ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 339 คำที่ข้าเคยคุยโวเอาไว้ก่อนหน้านี้ วันนี้...(1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 339 คำที่ข้าเคยคุยโวเอาไว้ก่อนหน้านี้ วันนี้...(1)
ตอนที่ 339 คำที่ข้าเคยคุยโวเอาไว้ก่อนหน้านี้ วันนี้…(1)
‘ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดจริงๆ’
หลี่ฉางโซ่วมองไปยังอาจารย์ลุงที่อยู่ตรงหน้าเขา และรู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกไปชั่วขณะ
เขาคิดมานานแล้วว่าอาจารย์ลุงจ้าวกงหมิงย่อมจะเอาชนะปัญหายากลำบากทั้งหมดและมาร่วมงานด้วย แต่ยังคงหวังว่าจะโชคดี เขารู้สึกว่า หากเขาไม่ได้เชิญอาจารย์ลุงจ้าว อาจารย์ลุงจ้าวก็อาจจะคิดถึงศักดิ์ศรีของเขาเช่นกัน ดังนั้น…
ความจริงแล้ว หลี่ฉางโซ่วยังคงคาดการณ์บางอย่างเอาไว้อยู่เสมอ
เมื่อบรรดาเซียนหลายสิบคนกล่าวว่าพวกเขาจะมาร่วมงาน หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่าข่าวอาจไปถึงหูของท่านลุงจ้าว เขาตั้งใจไม่เชิญท่านลุงจ้าว และยังคิดจะหยุดการพัฒนาความสัมพันธ์ “สหายเก่า” ระหว่างคนทั้งสอง
ไม่คิดว่า ท่านลุงจ้าวจะให้ความสำคัญกับมิตรภาพของพวกเขามากอย่างจริงจังมากจนมาโดยไม่ได้รับเชิญทันที!
“ท่านปรมาจารย์ แค่กๆ ท่านผู้อาวุโส โปรดนั่งลงก่อนเถิดขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเพียงท่านเท่านั้นที่ข้าไม่ได้เชิญ เหตุผลหลักเป็นเพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผู้อาวุโสเป็นศิษย์ชั้นนอกคนโตของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แล้วผู้น้อยคนนี้จะไปขอรบกวนให้ท่านไปปรากฏตัวเพราะงานพิธีเฉลิมฉลองในครั้งนี้ได้อย่างไร? หาไม่แล้ว จะไม่เป็นการหมิ่นท่านผู้อาวุโสด้วยการกระทำเช่นนั้นหรือขอรับ?
“โอ้?” จ้าวกงหมิงกะพริบตาพลางลูบเคราแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเช่นนั้นเองหรือ?”
“แน่นอนขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “สำหรับผู้น้อยแล้ว ท่านผู้อาวุโสมีความสำคัญยิ่งขอรับ!”
จ้าวกงหมิงยิ้มพลางส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “เจ้าฝึกฝนฝีปากของเจ้าจนเก่งกาจจริงๆ!”
โชคดีที่เขาไม่ได้กล่าวว่า ข้าได้รับพร…
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เชิญจ้าวกงหมิงให้นั่งลงบนเก้าอี้กลมข้างๆ เขา
ทันใดนั้น ก็มีชายร่างแข็งแกร่งกำยำผู้หนึ่ง รีบวิ่งไปให้บริการน้ำชา ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของสำนักเทพทะเลเช่นกัน
“น้องชาย งานพิธีเฉลิมฉลองของเจ้าในครั้งนี้เพื่ออะไรหรือ? ”
จ้าวกงหมิงถามคำถามพลางถือถ้วยชาในมือขณะกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปทั่วชายฝั่งทะเลทักษิณและเห็นเหล่าฝูงชนที่มารวมตัวกัน “อาจง่ายนักที่จะเชิญบรรดาเซียนจากทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าให้มาร่วมชมพิธีเช่นนี้”
หลี่ฉางโซ่วระมัดระวังเล็กน้อย…
วันนี้ เหตุใดอาจารย์ลุงจ้าวจึงดูมีอะไรผิดปกติ?
เขาคิดว่า มันดูผิดวิสัยของเทพแห่งความมั่งคั่ง
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้น้อยปิดเรื่องบางอย่างเอาไว้ ทำให้ท่านสงสัยในเรื่องนี้ ความจริงแล้ว วันนี้มีบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้น้อยกำลังวางแผนไว้อยู่ จึงอยากเชิญบรรดาเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญมาร่วมชมพิธีเพื่อเพิ่มความสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเผ่ามังกรอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยพลางส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าเกรงว่าเมื่อท่านมา จะทำให้เผ่ามังกรหวาดกลัว”
“เอ่อ นี่…”
จ้าวกงหมิงรู้สึกสับสนขณะกระซิบว่า “เช่นนั้น ข้าแอบกลับไปอย่างลับๆ ไม่ได้หรือ?”
