ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 353 วิธีเดียวที่จะรักษาอาการหมดสติ (1)
ตอนที่ 353 วิธีเดียวที่จะรักษาอาการหมดสติ (1)
เปี้ยนจวง?
หลี่ฉางโซ่วยังตะลึงและรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขามองเข้าไปใกล้ๆ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลมปราณและอักขระเต๋าของอีกฝ่าย เพียงเพื่อจะได้แน่ใจว่าเขามองไม่ผิด
หนุ่มน้อยคนนี้เป็นประมุขน้อยของหอเทียนหยาไม่ใช่หรือ? แล้วไฉนถึงมา… ปลูกถั่วที่นี่?
“อ๋าวอี่”
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงเพื่อเตือนความจำให้อ๋าวอี่ ผู้ซึ่งกำลังรู้สึกหลงใหลในทิวทัศน์อย่างท่วมท้นเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตัวและเก็บกระบี่ยาวในมือทันทีพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก เหตุใดคนผู้นี้ถึงมาอยู่ในศาลสวรรค์ได้ขอรับ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการข้อความเสียงว่า “ไปที่วังดุสิตเพื่อพบเหล่าจื้อ[1]กันก่อนแล้วค่อยมาถามเรื่องนี้กับเขา”
อ๋าวอี่พยักหน้าตอบรับ และรีบไปที่วังดุสิตกับหลี่ฉางโซ่วพร้อมกับที่สีหน้าของเขาค่อยๆ ดูสงบลง
ที่หน้าวังดุสิต มีเด็กชายคนหนึ่งมารอก่อนนานแล้ว เขาบอกว่าเหล่าจื้อต้องการให้ฉางเกิงเข้ามา
อ๋าวอี่ยังรู้ด้วยว่า เดิมทีหลี่ฉางโซ่วอยากพาเขาไปพบกับร่างจำแลงของจอมปราชญ์เทพ แต่เห็นได้ชัดว่าร่างจำแลงของจอมปราชญ์เทพไม่ต้องการพบเขา ดังนั้นจึงรีบกล่าวว่า “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก รีบเข้าไปเร็ว ๆ ข้าจะรออยู่ข้างนอกขอรับ”
นี่เป็นเพราะโอกาสยังมาไม่ถึงเขา
ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะเข้าสู่วังดุสิต เขาก็ส่งข้อความเสียงเพื่อเตือนอ๋าวอี่เป็นพิเศษว่าอย่าเดินไปมารอบ ๆ เพียงแค่รออยู่ที่นี่เท่านั้น และอ๋าวอี่ก็รับปากอย่างหนักแน่น …
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วถือแส้แล้วเดินตามเด็กชายเข้าไปในประตูที่เปิดเพียงรอยแยกเป็นช่องว่างหนึ่งเท่านั้น
ครั้นเมื่อก้าวเข้าสู่วังดุสิต หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
วังดุสิตที่ที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ ควรจะมีค่ายกลลึกลับและมีโอสถวิญญาณลอยอยู่ทั่วทุกที่ และมีเด็กเต๋าที่ก่อตัวขึ้นมาจากรากวิญญาณเซียนเทียนกำลังวิ่งอยู่บนพื้น…
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ เขาเห็นลานกว้าง หอขนาดใหญ่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นห้องโถงใหญ่ ต้นไม้วิญญาณที่ไม่เหี่ยวเฉาไม่กี่ต้นซึ่งพบได้ทั่วไปในศาลสวรรค์…
หลี่ฉางโซ่วสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง และสังเกตเห็นเสี้ยวอักขระเต๋าที่คลุมเครือ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีลักษณะเฉพาะโดดเด่น อยู่เต็มไปทั่วทั้งวังดุสิต
อักขระเต๋าของร่างจำแลงแห่งจอมปราชญ์เทพ!
เสี้ยวอักขระเต๋านี้ นี่คือ อักขระเต๋าของจอมปราชญ์เทพ!
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ ในใจ เขาพลันรู้สึกถึงความเคารพอย่างสุดซึ้งที่ไม่อาจอธิบายได้เมื่อได้เห็นการดำรงอยู่ของห้องโถงสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงกระแอมไอแห้งๆ ดังมาจากด้านหน้า และร่างที่คุ้นเคยก็ผลักเปิดประตูห้องโถงออกมาและเลิกคิ้วขึ้นพลางแย้มยิ้มให้หลี่ฉางโซ่ว
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!
