ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 35.2 โจมตี โต้กลับ และตีโต้กลับอีกครั้ง (2)
ผู้อาวุโสเก่อกวาดตามองไปยังศิษย์รุ่นเยาว์สิบคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง จากนั้นตาก็เหลือบมองไปที่หลี่ฉางโซ่วที่ยืนอยู่มุมห้อง จึงแก้ไขคำพูดของเขา
“พวกเจ้าทั้งสิบเอ็ดคน ล้วนครองขอบเขตพลังสูงสุดในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกันของพวกเจ้า และยังสูงสุดใน…เอิ่ม ผู้ที่มีความเตรียมพร้อมระมัดระวัง…
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเราเพิ่งไปกำจัดปีศาจที่ทะเลบูรพา เช่นนั้นพวกเราจะต้องตกเป็นเป้าหมายของวังมังกรในงานชุมนุมครั้งนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีสำนักเซียนอื่นๆ ที่มีความบาดหมางไม่พอใจพวกเราด้วย พวกเขาอาจจะลอบสร้างปัญหาให้พวกเจ้าพลาดท่าเสียที และคอยดูพวกเจ้าทำให้ตนเองอับอายขายหน้า
จงจำไว้! ห้ามพวกเจ้านำความอับอายขายหน้ามาสู่ชื่อเสียงของสำนักตู้เซียนของเรา และพวกเจ้าต้องประพฤติตามหลักคำสอนของสามสำนักเซียนด้วย!
ถ้ามีผู้ใดมายั่วยุ พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจหรือใส่ใจพวกเขา แต่ต้องให้พวกเขาได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเจ้าในขณะที่มีการแลกเปลี่ยนฝีมือการต่อสู้อย่างเป็นพิธีการ!
หลังจากที่เหล่าสำนักเซียนได้ปรึกษาหารือกันก่อนหน้านี้ ศิษย์รุ่นเยาว์จากดินแดนเทวะบูรพาในครั้งนี้จะมีอายุไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบปี และมีเพียงไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์ผ่านเข้าสู่ขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถี ดังนั้นสมบัติล้ำค่าเหล่านั้น หากพวกเจ้าสามารถเอาสมบัติเหล่านั้นมาได้ ก็ให้นับเป็นรางวัลส่วนตัวจากความพยายามของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าทั้งหมดเข้าใจหรือไม่”
เหล่าศิษย์สิบเอ็ดคนส่วนใหญ่ล้วนสีหน้าเบิกบานใจยิ่ง พวกเขาต่างตอบออกมาพร้อมกันว่า “ศิษย์จะจดจำคำสอนของท่านผู้อาวุโสเก่อเอาไว้ในใจ”
ผู้อาวุโสเก่อพยักหน้า จากนั้นเขาก็ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “มีอีกอย่างหนึ่ง ท่านปรมาจารย์หว่างฉิงตั้งใจสั่งข้ามาเรื่องหนึ่งด้วยตัวเอง…”
ทันใดนั้น ทุกคนล้วนเงียบและตั้งใจฟัง
“หลี่ฉางโซ่วแห่งยอดเขาหยกน้อยอยู่ที่ใดกัน”
“ศิษย์อยู่ที่นี่ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบในขณะที่ก่นด่าในใจ เขาประเมินความเจ้าเล่ห์ของจิ่วอูผู้นี้ต่ำไปจริงๆ ทว่าเขาก็ไม่แสดงออกใดๆ ขณะที่โค้งคารวะให้ผู้อาวุโสเก่ออย่างสงบเสงี่ยม
ผู้อาวุโสเก่อกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนต้องฟังคำสั่งของเจ้าในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เจ้าคือ…ผู้นำกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์”
ในขณะนั้น ไม่เพียงบรรดาศิษย์อีกสิบคนจะดูสับสนเท่านั้น แต่เซียนเสิ่นทั้งสิบหกคนก็หันศีรษะไปมองหลี่ฉางโซ่วด้วยเช่นกัน
เหตุใดศิษย์ขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นสองถึงถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่ม!
