ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 320 เราจะไปถึงแดนยมโลกบูรพา (2)
ตอนที่ 320 เราจะไปถึงแดนยมโลกบูรพา (2)
เรื่องราวเริ่มต้นมาจากสามขวานของเทพผานกู่ ลมปราณใสกระจ่างกลายเป็นสวรรค์ในขณะที่ความขุ่นมัวกลายเป็นปฐพี
ความขุ่นทำให้เกิดน้ำพุเหลืองเก้าชั้นและทะเลเลือดพลุ่งพล่านสูง
มีบรรพชนนาม ไป๋หมิงเหอ ซึ่งมือซ้ายถือกระบี่หยวนตู๋ และมือขวาถือกระบี่ขุมนรกอเวจี
เขามีพลังไม่แข็งแกร่งพอ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสร้างสิ่งมีชีวิตตามอย่างเทพีหนี่วา
ครั้นเมื่อต้าเต๋อโฮ่วถู่[1]ค่อยๆ วิวัฒน์สังสารวัฏขึ้นมา แม่น้ำเหลืองก็ถูกสวรรค์ปิดกั้น
นับจากนั้นเป็นต้นมา การปกครองแห่งแดนยมโลกก็ถือกำเนิดขึ้น และเหล่าอสุราที่เสื่อมสภาพไปครึ่งหนึ่งก็กวาดพัดลงไปในทะเลเลือด
นั่น…น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้น เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วก็ขี่เมฆ พาหลี่ฉางโซ่วและคนอื่นๆ บินข้ามทะเลบูรพาไปอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เห็น ‘เสาสวรรค์’ ที่สง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วตรงไปที่ด้านล่างของเสาสวรรค์
แดนยมโลกถูกฝังลึกอยู่ในโลกบรรพกาล ครั้นเมื่อต้าเต๋อโฮ่วถู่ได้วิวัฒน์สังสารวัฏหกวิถีแล้ว แดนยมโลกก็ถูกสยบเอาไว้อย่างสมบูรณ์ และเส้นทางสู่แดนยมโลกส่วนใหญ่ก็ถูกผนึกไว้
เส้นทางที่เร็วที่สุดในการไปแดนยมโลกก็เป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดเช่นกัน มันอยู่ในหุบเขาลึกใต้ทะเล ใกล้กับเสาสวรรค์ทั้งสี่ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก
นอกจากนั้น ยังมีเส้นทางเข้าและออกจากดินแดนเทวะทั้งห้า และตรีสหัสโลกธาตุสำหรับผีจากแดนยมโลก แต่ผู้ฝึกบำเพ็ญจะไม่อาจกล้ำกรายเข้าไปในเส้นทางเหล่านี้ได้ ซึ่งพวกมันทั้งหมดล้วนได้รับการคุ้มครองจากเต๋าสวรรค์
พวกเขาทั้งห้าบินไปที่เสาสวรรค์อันงดงามและมองดูกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวทะเลเบื้องล่าง
จี้อู๋โหย่วกระแอมไอสองครั้งแล้วใช้แสงเซียนห่อหุ้มพวกเขาทั้งห้า จากนั้นเขาก็ลงไปในกระแสน้ำวนด้านล่างอย่างรวดเร็ว
เขาผ่านรอยแยกทะเลลึก ผ่านทะเลสาบหินหนืด และผ่านสถานที่ที่อันเลวร้าย ก่อนจะจมลงไปในจุดที่ลึกลงไปใต้พื้นดินหลายหมื่นลี้
ต้องกล่าวว่าใน ระหว่างทาง พวกเขาได้พบกับผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์สองสามกลุ่มที่กลับมาจากแดนยมโลก พวกเขาอาจจะไปที่นั่นเพื่อส่งของขวัญและวิ่งเต้นเช่นกัน
ไม่มีอันตรายในระหว่างทาง แต่หากพวกเขาเป็นเซียนเสิ่น ก็ย่อมสามารถผ่าน “ด่านตรวจ” เหล่านั้นได้ด้วยตัวเองและไปถึงเส้นทางแคบ ๆ ที่ล้อมรอบด้วยหมอกสีเทา
มันคือเส้นทางยมโลก
หลี่ฉางโซ่วกลัวว่า จู่ๆ เขาก็จะได้รับการรู้แจ้ง เขาจึงไม่กล้ามองและคิดมากไปตลอดทางและทำเพียงแค่เจาะลงไปเส้นทางนั้นในใจ
โหย่วฉินเสวียนหย่าถามว่า “ท่านมาที่นี่หลายครั้งแล้วหรือ ศิษย์พี่?”