เฮ้อ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังคงง่วงอยู่บ้าง จึงอดจะหาวออกมาไม่ได้…
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวหยอกเย้าว่า “เจ้าเงินน้อย [2]เหล่าจื้อขอให้เจ้าไปเรียกรับคนมาเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเทพแห่งท้องทะเลที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ แล้วไฉนเจ้าถึงได้นำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวหนึ่งกลับมา?”
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์?
เด็กชายมองหลี่ฉางโซ่วอย่างสงสัยในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยังคงมองดูร่างของเขาทันทีอย่างไม่รู้ตัว และพบว่า ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ได้ไม่มีอันใดผิดปกติไป
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจว่า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังปกป้องตัวเขา จึงทำเป็นพูดจาหยอกเย้าติดตลกเสียก่อนเพื่อไม่ให้เหล่าจื้อไม่พอใจในเรื่องนี้
ทว่าเมื่อพูดถึง…เจ้าเงินน้อย? ราชาเขาเงินโง่นั่น? ท่านกล้าตอบรับเมื่อข้าเรียกท่านหรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่เด็กชายที่อาจไม่ฉลาดมากนักและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วรีบโค้งคารวะให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
“ร่างหลักของศิษย์ต้องการมุ่งเน้นไปที่การฝึกบำเพ็ญเพื่อสร้างเต๋าเซียนจินให้เร็วที่สุด ดังนั้น จึงต้องใช้ร่างจำแลงมาที่ศาลสวรรค์เพื่อช่วยฝ่าบาท องค์เง็กเซียน จักรพรรดิหยก
และนี่ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เองก็เคยเห็นด้วยมาก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ…”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มและหรี่ตาลง “เข้ามาเถิด เหล่าจื้อรอเจ้ามากว่าครึ่งวันแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วพยายามสบตากับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตัดไปในชั่วพริบตา แต่เขากลับเผยรอยยิ้มให้ความมั่นใจกับหลี่ฉางโซ่ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาสั้นๆ หลังจากเข้าไป แล้วก้มหน้าก้มตากราบกรานโดยไม่เอ่ยอันใด ไม่ว่าจอมปราชญ์เทพจะพูดอะไรก็ล้วนถูกต้อง!
ใช่แล้ว เพื่อความปลอดภัย เขายังต้องสงสัยเช่นกัน เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กำลังหลอกเขา สถานที่นี้อาจเป็นศาลสวรรค์ปลอม และนี่อาจเป็นเพราะเขาบังเอิญตกลงไปในนิมิตมารขณะที่ฝึกบำเพ็ญ… และอื่นๆ
เช่นนั้น ยิ่งโค้งคำนับไว้ก็ไม่มีอันตรายใดๆ
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็หันกลับไปเข้าประตูวังในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะแล้วเดินตามให้ทัน
หลังจากเข้าไปแล้ว ก็เห็นเตาแปดรูปลักษณ์สีทองม่วงที่สะดุดตาเด่นชัดยิ่ง เตานี้ค่อนข้างใหญ่และครอบครองพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของห้องโถง
แวบแรกที่เห็นเตานี้ คำว่า ‘วิจิตรงดงาม’ ก็ผุดขึ้นมาจากใจของหลี่ฉางโซ่ว รูปทรงที่ปรากฏของเตาแปดรูปลักษณ์นี้ช่างวิจิตรงดงามยิ่ง แต่ละส่วนของเส้นโค้งก็เข้ากันกับเต๋าอันยิ่งใหญ่
ทว่าเมื่อมองดูดีๆ อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทันได้มองเข้าไปใกล้ๆ ทันใดนั้น ความสนใจของหลี่ฉางโซ่วก็หันไปหาชายชราที่นั่งอยู่หน้าเตาแปดรูปลักษณ์แล้ว…
ข้าควรอธิบายชายชราผู้นี้อย่างไรดี?