ชั่วเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วรู้สึกถึงสายตาของทุกคนว่ากำลังจ้องมองเขา มุมปากเขาจึงกระตุกอย่างช่วยไม่ได้
ต้องเป็นความตั้งใจแน่ๆ จิ่วอูต้องจงใจทำเช่นนี้อย่างแน่นอน!
เจ้านักพรตเต๋าร่างเตี้ยผู้นี้กำลังบังคับให้ข้าเปิดเผยไพ่ตายของข้าออกมา!
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วคิดว่าจะไม่มีปัญหามากนัก แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมงานชุมนุมที่ทะเลบูรพา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาคิดว่ามีเซียนเสิ่นและเซียนเทียนในสำนักคอยปกป้องพวกเขา
นอกจากนี้เขาก็ยังหวังว่าจะได้พบดินแดนกว้างใหญ่ที่มีผู้คนไม่กี่คนอยู่ใกล้ทะเลบูรพาที่เขาสามารถปลีกตัวหาที่เหมาะสมเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เตรียมตัวไว้ว่า จิ่วอูจะวางกับดักเขาเอาไว้!
ก่อนหน้านี้หลี่ฉางโซ่วยังรู้สึกว่าเขาจะไม่สูญเสียใดๆ ในการเดินทางครั้งนี้ แต่เวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเสียเลือดอย่างแน่นอน…
จิ่วจิ่วพลันถามอย่างสุขใจว่า “ท่านอาจารย์รู้จักเจ้าได้อย่างไรกัน”
อย่างไรก็ตามมีศิษย์สองสามคนและเซียนเสิ่นจากยอดเขาอื่นๆ อดกังขาในเรื่องนี้ไม่ได้ และอดใจไม่ไหวต้องการถามออกมาดังๆ…
“ศิษย์คิดว่าไม่เหมาะขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบอย่างรวดเร็วพลางขมวดคิ้วพร้อมกับก้มศีรษะลงในขณะที่ลมปราณของเขาปั่นป่วนเล็กน้อยและมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา
เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านผู้อาวุโสได้โปรดถอนคำสั่งด้วยเถิดขอรับ”
“อ้าว?” ผู้อาวุโสเก่อขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่พอใจกับคำสั่งของท่านปรมาจารย์หว่างฉิงอย่างนั้นหรือ”
“ศิษย์มิกล้าขอรับ แต่เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกไปสักหน่อย” หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงขณะลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามออกมาเบาๆ ว่า “ศิษย์ขอบังอาจถาม ว่าท่านปรมาจารย์หว่างฉิงเป็นผู้ออกคำสั่งเหล่านี้ด้วยตนเอง? หรือว่าท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูเป็นผู้ถ่ายทอดแทนขอรับ?”
ผู้อาวุโสเก่อขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เป็นท่านจิ่วอูผ่านคำสั่งมา”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอกภายในใจ ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจเล็กน้อยและทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
จิ่วอูจงใจใช้ชื่อของปรมาจารย์หว่างฉิง และคงไม่ได้แจ้งปรมาจารย์หว่างฉิงในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับศิษย์รุ่นเยาว์เท่านั้น
การสร้างเรื่องเท็จเยี่ยงนี้ย่อมไม่มีความหมายสำคัญอันใดสำหรับจิ่วอู เพราะไม่เพียงแต่ปรมาจารย์หว่างฉิงจะไม่สนใจให้จิ่วอูรับผิดต่อเรื่องนี้แล้ว เขายังจะช่วยศิษย์รักของเขาในการโกหกหากจำเป็น นี่อาจกล่าวได้ว่า ที่จิ่วอูกระทำเป็นเพียงแค่การทำก่อนแล้วค่อยรายงานในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม มันยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก
หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจโต้กลับในทันที
ท่านอาจารย์ลุงในเมื่อท่านพยายามตั้งข้าขึ้น ก็โปรดอย่าได้โทษข้าที่ต้องตอบแทนความเมตตาของท่านในครั้งนี้!
