ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 347 ศิลปะดั้งเดิมของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (1)
ตอนที่ 347 ศิลปะดั้งเดิมของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (1)
เมื่อปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และบรรดาศิษย์จอมปราชญ์เทพจากทั้งสองสำนักบำเพ็ญเต๋าหารือเรื่องเต๋ากันเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนแล้ว ก็สลายข่ายอาคมและแยกกันไป เห็นได้ว่า ประสบการณ์ “การฟังเต๋า” ของเหล่าเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยนั้น นับว่าดีทีเดียว และดูเหมือนว่า บรรดาศิษย์จอมปราชญ์เทพจากทั้งสองฝ่ายจะเคารพปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมากยิ่งขึ้น
ตามคำกล่าวที่ว่า ไม่มีลำดับอาวุโสในเต๋า ผู้แข็งแกร่งกว่า ย่อมจะเป็นราชาได้
แค่กๆ การเรียนไม่มีลำดับอาวุโสเรียนก่อน เรียนหลัง ผู้ที่บรรลุเข้าใจย่อมกลายเป็นอาจารย์ได้!
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ถือกำเนิดขึ้นจากเต๋าธรรมชาติและอิสระของเต๋าแห่งไท่ชิง ซึ่งลึกลับยิ่งจนไม่อาจอธิบายได้
เพียงแค่คำกล่าวว่า ‘จงทำตามหัวใจ แล้วเจ้าจึงจะผ่อนคลาย สบายใจไร้กังวลและสมบูรณ์แบบได้’ ทำให้ศิษย์ของจอมปราชญ์เทพที่มีขอบเขตพลังสูงอย่างกวงเฉิงจื่อต้องครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่นาน…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้กลับไปยังวังดุสิตทันที
เขาแค่บอกให้หลี่ฉางโซ่วจัดการทำพิธีให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยพบกันใหม่อีกครั้งในภายหน้า จากนั้นเขาก็ไปในที่ที่ไม่รู้จัก
ในยามนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงสามสำนักบำเพ็ญเต๋า…
คราวนี้มังกรตื่นเต้นมากจริงๆ
ในช่วงเวลาที่กรรมร้ายของเผ่ามังกรบนอ๋าวอี่สลายไป เหล่ามังกรที่จมอยู่ในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุด ก็ดูเหมือนจะคว้าฟางและมองเห็นลำแสงได้…
ในวันนั้น พวกเขาได้ส่งของขวัญมากมาย และบุตรหลานมังกรหลายคนที่อยู่ที่นั่น ต่างก็พากันเข้าแถวเพื่อก้าวออกไปข้างหน้าแล้วทำความรู้จัก คุ้นเคยกับเทพแห่งท้องทะเล
ภายใต้บัญชาของเทพแห่งท้องทะเล จะมีแม่ทัพใหญ่ที่ยอดเยี่ยมเพียงคนเดียวได้อย่างไรกัน?
อย่างน้อยๆ ก็ควรมีรองแม่ทัพใหญ่ เหล่าแม่ทัพน้อย และหัวหน้ากลุ่มสักสองสามคนด้วยใช่หรือไม่?
ด้วยตัวอย่างที่ดีเช่นอ๋าวอี่ ที่สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพแห่งท้องทะเลได้สำเร็จ พวกเผ่ามังกรจึงตื่นเต้น และอยากเกาะต้นขา[1]ของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณจริงๆ!
สำหรับเผ่ามังกรแล้ว เทพแห่งท้องทะเลทักษิณ ไม่สิ คำว่าทะเลทักษิณควรถูกขจัดออกไปได้แล้ว
สำหรับเผ่ามังกรแล้ว เทพแห่งท้องทะเลไม่ได้เป็นเหมือนพันธมิตรธรรมดาๆ อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้ เผ่ามังกรจึงเตรียมสมบัติจำนวนมากในทันทีและจัดเตรียมการอย่างรวดเร็ว สาวงามแห่งเผ่าทะเลหลายร้อยคนที่ถูกคัดเลือกมาจากวังมังกรทะเลทักษิณโดยตรงเพื่อเป็นหนึ่งในของขวัญ!