เขาดูธรรมดาเมื่อมองแวบแรก จากนั้น เขาก็ดูใจดีมีเมตตา เมื่อมองครั้งที่สาม เขาก็ดูเหมือนชายชราหน้าอ่อนวัยที่มีเส้นผมขาวแต่หน้าเด็ก และเมื่อมองครั้งที่สี่ เขาก็ดูเหมือนขอบเขตเต๋าไร้ที่สิ้นสุด ทว่าเมื่อหลับตาลง ก็ไม่มีความประทับใจใดๆ แม้แต่น้อย ไม่อาจเก็บแม้แต่ภาพของเหล่าจื้อเอาไว้ในใจได้…
“ศิษย์ หลี่ฉางโซ่ว ขอน้อมพบเหล่าจื้อขอรับ! วันนี้ศิษย์มาในรูปของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ขอเหล่าจื้อโปรดอภัยให้ศิษย์ด้วยขอรับ!”
เหล่าจื้อดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“นั่งลงเถิด”
หลี่ฉางโซ่วทำท่าดูเหมือนจะได้ยินผิดและนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนเบาะนั่งสมาธิที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศเบื้องหน้าเขา
เหล่าจื้อกล่าวต่อว่า “วันนี้ ข้าจะถ่ายทอดเต๋าการหลอมโอสถให้เจ้าสามบท”
“ขอบคุณเหล่าจื้อขอรับ!”
“อืม” ไท่ซ่างเหล่าจวิน[3]พยักหน้าช้า ๆ และมองไปยังปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังจะหนีไปทางประตูหลังของห้องโถงใหญ่ “กลับมา”
“เฮ้อ ศิษย์อยู่นี่แล้วขอรับ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตอบรับและเดินผ่านมาเงียบๆ พร้อบกับพยายามเผยรอยยิ้มสงบ “เหล่าจื้อ ศิษย์ไม่ชอบการหลอมโอสถ”
แล้วเบาะนั่งสมาธิอีกใบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทางด้านซ้ายของหลี่ฉางโซ่ว แม้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะบอกว่าไม่ชอบมัน แต่ก็ทำได้แค่นั่งบนเบาะอย่างเชื่อฟังเท่านั้น
ตำแหน่งของที่นั่งนี้ ก็มีความหมายลึกซึ้งเช่นกัน
แต่หลี่ฉางโซ่วรู้ว่า เมื่อเขาสามารถมานั่งที่นี่ได้ นั่นย่อมได้รับการยอมรับจากเหล่าจื้อแล้ว!
เหล่าจื้อลืมตาขึ้นเล็กน้อย “เงียบ”
จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็นั่งตัวตรงมากขึ้น ราวกับว่าเขาต้องการรักษา…ศักดิ์ศรีของศิษย์พี่ใหญ่ แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วแอบพึมพำกับตัวเองในใจว่า ไฉนปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงดูเหมือนกลัวฟังเทศนาของเหล่าจื้ออยู่เล็กน้อย…
วันนี้ เหล่าจื้อต้องการสอนเต๋าแห่งการหลอมโอสถ ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์เซียนจินของเขา และยิ่งไปกว่านั้น หากเหล่าจื้อต้องการเทศนา เขาย่อมไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาของเหล่าจื้อที่จะถ่ายทอดเต๋า มันไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ก่อนล่วงหน้าเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน
ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจว่าเหตุใดปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถึงอยากแอบหนี…
เหล่าจื้อไม่เอ่ยวาจาใดในขณะที่เขาเทศนา แต่เพียงนั่งอยู่ที่นั่นเงียบ ๆ แล้วดอกบัวสีเขียวครามที่กำลังหมุนช้า ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของเขา จากนั้น กลีบดอกสองกลีบของดอกบัวนั้น ก็บินออกมา กลีบดอกหนึ่งหายไปและอีกกลีบหนึ่งก็ร่อนลงไปแปะอยู่บนหน้าผากของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตัวสั่นและตกอยู่ในภวังค์ในทันที
นี่?
และก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันได้กะพริบตา ก็เกิดการตรัสรู้ขึ้นในใจของเขา แล้วร่างที่ซ่อนอยู่ในแจกันที่มุมห้องลับใต้ดินแห่งยอดเขาหยกน้อยก็ลืมตาขึ้นในขณะที่มีกลีบดอกไม้ปกคลุมสายตา แล้วตกลงมาบนหน้าผากของเขา
พร้อมด้วยเสียงดังปัง แจกันใบนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที!