“ท่านจะจากไปหลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นแล้วได้อย่างไร?” หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวต่อว่า “เมื่อผู้อาวุโสมาที่นี่ในวันนี้ ข้าก็สบายใจขึ้นมาก และไม่กลัวว่าจะมีพวกโจรชั่วร้ายมาก่อปัญหาใดๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวกงหมิงก็เหยียดยืดหลังตรงและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าจะคอยดูว่าวันนี้จะมีหน้าไหนกล้ามาทำร้ายและทำลายงานของเจ้า!”
แต่จ้าวกงหมิงก็เปลี่ยนน้ำเสียงและกล่าวอย่างเคร่งขรึมทันทีว่า “น้องชาย เจ้าเอาแต่เรียกข้าว่า ผู้อาวุโสๆ มันไม่ฟังดูเหินห่างเกินไปหรือ?!”
“ผู้อาวุโส นี่… เอาเถิด เช่นนั้น ผู้น้อยขอบังอาจเรียกท่านว่าพี่จ้าว ”
“ฮ่าๆๆๆ!”
จ้าวกงหมิงปรบมือและหัวเราะทันที “น้องชายเทพทะเล! ในบรรดาเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญนี้ ข้าถูกใจเจ้ามากที่สุด! ”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเขาหรือไม่?
โชคดีที่หนึ่งในสิ่งที่หลี่ฉางโซ่วเก่งที่สุด ก็คือการเบนเบี่ยงเลี่ยงประเด็น
เขาถามถึงสถานการณ์ล่าสุดของจ้าวกงหมิงและถามว่ามีปรมาจารย์สำนักบำเพ็ญประจิมคนใดบ้างที่ทำให้เขารู้สึกหนักใจก่อนจะเบี่ยงประเด็นมาสู่การประดิษฐ์ตัวอักษร
จากนั้น ทั้งสองจึงจัดโต๊ะและกางผ้าออก คนหนึ่งมีรูปแบบการประดิษฐ์ตัวอักษรได้งดงาม ส่วนอีกคนหนึ่งก็มีรูปแบบการประดิษฐ์ตัวอักษรที่ดูเรียบเนียนไหลลื่น
ในขณะนั้น ก็มีเสียงหัวเราะรื่นเริงสนุกสนานที่ห้องโถงหลังของวิหารเทพทะเล ฟังดูเหมือนพวกเขาสนิทสนมกันจริงๆ
จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์พี่หวงหลงก็มาด้วยหรือ?”
ทันทีที่จ้าวกงหมิงกล่าวจบ ก็มีกระแสแสงสีเหลืองดินสาดประกายข้ามแผ่นฟ้ายามราตรี จากนั้นร่างสูงและผอมบาง สวมชุดคลุมสีเหลืองอ่อน มีปิ่นเต๋ารวบผมอยู่บนศีรษะ ก็ได้มาถึงหน้าประตูแล้ว แม้เขาจะดูชรา แต่ก็ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่นใด ๆ และยังถือได้ว่าเขาเป็นผู้ชราหน้าเด็กที่มีแก้มแดง ใบหน้าสดใส อ่อนวัย แต่มีเส้นผมสีขาว
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เป็นธรรมดาที่ข้าต้องเรียนผู้อาวุโสหวงหลงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรขอรับ”
“ใช่แล้ว เจ้าคิดได้ถูกต้องแล้ว” จ้าวกงหมิงตอบพลางแย้มยิ้มแล้วก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อทักทายเขา เขาดูเป็นเหมือนเจ้าภาพมากกว่าหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังโชคดีที่อาจารย์ลุงจ้าวไม่ได้นอนลงและถามเขาว่า ‘ในเมื่อเจ้าเชิญเขามา แล้วเหตุใดถึงไม่เชิญข้าด้วย? เจ้าไม่ให้เกียรติข้าหรือ?!’…
เมื่อคิดถึงภาพนั้นแล้ว ก็ทำให้หลี่ฉางโซ่ววุ่นวายใจ
ครั้นเมื่อหวงหลงเจินเหรินมาถึง ห้องโถงด้านหลังก็มีชีวิตชีวามากขึ้น
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเมฆขาวซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาผู้คนมากถึงหกสิบหรือเจ็ดสิบคน ลอยมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้!