วิธีที่เผ่ามังกรมอบของขวัญก็ยังเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน
พวกเขารู้ว่า หลี่ฉางโซ่วมีฐานะเป็นคนสำคัญในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเสนาบดีคนสำคัญในศาลสวรรค์ ดังนั้น เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเขา เขาจะไม่ยอมรับสาวงามหลายร้อยคนอย่างแน่นอน
ดังนั้นพวกเขาจึงมอบจวนหลังหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ทะเลให้หลี่ฉางโซ่ว …
ทะเล! ทิวทัศน์! จวน!
จวนนั้นตั้งอยู่บนเกาะอมตะแห่งหนึ่งในทะเลทักษิณที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำทุกด้าน ทั้งหมดล้วนทำขึ้นจากผลึกแก้วและอัญมณี
ในจวนนั้น มีห้องโถงหลักและโถงสี่ด้าน ภายในห้องโถง มีกระโจมม่านนุ่มๆ น้ำพุร้อนหวาฉี โคมไฟมุกสว่างไสว… มีสิ่งของหรูหราทั้งหมดที่หลี่ฉางโซ่วคิดได้ทุกอย่างอยู่ภายในโถงนั้น ช่างหรูหรายิ่ง!
ส่วนสาวงามเผ่าทะเลหลายร้อยคนเหล่านั้น พวกนางเป็นเพียงสาวใช้ในจวนแห่งนี้ที่จะถูกแทนที่ด้วยกลุ่มใหม่ๆ ในทุกๆ พันปี!
หลี่ฉางโซ่วถึงกับตะลึงงัน
อันที่จริงยังคงเป็น “ความอัตคัต” ของยอดเขาหยกน้อยที่จำกัดการแสวงหาความสุขของเขา แล้วจุดประสงค์ของการมีเคหาสน์ถ้ำที่ใหญ่โตและหรูหราเช่นนี้คืออะไร?
ศิษย์น้องหญิงและท่านอาจารย์ของเขา และเขา ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ เขารู้สึกว่า มันไม่สบายเท่ากับกระท่อมมุงจากสองสามหลังริมทะเลสาบ
หากสิ่งของราคาแพงเหล่านี้ถูกแลกเปลี่ยนเป็นวัสดุล้ำค่า เขาก็อาจสร้างค่ายกลป้องกันคุณภาพชั้นเยี่ยมอย่างไร้ใดเทียบเทียมได้ เขาอาจยอมรับมันด้วยรอยยิ้ม… ต่อให้มีเพียงถู่คัง[2]อยู่ข้างในสำหรับเขา
แน่นอนว่า ย่อมจะดีกว่าหากสามารถปรับขนาดจวนจวนนี้ได้ตามต้องการ ซึ่งสามารถย่อขนาด เก็บและหนีได้ในยามคับขัน…
หลี่ฉางโซ่วปฏิเสธของขวัญขอบคุณชิ้นนี้อย่างสุภาพในขณะที่ยอมรับและเก็บสมบัติที่เขาพอใจ
การขายของทั้งหมดแลกเป็นเงินเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น
ตอนนี้เขาเป็นเทพผู้ชอบธรรมในศาลสวรรค์ เพื่อตรวจตราโลกในนามของศาลสวรรค์
จึงต้องให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น
ทว่าเผ่ามังกรก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะไม่ได้มอบของขวัญให้ และขอให้อ๋าวอี่คุยกับหลี่ฉางโซ่วด้วยอยากให้เขายอมรับผลประโยชน์มากขึ้น…
ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงสัญญาว่าเขาจะเลือกสถานที่ในสี่คาบสมุทรหลังจากนี้เพื่อสร้างเคหาสน์ถ้ำเทพแห่งท้องทะเล แล้วจะแจ้งทางวังมังกรล่วงหน้าเมื่อถึงเวลานั้น
เผ่ามังกรจึงโล่งใจในท้ายที่สุด
แต่ก็มีคลื่นความไม่สงบเกิดขึ้นอีกลูกหนึ่งหลังจากนั้น
คลื่น นี่คือคำนาม
คืนก่อนจบพิธีเทพทะเล หลี่ฉางโซ่วก็มองดูวิญญาณร้ายสตรีที่งดซึ่งลอยอยู่ นอนอยู่ และยืนอยู่ในสวนด้านหลังของวิหารเทพทะเล แล้วแทบจะกระอักเลือดออกม
มันก็ยังพอมีเหตุผลที่เผ่ามังกรจะสร้างปัญหาต่างๆ แต่ไฉนแดนนรกก็มาก่อเรื่องบ้าอะไรอยู่ที่นี่ด้วย?