ทันใดนั้น ร่างของหลี่ฉางโซ่วก็นอนอยู่ที่มุมห้องลับ และถูกห่อหุ้มด้วยเสี้ยวอักขระเต๋า…
บัดนี้ ในก้นบึ้งของหัวใจของหลี่ฉางโซ่ว มีวิชาการหลอมโอสถจำนวนมากมายมหาศาลอย่างเหลือเชื่อและไม่ใช่การตรัสรู้อีกต่อไป!
นี่ไม่ใช่การกลั่นสกัดเอาแต่สิ่งสุดยอดออกมาให้แล้ว แต่ทั้งหมดนี้คือ การผลักดันน้ำทะเลเข้าสู่บ่อปลาขนาดเล็กอย่างรุนแรง! จากนั้นบ่อปลาก็ยังคงปลอดภัยดีและเริ่มจะยอมรับอย่างเงียบๆ!
“วิธีการของจอมปราชญ์เทพนั้น ลึกล้ำสุดหยั่งได้จริงๆ…”
หลี่ฉางโซ่วไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ บัดนี้ จิตใจของเขาถูกดึงเข้าสู่เต๋าแห่งการหลอมโอสถอย่างสมบูรณ์
เขาจมจ่อมอยู่ในนั้นโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เวลาผ่านไปสามปีนับตั้งแต่จมจ่อมอยู่ภายในนั้น…
“หลิงเอ๋อร์ ไฉนศิษย์พี่ของเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมาเลยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา… ? รีบเปิดไพ่ของเจ้าเร็ว ๆ เข้าหลิงเอ๋อร์” จิ่วจิ่วหาวและถามขึ้นมาในห้องเดินหมากเล่นไพ่ของยอดเขาหยกน้อย
หลิงเอ๋อร์ยิ้มและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าเข้าปิดด่านมาตลอด จึงไม่รู้เรื่องนี้เลยเจ้าค่ะ ฮิฮิ คู่? ข้าจะผ่อง[4]! ศิษย์พี่ก็น่าจะเข้าปิดด่านเช่นกัน อาจารย์อา สุราหมดแล้วหรือเจ้าคะ? ข้าก็ไม่มีที่นี่เช่นกันเจ้าค่ะ”
“หึ แล้วอาจารย์อาผู้นี้ไม่มีศิษย์พี่สักคนหรือเล่า?”
จิ่วจิ่วอดจะกลอกตาไม่ได้ จากนั้นก็ตบริมฝีปากตัวเองแล้วกล่าวว่า “อืม สุราที่พี่ห้ากลั่นขึ้นมา มีรสชาติกว่าสุราที่เสี่ยวฉางโซ่วทำขึ้นมาอยู่เล็กน้อย…เสวียนหย่า ถึงตาเจ้าแล้ว”
“เจ้าค่ะ…”
โหย่วฉินเสวียนหย่าถือหินหยกอยู่ในมือของเธอและเปรียบเทียบลวดลายบนหินหยกนี้กับหินหยกอื่นๆ
เมื่อไม่นานมานี้ นางเพิ่งเข้ามาสัมผัสกับโครงการป้องกันขั้นสูงใหม่แห่งยอดเขาหยกน้อย ดังนั้นจึงยังหยิบจับอะไรไม่ค่อยสะดวกราบรื่นนัก
“ข้าอยากใช้กระเบื้องที่ท่านทิ้งแล้วชิ้นนี้ แล้วใช้หินหยกที่มีแถบบาง ๆ สี่แถบลงสลักอยู่บนนั้น… จะว่าไปแล้ว ข้าก็ไม่เห็นศิษย์พี่ฉางโซ่วมานานแล้ว ข้าก็คิดถึงเขาอยู่เล็กน้อย”
………………………………………………………………..
[1] ในที่นี้หมายถึงองค์ไท่ชิง
[2] เจ้าเงินน้อย หรือ เสี่ยวหยิน ตัวละครฝ่ายตัวร้ายจากการ์ตูนดัง มังกี้คิดส์ราวปี 2016 และกลายเป็นซีรีส์ราวปี 2020 โดยอิงเนื้อหาจากไซอิ๋ว ตำนานและหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมเอกของจีน
[3] อีกนามเรียกขานของเหล่าจื้อ หรือองค์ไท่ชิง
[4] เป็นคำที่ใช้ในการเล่นไพ่เมื่อเปิดไพ่ขึ้นมาเข้าตอง