ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 316 สาเหตุที่ทำให้ฉางโซ่วผมร่วง (2)
ตอนที่ 316 สาเหตุที่ทำให้ฉางโซ่วผมร่วง (2)
บัดนี้ เขาอยู่ห่างจากเซียนจินไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเท่านั้น…
ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เขาก็ยิ่งไม่อาจปล่อยให้หลักการของเขาสั่นคลอนได้ และทำตามอำเภอใจไม่ได้
เขาต้องใช้กลยุทธ์พื้นฐานโดยไม่ทำตัวโดดเด่นและทำเงินเงียบๆ อย่างระมัดระวัง เขาต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของ ‘พระสูตรมั่นคง’!
ข้าควรจะหาวิธีแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกกับปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งดีหรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่พบวิธีจัดการที่วางใจได้
ขณะนี้ มีคนในสำนักเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ฐานพลังแท้จริงของเขา
หนึ่งในนั้นคือ จี้อู๋โหย่ว เจ้าสำนักผู้ “ว่างเปล่า” ของเขาเอง ทว่าหลังจากคืนนั้นแล้ว ก็ดูเหมือนว่า เจ้าสำนักจะเจตนาหลีกเลี่ยงเขาโดยไม่มีคำชี้แนะอื่นใดให้เขา ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่การประชุมติดตามและรวบรวมประจำของหลี่ฉางโซ่วก็ยังถูกยกเว้น!
อีกคนหนึ่งซึ่งเพิ่งมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนขึ้นในขณะนี้ก็คือ เซียนเสิ่นขั้นสูงคนใหม่แห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์ที่พอใจในตัวเขาเล็กน้อย ซึ่งเป็นหัวหน้าศิษย์ในรุ่นเดียวกัน…
นางคือ โหย่วฉินเสวียนหย่า
นางยังได้ให้สัตย์ปฏิญญาต้าเต๋าแล้วด้วยว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ นางจะไม่เปิดเผยระดับฐานพลังที่แท้จริงของนาง
เนื่องจากความแตกต่างระหว่างข้อมูลภายในและภายนอกสำนัก เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่ว และโหย่วฉินเสวียนหย่าผู้เย็นชาและสูงส่ง จึงไม่รู้ว่าเขากำลังทำเรื่องใหญ่อะไรอยู่นอกสำนัก…
ยังมีอีกเรื่องที่อยากบอกว่า ศิษย์น้องหญิงตัวร้ายนั้น ช่างงดงามจริงๆ เพียงแต่บางครั้งนางก็ตรงไปตรงมาเกินไป ปรับตัวยากและไม่เข้าใจในวิถีโลก ในสายตาของศิษย์คนอื่นๆ นางคือเทพธิดาสูงส่งเหนือโลกหล้าที่บริสุทธิ์สะอาดปราศจากสิ่งสกปรกเจือปนใดๆ จากโลก
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับสิ่งอื่นใด… หลังจากผ่านการพลิกผันหลายครั้งในช่วงระหว่างการฝึกบำเพ็ญ ในที่สุด ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขก็มาถึง
น่าเสียดายที่ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน ในช่วงปีที่สิบสองหลังจากงานแต่งงานของอ๋าวอี่ ก็เกิดมหาสงครามในทะเลบูรพา ทะเลทักษิณ และการกบฏของเผ่าทะเลครั้งใหญ่
คราวนี้กองทัพกบฏเผ่าทะเลโจมตีวังมังกรทะเลอุดรอย่างดุเดือด แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ในท้ายที่สุด แต่วังมังกรทะเลอุดรก็ประสบความสูญเสียอย่างหนัก ประตูหลักก็พังทลาย
ทะเลอุดรได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็นรุนแรงในดินแดนเทวะอุดรเช่นกัน มีสิ่งมีชีวิตในทะเลไม่มากนัก นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังมีน้ำแข็งสีดำจำนวนมากที่ไม่ละลาย กำลังลอยอยู่บนพื้นผิวทะเล และด้วยเหตุนั้น วังมังกรทะเลอุดรจึงอ่อนแอที่สุด…
นั่นเป็นครั้งแรกที่เผ่ามังกรได้ลิ้มรสกับความพ่ายแพ้ ทำให้จู่ๆ บรรยากาศในเผ่าทั้งหมดดูอึดอัดจนยากจะบรรยายได้ในทันที
