ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 341 รูปแบบใหม่ของความบันเทิงแห่งโลกบรรพกาล (1)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 341 รูปแบบใหม่ของความบันเทิงแห่งโลกบรรพกาล (1)
ตอนที่ 341 รูปแบบใหม่ของความบันเทิงแห่งโลกบรรพกาล (1)
อันใดกัน เกิดเรื่องอันใดกัน?
เมื่อหลี่ฉางโซ่วพยุงอ๋าวอี่เอาไว้ได้แล้ว ร่างมังกรของอ๋าวอี่ก็ตะลึงงันแข็งค้างไปทั้งร่าง
ผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องโถงด้านหลังนั้น คือ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ผู้ที่เคยปรากฏตัวในทะเลทักษิณ!
จ้าวกงหมิงทางซ้าย ฉือจิ่งจื่อทางขวา ยังมีหวงหลงเจินเหริน จักรพรรดิสวรรค์ฉินหว่าน จักรพรรดิสวรรค์ไป๋หลี่…พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ทรงพลังแข็งแกร่งของแต่ละสำนักในทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า!
พวกเขาทั้งหมดล้วนไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นสหายสนิทกัน!
แม้จะมีปรมาจารย์ในสามสำนักบำเพ็ญเต๋ามาถึงไม่มากนัก กล่าวตามตรงก็คือ มีศิษย์ของจอมปราชญ์เทพเพียงสี่หรือห้าคนเท่านั้น ทว่าคนเพียงไม่กี่คนเหล่านี้ ล้วนเป็นคนสำคัญอย่างยิ่ง และทรงอำนาจมากจริงๆ!
ในชั่วขณะนั้น อ๋าวอี่ก็รู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นน้องชายของศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขาเอง เขาเป็นองค์ชายรองแห่งวังมังกรและเซียนเสิ่นตัวเล็กๆ แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
เขาทำให้ศิษย์พี่เจ้าสำนักต้องอับอายขายหน้าจริงๆ!
ทว่าอ๋าวอี่ได้ยินเสียงตักเตือนเล็กน้อยว่า “พี่อี่ เหตุใดจึงเพิ่งมาถึงที่นี่ตอนนี้?
อ๋าวอี่เงยหน้ามองขึ้นไปที่ร่างจำแลงตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว และขณะที่กำลังจะเอ่ยออกไป เขาก็ได้ยินข้อความเสียงของหลี่ฉางโซ่ว
“ใจเย็น ๆ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะก่อน แล้วค่อยเชิญเหล่าผู้อาวุโสมังกรดื่มชา ”
อ๋าวอี่รีบพยักหน้าหงึกหงักพลางก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะจ้าวกงหมิง จากนั้นก็โค้งคารวะให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แล้วหันกลับมาคารวะผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่สองสามคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน
หนุ่มน้อยรูปงามที่มีเขาบนศีรษะผู้นี้ ก้มซ้ายย้ายขวาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งในขณะที่ยังคงตะโกนเรียกอาจารย์ป้าและอาจารย์ลุงต่อไปไม่หยุดจนสะดุดตาให้ผู้คนสนใจและหันไปมองดูเขา…
พวกเขาแค่อยากยัดซองแดงสักสองสามซองให้ตรงนั้น
ในขณะนั้น ฉินหว่านก็แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่คือ ผู้ฝึกบำเพ็ญบนเกาะเต่าทองของข้า ศิษย์ของ เซียนใหญ่อู้หยุน และยังเป็นองค์ชายรองแห่งวังมังกรบูรพา นามว่า อ๋าวอี่”
ทันใดนั้น เหล่าเซียนจากจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานต่างก็พากันชื่นชมอ๋าวอี่ที่น่ารักและมีมารยาทดีในขณะที่สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยชื่นชมอ๋าวอี่ที่รูปงามหล่อเหลาและมีรากฐานมั่นคงจนทำให้อ๋าวอี่ขัดเขินเล็กน้อย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพลันกล่าวว่า “อ๋าวอี่ ก้าวออกมาข้างหน้าเถิด”
“ขอรับ” อ๋าวอี่ รีบก้าวออกไปข้างหน้าและโค้งคารวะให้เฉกเช่นศิษย์คารวะอาจารย์
จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็หยิบขวดหยกออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะวางไว้ในมือของอ๋าวอี่ แล้วกล่าวพลางแย้มยิ้มว่า “ข้ารู้ว่า เจ้าไม่ขาดแคลนสมบัติมังกร แต่นี่คือ โอสถวิญญาณเพิ่มฐานพลังที่ไท่ชิงได้หลอมขึ้นมาเอง ทั้งยังเป็นของหายากอีกด้วย เจ้าเป็นรองเจ้าสำนักของฉางเกิง และผู้พิทักษ์แห่งสำนักเทพทะเล จึงไม่ควรละเลยเรื่องการฝึกบำเพ็ญ”
ในขณะนั้น อ๋าวอี่ระงับความตื่นเต้นในใจและกล่าวขอบคุณปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่มอบของขวัญให้
หลี่ฉางโซ่วมองดูจากด้านข้างเล็กน้อยในขณะที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็หรี่ตาลงพลางหัวเราะเบาๆ พร้อมกับแสร้งทำเป็นไม่เห็นมัน
บรรดาเซียนของทั้งสองฝ่ายล้วนไม่โง่เขลา แม้พวกเขาจะไม่รู้เรื่องราวภายในของสำนักเทพทะเล ครั้นเมื่อเห็นอ๋าวอี่และเผ่ามังกร และเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างอ๋าวอี่กับสำนักเทพทะเลแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ก็กระจ่างแล้วว่า เหตุใดเทพแห่งท้องทะเล นักพรตเต๋าฉางเกิง จึงเชิญบรรดาเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋ามาร่วมชมงานพิธีนี้
พวกเขาคิดว่าเขาน่าจะพยายามทำให้เผ่ามังกรผู้หยิ่งผยองตกตะลึง
ไม่นานหลังจากนั้น อ๋าวอี่ก็เชิญผู้อาวุโสเผ่ามังกรสองสามคนไปพักผ่อนที่มุมห้องโถงด้านหลัง
ผู้อาวุโสเผ่ามังกรเหล่านี้ล้วนสงบยิ่ง เพราะในท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นคลื่นลมรุนแรงมาทุกอย่าง[1]แล้ว จึงไม่มีปฏิสัมพันธ์อันใดกับบรรดาเซียนของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าและยังคงรักษาศักดิ์ศรีและความหยิ่งยโสของเผ่ามังกรเอาไว้
ก่อนการมาถึงของคลื่นระลอกที่สองของ “การเชิญผู้คน” จากทั้งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แขกก็ใกล้จะเต็มพื้นที่ที่นั่นแล้ว.
หลี่ฉางโซ่วคำนวณเวลา และเมื่อพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก เขาก็นำแท่นทะยานเมฆทั้งหกแห่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือวิหารเทพทะเล
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยืนขึ้นพลางยิ้มและกล่าวว่า “ทุกคน มาดูกันเถิดว่าฉางเกิงเตรียมอะไรไว้บ้าง”
จากนั้น บรรดาเซียนของทั้งสองสำนักบำเพ็ญเต๋าต่างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ตามหลังปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู พวกเขาลอยออกไปจากสถานที่แห่งนี้และไปนั่งบนแท่นทะยานเมฆ
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู จ้าวกงหมิง ฉือจิ้งจื่อ หวงหลงเจินเหริน สิบจักรพรรดิสวรรค์ และ เทพธิดาหั่วหลิง ทั้งหมดนี้ หลี่ฉางโซ่วได้จัดวางที่นั่งไว้บนแท่นทะยานเมฆเดียวกัน
บรรดาเซียนคนอื่น ๆ จะนั่งตามฝ่ายของพวกเขา และผู้อาวุโสเผ่ามังกรก็ครอบครองแท่นทะยานเมฆเดียวกันเช่นกัน
แม้จะเทียบกับความเอิกเกริกและงานวิวาห์ยิ่งใหญ่อลังการของเผ่ามังกร สำนักเทพทะเลจะทำได้…ดูเหมือนว่า จะกระจอกไปสักหน่อยจริงๆ
แต่เมื่อหกแท่นทะยานเมฆบินออกจากเมืองอันสุ่ย ภาพวิจิตรตระการตาแห่งทะเลผู้คนด้านล่างก็ดูน่าประทับใจอย่างยิ่งเช่นกัน
ในเวลานั้น เมฆขาวทั้งหกก้อนกำลังโบยบินไปในขณะที่มีแสงเซียนสาดส่องไปโดยรอบหมู่เมฆนั้น และยังมีเงาของผู้คนพร่างพราวในขณะที่บรรดามนุษย์ด้านล่างล้วนร้องตะโกนนามของเทพแห่งท้องทะเลและเหล่าเซียน เสียงของพวกเขาดังสนั่นราวกับภูเขาและคลื่นยักษ์!