การเป็นผู้นำกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะผลักดันให้หลี่ฉางโซ่วต้องต่อสู้อย่างแน่นอน
ตราบใดที่เรื่องนี้ถูกดำเนินการ บรรดาเซียนและศิษย์รุ่นเยาว์จากยอดเขาต่างๆ ย่อมจะจับตามอง หลี่ฉางโซ่วอย่างใกล้ชิด และปัญหาก็จะตามมาหลังจากนั้นเป็นระลอกไม่หยุดอย่างแน่นอน!
ดังนั้นเขาไม่อาจรับงานเช่นนี้ได้!
หลี่ฉางโซ่วทำทีท่าดูสำนึกผิดและละอายใจอย่างยิ่งในขณะที่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าขอไม่ปิดบังท่านผู้อาวุโส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาศิษย์กับท่านปรมาจารย์จิ่วอูแห่งยอดเขาพิชิตสวรรค์ ได้ผูกมิตรเป็นสหายที่ดีต่อกัน พวกเราล้วนชื่นชอบสุราจึงมักดื่มสุราด้วยกัน…
ก่อนหน้านี้ขณะที่ท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูและข้าร่วมดื่มสุราด้วยกัน เขาพูดติดตลกด้วยความเมามายออกมาว่า เขาสามารถทำให้แม้แต่ศิษย์ที่ไม่เป็นที่รู้จักและธรรมดาอย่างข้าได้รับการยกย่องจากบรรดาศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักได้ขอรับ…
ศิษย์ไม่คิดว่าท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูจะจริงจังกับคำพูดของเขาหลังจากที่ท่านตื่นขึ้นมา ข้าเดาว่าท่านคงต้องการรักษาคำพูดของท่านจึงจัดการเช่นนี้ ซึ่งทำให้ศิษย์ตื่นกลัวยิ่งขอรับ”
ผู้อาวุโสเก่อขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สีหน้าของศิษย์คนอื่นๆ ต่างตกตะลึง
มันกลับกลายเป็นเช่นนั้นได้…
ทันใดนั้นสายตาปฏิปักษ์ที่จับจ้องหลี่ฉางโซ่วจากบริเวณโดยรอบก็หายไปทันที คนส่วนใหญ่ล้วนประหลาดใจที่ผู้ดูแลสำนักเฉกเช่นจิ่วอูใช้อำนาจของเขาในลักษณะไม่ถูกเช่นนี้ พวกเขารู้สึกว่าจิ่วอูไร้ยางอายเกินไป ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกเห็นใจหลี่ฉางโซ่ว
จิ่วจิ่วก็อดพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “เหตุใดศิษย์พี่ห้าถึงทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้! ช่างน่าตายนัก!”
บัดนั้นจิ่วอูซึ่งกำลังบินอยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ก็อดที่จะจามออกมาหลายครั้งอย่างต่อเนื่องไม่ได้
ในหอไป่ฝาน หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอีกครั้งและกล่าวว่า
“ศิษย์มิกล้าทำให้ท่านผู้อาวุโสต้องอับอาย ทั้งยังมิบังอาจตำหนิท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูที่ให้ความเมตตาต่อข้าเช่นนี้… ทว่าศิษย์ก็ไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบหนักเพียงนี้ได้จริงๆ
ดังนั้นจึงขอให้ท่านผู้อาวุโสเก่อโปรดช่วยแต่งตั้งศิษย์คนอื่น ที่มีพรสวรรค์และคุณธรรมเป็นผู้นำได้หรือไม่ขอรับ แล้วศิษย์ก็จะขอบังอาจทำตัวหนังหนา เดินทางไปที่ชายฝั่งทะเลบูรพาร่วมกันอย่างไม่หวั่นกลัวใดๆ
หากท่านปรมาจารย์หว่างฉิงสั่งการเรื่องนี้จริงๆ ศิษย์ย่อมจะไม่ละทิ้งความรับผิดชอบ จะเชื่อฟัง ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างสุดความสามารถ โดยไม่ลังเลที่จะเสี่ยงชีพหลั่งเลือดเพื่อสำนักขอรับ
แต่หากท่านอาจารย์ลุงจิ่วอูเพียงแค่ล้อศิษย์เล่นเท่านั้น ศิษย์ย่อมมิบังอาจอ้างสิทธิ์นี้เป็นผู้นำ ในเวลานี้ศิษย์ได้แต่หวังว่าจะได้เข้าร่วมกลุ่มไปด้วยเท่านั้น…
ท่านผู้อาวุโส ศิษย์หวังว่าท่านจะวิเคราะห์สถานการณ์เช่นนี้อย่างรอบคอบด้วยขอรับ!”
