจจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์อย่างเด็ดขาด และในครึ่งวันต่อมา อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นหกครั้งติดต่อกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาได้จงใจปะทะกับทูตเทวะแห่งหมู่บ้านสง และทำให้พวกเขา ได้รับบาดเจ็บสองคน แต่ร่างจำแลงของหลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้เผยใบหน้าของเขาออกมาเลย มันยังคงดู… มั่นคง
“จะไม่ไปตะครุบเหยื่อหรือ?”
ในเวลานั้น ในรอยแยกที่ก้นทะเลทักษิณ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงกระตุกมุมปากของนาง
และเป็นไปตามการคาดการณ์ของเทพแห่งท้องทะเลที่สยบนางได้ เขารับมือได้ยากกว่าที่นางคิด สัมผัสรับกลิ่นของเขาเฉียบคมอย่างยิ่ง
“วันนี้ข้าอยากต่อสู้กับท่านจริงๆ”
ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิงหยักยิ้มมุมปาก นางเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล แล้วเริ่มวางแผน…งานใหญ่
ในอีกด้านหนึ่ง หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนและออกมาจากรูปเหมือนของปรมาจารย์จอมปราชญ์ไท่ชิงไว้
มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่เขามาแสดงความเคารพบูชานั้น เขามักจะจำกัดเวลาครึ่งวัน
แต่เขาจะเคลื่อนย้ายไปที่อื่นไม่ได้ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้ ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดและอันตรายของโลกบรรพกาล มีเพียงภาพเหมือนของปรมาจารย์จอมปราชญ์ไท่ชิงและสนามหลังวังดุสิตเท่านั้นที่จะให้ความอบอุ่นแก่เขาได้อย่างเพียงพอ
หลี่ฉางโซ่วครางเบาๆ และขมวดคิ้ว ทันใดนั้น อักขระเต๋ารอบตัวเขาก็สั่นเล็กน้อย สร้างภาพ ทำให้ดูเหมือนว่า เขากำลังจะทะลวงด่านพลัง…
เขารีบถามว่า “ผู้อาวุโส ศิษย์ผู้นี้ขอเข้าปิดด่านชั่วคราวได้หรือไม่ขอรับ?”
“เร็วเข้า การทะลวงด่านเป็นเรื่องใหญ่!”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและนั่งชัดสมาธิลงทางด้านซ้ายของภาพเหมือนทันที เขาสร้างข่ายอาคมขึ้นรอบตัวเขา ผู้อาวุโสเซียนเสิ่นสองคนที่ดูแลกิจการภายนอกที่อยู่ข้างๆ เขา ได้เพิ่มข่ายอาคมพลังเซียนขึ้นมาให้ช่วยหลี่ฉางโซ่วอีกสองชั้น… เขาไม่ได้ให้บริการปลาวิญญาณและเนื้อสัตว์วิญญาณโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ
และในช่วงครึ่งเดือนต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็ได้เข้าปิดด่านอยู่ในหอไป่ฝานเพื่อทะลวงด่านพลัง ดูเหมือนว่า เขาจะทะลวงผ่านขอบเขตเล็กๆ แต่ราวกับว่าเขายังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ
ความจริงแล้ว เขาแค่แอบต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็นนั้น… การโจมตีของอีกฝ่ายมาทีละอย่าง มีหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ภายนอกแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกแปลกใจก็คือ อีกฝ่ายจะหยุดทุกครั้ง ราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่าง… ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสับสน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสามวันต่อมา ระดับของปัญหาที่อีกฝ่ายก่อขึ้นก็ได้มาถึงระดับที่จะทำให้มนุษย์บาดเจ็บล้มตาย และเพิ่มกรรมร้ายให้เขาได้ หลี่ฉางโซ่วจึงชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียในใจของเขา แม้จะเป็นเพียงกรรมร้ายเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมั่นคงดุจขุนเขาใหญ่ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
และดูเหมือนว่า อีกฝ่ายจะแกล้งทำเป็นลงมือ แต่ไม่ได้โจมตีทำร้ายมนุษย์จริงๆ และสร้างปัญหาไม่กี่ครั้ง เขายังไม่ได้ทำอะไร… อีกฝ่ายก็กลัวกรรมร้ายด้วยหรือ? หลี่ฉางโซ่วคิดกับตัวเอง
สามวันต่อมา คนลึกลับที่อยู่เบื้องหลังก็เห็นว่า เขาไม่อาจบังคับให้ร่างของเทพแห่งท้องทะเลปรากฏออกมาได้ ดังนั้น จึงดูเหมือนว่า เขาจะยอมแพ้ไปชั่วคราว… ทว่าหลี่ฉางโซวจะลดความระมัดระวังลงได้อย่างไรเล่า?