ในบรรดาหกเซียนที่อยู่ข้างหน้า หลี่ฉางโซ่วรู้จักเพียงสามคนเท่านั้น คนหนึ่งคือ จักรพรรดิสวรรค์ ฉินหว่าน อีกคนหนึ่งคือ เทพธิดาจินกวงซึ่งมาที่นี่ครั้งล่าสุด ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือ ไป๋หลี่ หนึ่งในสิบจักรพรรดิสวรรค์ ซึ่งเขาเคยพบในวังมังกรครั้งล่าสุด
นอกจากนี้ยังมีเทพธิดาสตรีที่มีเรือนร่างเพรียวบาง สวมชุดกระโปรงยาวสีแดง คาดว่า น่าจะเป็นเทพธิดาหั่วหลิงที่อ๋าวอี่กล่าวถึง…
บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยว่างกันจริงๆ หรือ?
หรือยังเป็นธรรมเนียมของเกาะเต่าทองที่หากเรียกไปในงานกินโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ทุกคนก็จะมากันทันที?
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากเบาๆ แล้วเผยรอยยิ้มจริงใจทันที จากนั้นก็ก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว แล้วขี่เมฆออกไปต้อนรับพวกเขา
จ้าวกงหมิงกระแอมไอในลำคอแล้วยืนไพล่มือไว้ข้างหลังก่อนจะเดินไปที่ห้องโถงด้านหลัง พร้อมเผยรอยยิ้มบาง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวงหลงเจินเหรินก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับแล้วเดินไปที่มุมห้องโถงด้านหลัง จากนั้นก็หยิบยันต์หยกออกมา แล้วกล่าวอะไรบางอย่างกับยันต์หยกเบาๆ
ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วให้ความสนใจกับทางด้านนี้ เขาจึงได้ยินไม่ชัดเจนนัก…
“เอาล่ะ น้องชาย โปรดเรียกมาอีกสักหน่อย ที่นี่มีผู้คนมากมาย… อืม ใช่ เราจะทำให้ความยิ่งใหญ่แห่งวังอวี้ซวีของเราด้อยลงไม่ได้… ได้ ได้ มาให้เร็วที่สุด…”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงันทันที
ท่านอยากแข่งจำนวนคนในเรื่องนี้กันด้วยหรือ?
คงจะดีหากเป็นการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ซึ่งนับเป็นงานใหญ่ของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยและสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานล้วนแสดงออกว่าพวกเขาต่างไม่ยอมแพ้กันและยังต่างต้องการกดหัวอีกฝ่าย ซึ่งก็สมเหตุสมผล
วันนี้ เขา เจ้าสำนักเทพธูป[1] เป็นเจ้าภาพงานเฉลิมฉลอง แล้วเหมาะหรือที่จะมีคลื่นมหาศาลของบรรดาเซียนจากทั้งสองฝ่ายปรากฏขึ้นมา?
แค่กๆ คลื่นหนึ่งคือ จำนวนคนโดยรวมที่มาที่นี่
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงต้อนรับบรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยทั้งหมดและรีบเชิญให้พวกเขาเข้าไปในวิหารเทพทะเลเท่านั้น
เมื่อพวกเขาเห็นจ้าวกงหมิง เหล่าเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยก็ตกตะลึง และรีบไปทักทายเขา ภาพเหตุการณ์นั้นดูครึกครื้นรื่นเริงอย่างยิ่ง
หลี่ฉางโซ่วยังสังเกตเห็นเทพธิดาจินกวงเป็นพิเศษและพบว่าสตรีผู้นี้น่ารักยิ่ง นางมองอาจารย์ลุงจ้าวด้วยดวงตาสดใสยิ่งนัก
ทว่าเทพธิดาจินกวงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นางเพียงแค่เรียกศิษย์พี่จ้าวอย่างชัดเจนง่ายๆ ก่อนจะเดินตามศิษย์พี่คนโตฉินหว่าน และนั่งลงข้างๆ เขา
เมื่อหลี่ฉางโซ่วออกไปต้อนรับ ทันใดนั้น ก็มีชายร่างใหญ่กำยำกลุ่มหนึ่งนำเก้าอี้มาให้นั่งและนำน้ำชามาให้บริการ
แม้บรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ แต่เมื่อได้พบหลี่ฉางโซ่ว พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนกล่าวแสดงความยินดีกับหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วทำอะไรไม่ถูก นอกจากทำได้เพียงกล่าวขอบคุณพวกเขากลับไปเท่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้น หัวหน้าหมู่บ้านสง และผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทพทะเลที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมหนังหมีก็เร่งรีบเข้ามาและกระซิบเบาๆ
………………………………………………………………..
[1] คือสำนักที่ได้บุญจากการได้รับเครื่องสักการะจากสานุศิษย์