“ไม่” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าฝึกบำเพ็ญมาเพียงไม่กี่ร้อยปี ไม่มีเวลาเดินทางไปเที่ยวตามที่ต่างๆ มากนัก”
“เช่นนั้น…”
โหย่วฉินเสวียนหย่าจ้องมองหลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาคู่งามพลางถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่งโดยไม่เปิดปากออกมา “หากมีโอกาสในภายหน้า ท่านยินดีจะท่องเที่ยวไปกับเสวียนหย่าหรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
นี่คือการเกี้ยวหรือไม่?
จู่ๆ ก็สารภาพรัก?
จากบทสรุปสิบแปลกของเขาเกี่ยวกับตัวตนของโหย่วฉินเสวียนหย่า หลี่ฉางโซ่วก็อดจะคิดไร้สาระ และสงสัยไม่ได้ว่า นางเป็นหุ่นเชิดหรือไม่!
โชคดีที่โหย่วฉินเสวียนหย่ารู้ตัวได้ทันว่า นางดูรุกมากไปเล็กน้อยเมื่อกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของนางพลันแดงก่ำและรีบชี้แจงอย่างตื่นตระหนกในทันทีด้วยเสียงอ่อนโยนที่สะท้อนผ่านไปในแสงเซียน
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว… ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหาได้มีความคิดไม่เหมาะสมกับศิษย์พี่! แต่เพียงแค่อยากเดินทางไปกับท่านเพื่อเปิดหูเปิดตา หยั่งรู้ และฝึกฝนเท่านั้น!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มขื่นในใจ
ถูกต้อง นี่แหละ ศิษย์น้องหญิงตัวอันตรายที่ข้าคุ้นเคยจริงๆ
ในเวลานี้ มีดวงตาทั้งสามคู่มองข้ามมาจากด้านหน้า ชายสองคนยิ้มอย่างรู้ทัน และเจียงหลินเอ๋อร์ ซึ่งรู้สึกหงุดหงิดและวิตกกังวลเล็กน้อยอยู่แล้วก็อดจะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้
คู่แข่งที่แข็งแกร่งของหลิงเอ๋อร์น้อย?
ดูเหมือนว่านางจะเป็นภัยคุกคามต่อหลิงเอ๋อร์มากกว่าเสี่ยวจิ่ว! ไฉนศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยในรุ่นนี้ ถึงมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกันเช่นนี้? เจียงหลินเอ๋อร์ถอนหายใจในใจ ในขณะนี้ นางไม่มีอารมณ์จะสนใจเรื่องเหล่านั้นเพราะยังกังวลในเรื่องของว่านเจียงอวี่…
จี้อู๋โหย่วเคยไปที่แดนยมโลก และเขาก็คุ้นเคยกับมันมากจริงๆ
บนเส้นทางแคบนั้น จี้อู๋โหย่วได้กดมือซ้ายลง และหมอกที่บริสุทธิ์และเยียบเย็นก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แล้วก่อตัวเป็นเมฆสีเทาเพื่อรองรับพวกเขาทั้งห้า
จากนั้น พวกเขาก็บินต่อไปตามเส้นทางแคบๆ นั้น
ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาก็บินออกจากหมอกไร้ที่สิ้นสุด บัดนี้ ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยภูเขาสีดำอันตระหง่านงาม
รูปร่างของภูเขาเป็นเหมือนอนุสาวรีย์หิน มันมีหินสีดำที่แข็งแกร่งอยู่บนนั้น ซึ่งลงอักขระสีแดงเลือดที่ซับซ้อนสามคำอยู่บนนั้นด้วย…
จี้อู๋โหย่วกล่าวอย่างสงบว่า “บัดนี้ พวกเรามาถึงทางตะวันออกของแดนยมโลกแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วแอบถอนหายใจกับตัวเอง
ในขณะนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนได้มาถึงป้ายรถประจำทางในชีวิตก่อนหน้านี้
โชคดีที่เจ้าสำนักไม่ได้กล่าวว่า “โปรดตอกบัตรของท่านเมื่อขึ้นรถด้วย” ไม่เช่นนั้น ก็อาจจะกดออดแล้วลงไม่ได้
เมื่อตุ๊กตากระดาษมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วมาถึงแดนยมโลก…
ที่หน้าประตูบูรพาแห่งศาลสวรรค์ ทหารสวรรค์นับพันที่ยืนเฝ้าประตูล้วนถือทวนยาวขณะมองไปที่เส้นทางเมฆซึ่งอยู่ไม่ไกล
มีชายชราสองสามคนกำลังล้อมรอบนักพรตเต๋าหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง พวกเขากำลังพูดคุยถึงเรื่องบางอย่าง แต่ดวงตาของนักพรตเต๋าหนุ่มเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขณะที่ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
“ประมุขหอน้อย ท่านยังมีหอเทียนหยาให้ต้องดูแล แล้วไฉนถึงอยากมาเป็นทหารในศาลสวรรค์ขอรับ!?!”