ในเวลาไม่นาน เมฆขาวทั้งหกก็หยุดอยู่ตรงหน้าแท่นสูง ในตำแหน่ง ‘การชม’ ที่ดีที่สุดตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดคำนวณเอาไว้
ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าปรมาจารย์เผ่ามังกรหลายร้อยคนก็มาถึง แล้วนั่งอยู่บนก้อนเมฆข้างๆ แท่นทะยานเมฆ พวกเขาส่วนใหญ่จับตามองดูปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู จ้าวกงหมิง และปรมาจารย์สำนักบำเพ็ญเต๋าคนอื่นๆ อย่างสงสัยใคร่รู้…
พวกเขาไม่ต้องการยอมจำนน แต่ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น
หลี่ฉางโซ่วใช้ดินและหินสร้างแท่นสี่เหลี่ยมนี้ให้สูงสิบจั้ง แท่นนั้นมีขนาดกว้างยาวยี่สิบจั้งและ มีขั้นบันไดกว้างถึงสามด้าน
ด้านใต้ของแท่นสูงมีกระจกสีทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงกฎที่ซับซ้อน ซึ่งไม่รู้ชัดนักว่ามันมีไว้เพื่อประโยชน์อะไร
เทพแห่งท้องทะเล… กำลังทำอันใด?
บรรดาเซียนจากทั้งสองสำนักบำเพ็ญเต๋านั้น รู้สึกไม่เข้าใจชัดเจนนัก และเผ่ามังกรก็สงสัยใคร่รู้เช่นกัน
“ฉาง…เกิง?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเรียกหลี่ฉางโซ่วซึ่งกำลังยืนอยู่หลังแท่นสูง และให้คำชี้แนะแก่นักดนตรีหญิงหลายคนฟังแล้วรีบบินขึ้นไปบนเมฆ
“ศิษย์อยู่นี่แล้วขอรับ”
“นี่เจ้าคิดจะทำอันใด?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าจะแสดงธรรมกถาที่นี่ หรือ เจ้าคิดจะเผยแผ่หลักคำสอนของสำนักเทพทะเลให้เหล่ามนุษย์?”
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ผู้นี้จะกล้าแสดงธรรมกถาเหล่าต่อหน้าปรมาจารย์มากมายได้อย่างไร? และหลักคำสอนของสำนักเทพทะเลก็มีไว้เพื่อส่งเสริมให้มนุษย์ทำความดีเท่านั้น วันนี้มีงานรื่นเริง ดังนั้นศิษย์จึงเตรียมการร่ายรำเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายของเหล่าผู้อาวุโสและสหายเต๋าเป็นพิเศษ และยังมอบรางวัลตอบแทนให้กับบรรดาสานุศิษย์ผู้ติดตามสำนักเทพทะเลด้วยขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูเริ่มสนใจในทันที “เจ้ายังรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยหรือ?”