หลังจากกล่าวเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ก้มศีรษะโค้งคำนับโดยไม่ลุกขึ้นเป็นเวลานาน
เหล่าเซียนคนอื่นๆ ล้วนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดต่างคิดว่าจิ่วอูเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับศิษย์ที่น่าสงสารผู้นี้จริงๆ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยังมีแม้กระทั่งศิษย์หญิงผู้หนึ่งกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ศิษย์น้องฉางโซ่ว เหตุใดศิษย์น้องฉางโซ่วไม่เป็นผู้นำเสียเล่า พวกเราเข้าใจสถานการณ์ของเจ้าและจะไม่บ่นใดๆ”
ศิษย์คนอื่นๆ ก็ล้วนพยักหน้าตอบรับเช่นกัน
“ฉางโซ่วกล่าวได้สมเหตุสมผล” ผู้อาวุโสเก่อกล่าวในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม หลี่ฉางโซ่ว
ผู้อาวุโสเก่อกล่าวเสริมอีกครั้งว่า “บังเอิญว่าเวลานี้จิ่วอูไปที่ดินแดนเทวะมัชฌิมา จึงยังไม่อาจติดต่อเขาได้สักพัก และก็ไม่เหมาะที่จะรบกวนศิษย์พี่หว่างฉิงด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้…
เช่นนั้นก็เอาเป็นว่าทำอย่างที่เจ้าพูด พวกเราจะหาผู้นำคนอื่น”
ทว่าทันทีที่เสียงของผู้อาวุโสเก่อจบลง โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ก้าวออกไปข้างหน้า นางประสานมือแล้วโค้งคารวะให้ผู้อาวุโสเก่อแล้วกล่าวว่า “ศิษย์ยินดีรับภาระหนักนี้เจ้าค่ะ!”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในใจ เหตุใดจึงดูเหมือนว่าวันนี้ตัวอันตราย…
เข้าใจเจตนารมณ์ของเขา?
หลังจากปิดด่านฝึกบำเพ็ญไปไม่กี่ปี ก็มีความก้าวหน้าขึ้น และความเป็นพิษภัยของนางก็คงลดลงไปบ้าง…
อย่างไรก็ตามก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โหย่วฉินเสวียนหย่าก็กล่าวออกมาอีกครั้ง
“ศิษย์เพียงขอให้ท่านผู้อาวุโสช่วยแต่งตั้งผู้นำสองคนด้วย ศิษย์และศิษย์พี่ฉางโซ่วสามารถแบ่งปันความรับผิดชอบดูแลร่วมกันได้ และนั่นย่อมจะเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายเจ้าค่ะ!”
“แค่กๆ!”
หลี่ฉางโซ่วสำลักออกมากะทันหัน
ยายบ้าเอ๊ย ความเป็นพิษภัยของนางหาได้ลดลงไม่ แต่กลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นแทน!
ในเวลานั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็หันศีรษะไปมองหลี่ฉางโซ่ว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และเคร่งขรึมจริงจังมาก ทว่ามีร่องรอยของความเขินอายอยู่
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิดเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ฉางโซ่ว เสวียนหย่าจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบาก
ทว่าชั่วขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่าเขา… ถูกระเบิดทำลายจนกระจายเป็นชิ้นๆ แล้ว…
………………………………………………………………………………