มีมังกรจำนวนมากในสามกลุ่มใหญ่ที่รับผิดชอบหลักในการต่อสู้ การเปลี่ยนแปลง และทำให้แน่ใจว่ามีความสงบสุขตามลำดับ
นั่นเป็นเพียงปัญหาที่เห็นเพียงภายนอกได้ชัดเจนเท่านั้น แต่ปัญหาที่แท้จริงยังคงซ่อนอยู่ใต้น้ำแข็ง
ตามเนื้อหาของข้อความที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงส่งมาให้นั้น เป้าหมายที่แท้จริงของสำนักบำเพ็ญประจิมในครั้งนี้คือ วังมังกรทะเลประจิม ซึ่งบัดนี้ ได้ถูกแทรกซึมไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และกว่าครึ่งหนึ่งของทหารมังกรเซียนวารีก็แอบทรยศพวกเขาอยู่ลับๆ
พายุกำลังก่อตัวเงียบ ๆ อยู่ในทะเลประจิม และในขณะนั้น มังกรส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนความสนใจไปแล้ว…
หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้อยู่ครึ่งเดือน และในที่สุดก็ตัดสินใจใช้กลยุทธ์สามคำ
“มั่นคง”
“มั่นคง” “มั่นคง”
ทว่าคราวนี้ เขาไม่อาจมั่นคงได้อย่างแน่นอน
เมื่อได้รับข้อความจากผู้บำเพ็ญเหวินจิงแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็รายงานเรื่องนี้ต่อองค์เง็กเซียนได้ทันการณ์
องค์เง็กเซียนให้ความสำคัญในเรื่องนั้นอย่างยิ่ง หลังจากมีประสบการณ์เผยพลังอันยิ่งใหญ่ในครั้งล่าสุด เขาก็กล้าแสดงออกมากขึ้น เขาได้รวบรวมทหารสวรรค์ชั้นยอดของศาลสวรรค์หลายแสนนายและแอบฝึกฝนพวกเขาอย่างลับๆ เขาพร้อมที่จะลงมาจากฟากฟ้าได้ทุกเมื่อและลงมือจัดการอย่างชอบธรรม!
สำหรับศาลสวรรค์ในเวลานี้ นั่นเป็นพลังต่อสู้ที่ล้ำค่าอยู่แล้ว หากเกิดความเสียหาย มีผู้คนต้องบาดเจ็บล้มตายมากมาย ฝ่าบาทองค์เง็กเซียนย่อมจะต้องเจ็บปวดเสียใจมากอย่างแน่นอน ในเวลาเดียวกันนั้น เพื่อลดภาระงานของเขา หลี่ฉางโซ่วจึงเสนอวิธีการฝึกฝนพลธนูน้ำแข็งและพลโล่ที่วังมังกรเคยใช้มาก่อนหน้านี้ไปที่ศาลสวรรค์
ว่ากันว่า สำหรับเรื่องนี้ สวรรค์ได้สร้าง… แม่ทัพถั่ว! เนื่องจากพลธนูถั่วทรงพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง หลี่ฉางโซ่วจึงไม่ได้มอบวิธีการบ่มเพาะให้กับศาลสวรรค์ แต่เขาปลูกมันเองบนยอดเขาหยกน้อย
ในบรรดาพลธนูถั่วที่พัฒนาขึ้นใหม่นั้น เขาได้คิดค้นรุ่นปรับปรุงซึ่งมีเพลิงห้าธาตุที่ทรงพลังอย่างยิ่งในภายหลัง
ทหารสวรรค์หนึ่งแสนคนนี้ มีถั่วเซียนพลธนูสิบนาย ถั่วเซียนพิทักษ์สิบนาย และพลธนูถั่วห้านายที่ได้รับการปรับปรุงพลังขึ้นแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!
ดั่งคำกล่าวที่ว่า เรื่องผิดพลาดไม่ควรเกินสามครั้ง[1]
หากสำนักบำเพ็ญประจิมพ่ายแพ้เป็นครั้งที่สองอีก บางทีพวกเขาก็อาจจะประเมินเรื่องเผ่ามังกรอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลานั้น ก็มีโอกาสสูงที่สำนักบำเพ็ญประจิมจะล่าถอยและน่าจะกดดันศาลสวรรค์น้อยลง
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงให้ความสำคัญกับ ‘โอกาส’ นี้อย่างยิ่ง เขาต้องทำให้เผ่ามังกรนึกถึงและรอให้เผ่ามังกรไปขอความช่วยเหลือจากศาลสวรรค์เองด้วย…
นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการสยบเผ่ามังกร
ทว่าหากกล่าวตามตรงแล้ว เชื่อว่า สำนักบำเพ็ญประจิมก็รู้อยู่แล้วว่า ศาลสวรรค์และสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเผ่ามังกร ดังนั้น พวกเขายังต้องวางแผนจัดการสำนักบำเพ็ญประจิมอีกครั้งจึงจะประสบความสำเร็จในการทำลายแผนของสำนักบำเพ็ญประจิมเป็นครั้งที่สองได้.. .