มีคนแพร่กระจายข่าวลือในเรื่องตัณหาราคะของเทพแห่งท้องทะเลออกไปหรือไม่?
ปรมาจารย์แห่งแดนยมโลกสองสามคนจากเผ่าเวทต่างถูมือกันและหัวเราะ ‘ฮี่ฮี่ฮี่’ เบาๆ ต่อหน้าเขา
พวกวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ ยังเป็นหนึ่งในวิญญาณชั่วร้ายที่ไม่อาจไปเกิดใหม่ได้จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในแดนยมโลกที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีแล้ว
พวกนางล้วนงามปานบุปผาไปคนละแบบ มีเส้นผมยาวคลุมหน้าและแขนเสื้อสะบัดพลิ้วปลิวไสวไปตามสายลม และดูยั่วยวนอย่างยิ่ง
แน่นอนว่า ประเด็นหลักคือ พวกนางมีใบหน้างดงาม และเรือนร่างมีส่วนโค้งเว้าเย้ายวนใจ…
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแหยแล้วกล่าวว่า “พวกท่านทุกคนกำลังทำอันใดกัน? ”
หัววัวที่ถอดหมวกถูมือใหญ่ของเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านเทพแห่งท้องทะเล เมื่อพบกันครั้งแรกนั้น พวกเราคิดไม่ออกว่าจะมีสิ่งของพิเศษใด ๆ ที่เหมาะจะเป็นของขวัญจากแดนยมโลกให้ท่านได้ ท่านดูสิ พวกนางเหล่านี้… ถูกใจหรือไม่? ”
“พวกท่านจะขออะไรหรือไม่?” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “เมื่อข้าเริ่มฝึกบำเพ็ญครั้งแรก ท่านอาจารย์ของข้าก็เอาแต่กล่าวถึงเรื่องสังสารวัฏหกวิถี ซึ่งเทพมารดาแห่งแผ่นดินต้าเต๋อโฮ่วถู่สร้างขึ้นมาตลอดเวลา หากแดนยมโลกมีปัญหาใด ก็โปรดบอกข้า เมื่อพิจารณาบางอย่างแล้ว หากพอทำได้ ข้าย่อมจะช่วยเหลือเต็มที่อย่างแน่นอน”
หนึ่งในปรมาจารย์เผ่าเวทจึงอดจะพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า “ปกติแล้ว ผู้คนมักจะไม่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่แม้หากอยู่ในความสามารถที่พวกเขาจะทำได้หรือขอรับ?”
เพียงเมื่อคนผู้นั้นกล่าวจบ หมัดขนาดเท่าหม้อดินก็พุ่งมากระแทกที่ท้องน้อยของคนผู้นั้นทันที
ใบหน้าใหญ่หยาบกร้านของผู้ที่กล่าวออกมานั้น กลายเป็นสีม่วงทันที จากนั้นก็มีมือใหญ่จากทางด้านหลัง ปิดปากของเขา โดยไม่ปล่อยให้เขากรีดร้องออกมาได้แม้สักแอะเดียวก่อนที่เขาจะถูกลากออกไปทางด้านหลังของคนที่ปิดปากเขา
ในขณะนั้น ชนเผ่าเวทอื่นๆ ต่างก็หัวเราะตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบว่า “ข้าเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอดและจะแสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริงในงานเมื่อทำสิ่งต่าง ๆ เสมอ ดังนั้นหากบังเอิญรับปากส่งๆ ไปโดยที่ทำไม่ได้ จะไม่เป็นการให้ความหวังผู้อื่นไปเปล่าๆ หรอกหรือ? นั่นย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดจริงๆ แทนที่จะเพียงแค่รับปากส่งๆ ไปเช่นนั้น ย่อมจะดีกว่าที่จะฟังปัญหาและพิจารณาอย่างรอบคอบเสียก่อนว่าจะทำได้หรือไม่ เพียงเท่านั้น ข้าก็จะรับผิดชอบทุกคนได้”