“พอรู้เรื่องเล็กน้อยขอรับ” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางกล่าวต่อว่า “ศิษย์จะลงไปเตรียมการให้พร้อมเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงกล่าวว่า “ไปทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำเถิด ข้าจะช่วยเจ้าดูแลสร้างความความเพลิดที่นี่ให้เอง”
บรรดาเซียนบนแท่นทะยานเมฆของทั้งสองฝ่ายรีบส่งเสียงกล่าวอย่างรวดเร็ว พวกเขาทุกคนล้วนบอกว่าไม่ต้องห่วง พวกเขาทำเองได้
จะให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ให้บริการชาและน้ำหรือ?
นั่นเป็นกฎการเป็นเจ้าภาพซึ่งอาจมีเพียงที่วังเมฆม่วงเท่านั้น!
หลี่ฉางโซ่วบินลงมาและยังคงยุ่งอยู่ ในฐานะ ‘ผู้กำกับการแสดงสด’ เขายังคงต้องคอยให้คำแนะนำในสถานที่ทันที…
ในไม่ช้าก็มีชายร่างใหญ่กำยำหลายสิบคน ถือกลอง กู่ฉิน ผีผา[2] และเครื่องดนตรีอื่นๆ มาวางไว้ที่มุมทั้งสองด้านทางทิศใต้ของแท่นสูง
ทันทีหลังจากนั้น บรรดาชายร่างกำยำกลุ่มนี้ก็ยืนอยู่กลางแท่นสูงแล้วไขว้หมัดไว้ที่หน้าอกขณะที่พวกเขาอยู่ในตำแหน่ง แม้ภายนอกแล้ว จะดูสงบ แต่จริงๆ แล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังส่งข้อความเสียงออกไปไม่หยุด…
“ใส่ใจสีหน้าให้ดี พวกเจ้าต้องยิ้มแย้ม ยิ้มแย้ม และคิดถึงสิ่งที่มีความสุขหลังจากนี้! ”
“คนที่อยู่มุมหลัง หลุดตำแหน่งไปเล็กน้อยแล้ว ยืนชิดไปทางซ้ายสักสามชุ่น! ”
“ต้องจำไว้ว่า ให้เหมือนในการฝึกครั้งก่อน ต้องใช้แรงให้พอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป พวกเจ้ากำลังเต้นรำ ไม่ใช่ต่อสู้กับหมู่บ้านใกล้เคียง!”
มีนักดนตรีอีกสองสามคนขึ้นมาบนแท่นสูง พวกเขาล้วนเป็นมนุษย์ชายหญิง กำลังนั่งเล่นเครื่องดนตรีอยู่ตรงมุมห้องต่างๆ ขณะที่หลี่ฉางโซ่วสะบัดแส้ของเขา
ในขณะนั้น กระจกสีทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ค่อยๆ สาดแสงสว่างขึ้น กฎห้ามและยันต์ต่างๆ ทั้งหมดล้วนถูกเปิดออกใช้งาน และสร้างภาพฉายบนท้องฟ้าเหนือฝูงชน
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อยๆ
ชายร่างแกร่งกำยำสี่สิบเก้าคนเข้าเรียงแถวในรูปแบบหนึ่งในขณะที่นักดนตรีทั้งสองข้างก็เอามือกดสายเครื่องดนตรีหรือหยิบขลุ่ยเซียวออกมาแล้ว
เมื่อสีทองสาดแสงขึ้นบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออก ดวงสุริยาก็ปรากฏขึ้นมาจากทะเลบูรพา และลำแสงสีทองก็เปล่งประกายบนแท่นสูง!
หลี่ฉางโซ่วตบไหล่อ๋าวอี่เบาๆ ในขณะที่อ๋าวอี่สูดลมหายใจเข้าลึกและกระโดดตรงขึ้นไปที่ตรงกลางด้านหลังของแท่นสูง จากนั้นก็ยกไม้ตีกลองขึ้นและตีกลองอย่างแรง
………………………………………………………………..
[1] มีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น ได้เห็นและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ทั้งยังเข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆ มากกว่า
[2] เป็นเครื่องดนตรีประเภทสายชนิดหนึ่งของจีน คล้ายพิณ ซึ่งเชื่อว่ามีกำเนิดมายาวนานกว่าสองพันปีแล้ว