ช่างยากเย็นจริงๆ
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลี่ฉางโซ่วประหลาดใจก็คือ… ที่สำนักบำเพ็ญประจิมมีเสถียรภาพมากขึ้นในครั้งนี้ พวกเขาได้เปรียบอย่างมากจากการอยู่ในที่ลับ พวกเขาไม่เร่งโจมตีวังมังกรทะเลประจิม แต่กลับกำลังยืมมือกองทัพกบฏเผ่าทะเล และกลุ่มปีศาจที่ถูกย้ายไปในภายหลังเพื่อเป็นการทดสอบพลังและความอดทนของเผ่ามังกรอย่างต่อเนื่อง
หลี่ฉางโซวทำได้เพียงคาดเดาคร่าวๆ ว่าอีกฝ่ายอาจจะลงมือโจมตีอย่าง อาจเร็วถึงภายในสามปี หรือนานถึงร้อยปี และพวกเขาย่อมจะมีวิธีตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างแน่นอน
วิธีการนั้นจะเป็นอย่างไร?
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็คิดว่าพวกเขาจะเริ่มจากศาลสวรรค์ เผ่ามังกร และสำนักเทพทะเลทักษิณอย่างแน่นอน
ไม่นานนัก หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่า เขาคิดมากเกินไป อันที่จริง… เขาถึงกับผมร่วงไปสองสามเส้น[2]ด้วยซ้ำ!
เพราะในท้ายที่สุด นี่คือการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณทักษิณ ซึ่งสร้างชื่อให้กับตัวเขาเอง แล้วไปเกี่ยวอะไรกับหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์สำนักตู้เซียนเล่า?
“ชีวิตนี้ช่างน่าวิตกนัก”
ขณะที่เขากำลังจะวิเคราะห์ถึงทางหนีทีไล่ของสำนักบำเพ็ญประจิมต่อไป เขาก็พบว่า หลิงเอ๋อร์กำลังรีบบินมาจากทิศทางของยอดเขาพิชิตสวรรค์และมาถึงด้านนอกค่ายกลหลักของหอโอสถแล้ว
เขาเปิดช่องทางพิเศษสำหรับน้องสาวและปล่อยให้หลิงเอ๋อไปถึงห้องยาอย่างปลอดภัย และร่างกายของหลี่ฉางโซวก็เจาะออกมาจากห้องลับใต้ดินด้วย
เขาเปิดใช้ช่องทางพิเศษสำหรับศิษย์น้องหญิงน้อยและปล่อยให้หลิงเอ๋อร์ไปถึงหอโอสถได้อย่างปลอดภัย จากนั้น ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วก็โผล่ออกมาจากห้องลับใต้ดิน
“ไยเจ้าถึงรีบร้อนเช่นนี้ ขนาดนั้น?”
หลิงเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ท่านปรมาจารย์ใหญ่กำลังตามหาท่านด้วยท่าทางกังวลยิ่ง!”
“นางบอกหรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”
“ดูเหมือนว่า… จะมีบางอย่างผิดปกติในเรื่องการกลับชาติมาเกิดของอาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่ของเรา กับแดนยมโลก แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังตื่นตระหนก เวลานี้ เขากำลังอยู่ในที่พำนักหว่างฉิง!”
แม้แต่เจ้าสำนักก็ยังตื่นตระหนก?
เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ย่อมไม่สะดวกที่เขาจะใช้ร่างจำแลงของเขาไปที่นั่น เกรงว่าจะทำให้เจ้าสำนักไม่พอใจ
หลี่ฉางโซ่วจึงบอกหลิงเอ๋อร์ให้รอสักครู่ จากนั้น ร่างจริงของเขาก็บินออกมาจากกล่องตรงมุมชั้นวางตำราด้านหนึ่ง แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ร่างหลัก’ ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นควันสีเขียวพวยพุ่ง และกลับลงสู่พื้น
“นะ นี่…”
หลิงเอ๋อร์มองไปที่รูเล็กๆ ใต้เบาะรองนั่งสมาธิก่อนจะมองไปยังศิษย์พี่ที่อยู่ตรงหน้านาง
จากนั้น นางก็ถามอย่างน่าสงสารว่า “ศิษย์พี่ แล้วที่ท่านเอามือสัมผัสใบหน้าข้าเมื่อก่อนหน้านี้ ท่านก็คือร่างนั้นเช่นกันหรือ…”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “แน่นอนว่า นั่นไม่ใช่ร่างจำแลง”
“โอ้” หลิงเอ๋อร์หน้าแดง ทว่าเมื่อเทียบกับแต่ก่อน ยามนี้นางปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยและยังคุ้นชินกับมันบ้างแล้ว
………………………………………………………………..
[1] เป็นการเตือนคนว่าไม่ควรทำผิดในเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ
[2] เปรียบว่า เขามีความเครียด คิดมากจนเตรียด เวลาคนเครียดแล้วผมก็จะร่วง