ปรมาจารย์เผ่าเวทเหล่านี้นิ่งงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ และมองหลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ในโลกบรรพกาล เผ่าเวทเป็นเผ่าที่มีการต้านทานต่อเล่ห์เหลี่ยมกลโกงได้ต่ำที่สุด
หัววัว ยมทูตเกี่ยววิญญาณที่หมวกหาย อดจะยกนิ้วและยิ้มให้หลี่ฉางโซ่วไม่ได้พลางกล่าว
“ท่านเทพแห่งท้องทะเลไม่ธรรมดาจริงๆ ความจริงแล้ว พวกเราไม่มีคำขอใดๆ เพียงแค่เห็นเผ่ามังกรส่งสตรีงดงามมา จึงอยากจะแสดงความชื่นชมยินดีด้วย”
กล่าวจบ ดวงตาของหัววัวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและริมฝีปากสั่นขณะกล่าวอย่างเศร้าใจ
“ท่านเทพแห่งท้องทะเล แดนยมโลกของพวกเรากำลัง… เจ็บปวด”
“โอ้?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและรีบถามทันทีว่า “แดนยมโลกยังเป็นฝ่ายหยินที่เต๋าสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมาเช่นกัน ดังนั้น ด้วยเหตุผลแล้ว แดนยมโลกก็น่าจะได้รับบุญจากเต๋าสวรรค์ด้วย ทว่ามันเกิดอันใดขึ้น?”
“เช่นนั้น ท่านก็รู้เรื่องนี้” หัววัวมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และค่อยคลี่อย่างเชื่องช้า “ข้าก็เพียงแค่บ่นไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ความจริงแล้ว ข้าก็ยังเป็นเพียงยมทูตแห่งแดนยมโลก หากแดนยมโลกวุ่นวาย ก็ยังผ่านมันไปได้”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
“ท่านเทพแห่งท้องทะเล เกิดอันใดขึ้นที่นี่หรือ? ”
ที่ด้านข้างหัววัว ชายวัยกลางคนที่ดูค่อนข้างฉลาดก็เริ่มเอ่ยปากถาม
“เราอยากขอรบกวนท่านเทพแห่งท้องทะเลช่วยชี้แนะความคิดให้แก่พวกเราสักหน่อย เมื่อเข้าสู่แดนยมโลก พวกเราก็ให้สัตย์สาบานต่อเต๋าสวรรค์ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งในสงครามจอมเวท-ปีศาจ และจะปฏิบัติต่อวิญญาณแท้ในสังสารวัฏของเผ่าเวท-ปีศาจอย่างยุติธรรม ด้วยเหตุนี้จึงเดินตามสายสืบสานของต้าเต๋อโฮ่วถู่สู่แดนยมโลกและไม่นานก็หลุดออกจากเผ่าเวทอย่างรวดเร็วพร้อมกับเผ่าเวทคนอื่น ๆ ”
หัววัวกล่าวต่อว่า “ต่อมา สงครามจอมเวท-ปีศาจก็สิ้นสุดลง ทั้งเผ่าเวทและปีศาจล้วนพ่ายแพ้และสูญเสีย พวกปีศาจได้รับการคุ้มครองจากจอมปราชญ์ที่เหลือทางรอดไว้ให้พวกเขา ทว่าเผ่าเวทของพวกเรา…
เฮ้อ ดูเหมือนว่าการไปยังดินแดนที่เย็นยะเยือกของดินแดนเทวะอุดรและการต่อสู้อย่างหนัก จะดีกว่าสิ่งที่พวกปีศาจเผชิญอยู่มาก แต่ความจริงแล้ว ก็แทบจะไม่ต่างกัน”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ
………………………………………………………………..
[1] ประจบเอาใจ หรือสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนค้ำจุน
[2] หรือเตียงเตา หรือบางทีก็เรียกเตียงอิฐ ลักษณะเป็นเตียงตั่งหรือเตียงเตี้ยที่ใช้เป็นทั้งที่นั่งและนอน ก่อด้วยอิฐของชาวจีนภาคเหนือ ซึ่งด้านบนจดปูด้วยฟูกที่นอน ด้านล่างมีป่องเตาที่เป็นช่องสามารถสุมไฟให้ความอบอุ่น