เขามีความอดทนมาก ตอนนี้เขาอยู่แค่ที่ความมั่นคงขั้นห้า…
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีคนกำลังสอดแนมปราณวิญญาณของเขา! แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงกระตุ้นเตือนดังขึ้นในหัวของเขา เจตจำนงวิญญาณของเขาตกลงไปบนรูปปั้นเทพทะเลทันที… เขาเห็นผีเสื้อสีเขียวบินขึ้นจากปลายจมูกของรูปปั้นและลงมาอยู่บนฝ่ามือของชายร่างกำยำ… ชายคนนั้นยิ้มเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับ แล้วออกไปจากวิหารเทพทะเลเทพอย่างรีบร้อน
หลี่ฉางโซ่วงงงันทันที
แค่นี้? ผีเสื้อสีเขียวนั้นน่าจะเป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่สามารถติดตามพลังปราณวิญญาณ มันเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับหนึ่งในไม่กี่สถานการณ์ที่หลี่ฉางโซ่วได้คาดการณเอาไว้ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วรู้สึกโล่งใจ จากนั้น เขาก็เพ่งจิตไปที่วิหารเทพทะเลขนาดใหญ่ที่อื่นๆ แทน และเฝ้ารออีกฝ่ายมาถึงที่อยู่เงียบๆ
สองชั่วยามต่อมา ก็มีชายร่างกำยำขี่เมฆมาถึง เขามาตามทิศทางของผีเสื้อในมือ และร่อนลงหยุดที่สนามด้านหลังของวิหารใหญ่ เมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังกวาดใบไม้อย่างเงียบ ๆ ในมุมหนึ่ง ชายร่างกำยำก็กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าคือเทพแห่งท้องทะเลทักษิณใช่หรือไม่”
ชายชราไม่ตอบ เพียงเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นร่างของชายชราก็ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที
มันคือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ธรรมดา
มันเป็นเพียงหยดแก่นโลหิตของหลี่ฉางโซ่วที่ผสานกับพลังอ่อนแอของปราณวิญญาณและอักขระเต๋าของเขาเอง… บัดนั้น ชายร่างกำยำก็นิ่งขึงอยู่กับที่ แล้วผีเสื้อก็กระพือปีกอีกครั้ง แล้วบินนำไปในอีกทิศทางหนึ่ง
ชายร่างใหญ่กำยำพ่นลมหายใจเย็นชาและขี่เมฆไปอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังวิหารเทพทะเลถัดไป เป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ …
และภายในช่วงสี่ถึงห้าวันหลังจากนั้น ชายร่างใหญ่กำยำก็ตามผีเสื้อตัวนั้นไปเขาวนไปรอบชายฝั่งทะเลทักษิณ เขาไปที่วิหารสิบแปดแห่งและได้เห็น… การทำลายตนเองของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ธรรมดาสิบแปดตัว
“อา! ไม่ใช่มนุษย์!”
ในขณะนั้น ในร่องหินที่ก้นทะเลทักษิณ ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง จับเส้นผมสองเส้นของนางเอาไว้แน่น นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และเผยใบหน้าดุร้าย ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ นางสบถก่นด่าสำนักบำเพ็ญประจิมหลายครั้งอย่างมากมายนับไม่ถ้วน
นางไม่กล้าตัดสินว่าเทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ซึ่งเป็นปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินนั้น ชั่วร้ายหรือไม่ แต่เขาต้องเป็นคนเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดสุดๆ อย่างแน่นอน!
พวกเขาบอกว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรงแต่นี่คืออะไร?
เขาน่าจะมีถึงสามร้อยโพรง!
สำนักบำเพ็ญประจิมยังคงอยากต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเพียงแค่นี้หรือไม่? เพียงยอมรับความพ่ายแพ้ ก็ย่อมจะไม่ชนะ!
ทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญเต๋าเหวินจิง ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยผ่านหุ่นเชิดยุงเลือด… “เจ้าเล่นสนุกพอแล้วหรือยัง เหวิน?”
…………………………………………………………………………