“ถ้านายหญิงผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้ นางย่อมจะเสียใจยิ่งนัก!” “ศาลสวรรค์มีอะไรดี? ขอเพียงท่านฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในภายหน้า ท่านย่อมจะเพาะผลเต๋าและสืบทอดกิจการของตระกูลได้อย่างแน่นอนขอรับ!”
“พอแล้ว!”
เปี้ยนจวงตวาดเบา ๆ แล้วมองขึ้นไปที่เสาหยกสีขาวของประตูสวรรค์ ซึ่งลงสลักด้วยเมฆมงคลมากมายด้วยดวงตาที่ฉายแสงสุกสกาวดุจดวงดาวในขณะที่กล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการจำเจอยู่กับชีวิตการฝึกฝนซ้ำซาก! เต๋าที่จัดไว้ให้ข้า หาใช่เต๋าของข้าไม่ เต๋าของข้าย่อมอยู่ใต้เท้าของข้า ข้าต้องก้าวไปข้างหน้า! ความฝันของข้าอยู่ที่ศาลสวรรค์แห่งนี้!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนตกตะลึงกับคำพูดเหล่านั้นทันที ชั่วขณะนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรในขณะที่เปี้ยนจวงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าและมาถึงหน้าประตูของศาลสวรรค์อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคำพูดของเปี้ยนจวง เหล่าทหารสวรรค์ล้วนเผยสีหน้าประทับใจยิ่ง!
นักพรตเต๋าหนุ่มผู้นี้ ช่างมั่นใจในการแสวงหาความเป็นอมตะที่สูงส่งอะไรเช่นนี้! แม่ทัพสวรรค์ในศาลสวรรค์ต่างมองกันและกันด้วยดวงตาเป็นประกาย
หรือว่า ผู้เปี่ยมพรสวรรค์กำลังจะมาถึงศาลสวรรค์?
ในขณะนั้น ชายชราผู้หนึ่งก็อดจะถอนหายใจไม่ได้
“ประมุขหอน้อย! ความฝันเยี่ยงใดกันนั่น !?”
บัดนั้น ดวงตาของเปี้ยนจวงเต็มไปด้วยความปรารถนาขณะกล่าวออกมาว่า “เทพธิดาผู้นั้นคือความฝันของข้า! และมีเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้นที่ข้าจะไล่ตามความฝันนั้นได้! ”
“ความฝันของท่านก็เปลี่ยนไปทุกๆ สองสามปี! มีสตรีมากมายในหอเทียนหยา ซึ่งนายหญิงย่อมช่วยให้ฝันของท่านเป็นจริงได้ไม่ใช่หรือขอรับ!?!”
“ประมุขหอน้อย หากท่านพูดออกมา ท่านก็มีความฝันมากมาย! และยังมีความฝันหลายประเภทอีกด้วย ซึ่งจะไม่มีซ้ำกันเลยอย่างแน่นอน!”
เอ่อ…
เหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ล้วนนิ่งอึ้งตะลึงงันขณะที่มีเส้นสายสีดำปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผาก
ในขณะนั้น แม่ทัพสวรรค์ก็กลอกตาแล้วสั่งทหารสวรรค์ที่อยู่หน้าประตูสวรรค์ทันที
ทว่าเขาเห็น เปี้ยนจวงไม่ได้หันหน้าไปทางประตูบูรพา
เขาก้มหน้าและประสานมือคารวะพลางร้องตะโกนออกมาว่า “ข้า ผู้ฝึกบำเพ็ญเปี้ยนจวง ในวันนี้ ข้ามาที่ศาลสวรรค์โดยเฉพาะ!”
“ไสหัวไปให้ไวๆ!”
ทันใดนั้น เหล่าทหารสวรรค์ก็ร้องตะโกนออกไปพร้อมๆ กัน
………………………………………………………………..
[1] ผู้ทรงคุณธรรมโฮ่วถู่หรือ คือ โฮ่วถู่เหนียงเหนียง ราชินีแห่งแผ่นดินหรือเทพมารดาแห่งแผ่นดิน (บางตำนานว่ากันว่า ทรงอวตารแยกจากเทพีหนี่วานั่นเอง)