ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 356 หกวีรบุรุษน้อยแห่งสำนักบำเ
ตอนที่ 356 หกวีรบุรุษน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน (2)
“ได้ ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและตอบรับสองครั้ง ก่อนจะช่วยเปี้ยนจวงลุกขึ้น และถามด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่รู้ว่า เวลานี้ สหายมีตำแหน่งเซียนใดอยู่ในศาลสวรรค์หรือ?”
เมื่อเปี้ยนจวงเช็ดใบหน้าของเขา และทันใดนั้นก็กลับคืนมาสู่รูปลักษณ์หล่อเหลาเช่นเดิม เขาตัวสั่นสะท้านทันทีที่มองไปที่แผ่นป้ายโลหะของวังดุสิตและกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงตำแหน่งเซียน ข้าเพียงแค่ปลูกถั่วเซียนบางชนิดในศาลสวรรค์ ข้าเพิ่งมาที่ศาลสวรรค์เมื่อไม่กี่วันก่อน และรับตำแหน่งแม่ทัพน้อยปลูกถั่วของศาลสวรรค์ สหายเต๋า ท่านคือ …”
อ๋าวอี่แค่นเสียงกล่าวอยู่ข้างๆ เขา “นี่คือ พี่ชายที่ข้าพูดถึงก่อนหน้านี้ เทพผู้ยิ่งใหญ่สมบูรณ์แบบแห่งสี่คาบสมุทร เขาฟังเต๋าอยู่ในวังดุสิตเมื่อก่อนหน้านี้!”
เปี้ยนจวงตื่นตกใจ แล้วรีบประสานมือโค้งคารวะให้ทันที “ขอน้อมพบท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ!”
“ไม่ต้องมากพิธี” หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วมองไปที่อ๋าวอี่และเปี้ยนจวงพลางยิ้มและกล่าวว่า “พวกเจ้าสองคนรู้จักกันหลังจากทะเลาะกันหรือ?”
เปี้ยนจวงยิ้มกระดากในขณะที่อ๋าวอี่เม้มปากและเริ่มชี้แจงสั้น ๆ ว่า พวกเขาสองคนรู้จักกันได้อย่างไร
ในเวลานั้น เปี้ยนจวงกำลังปลูกถั่วอยู่ไม่ไกลจากวังดุสิต ที่ซึ่งอุดมไปด้วยพลังวิญญาณมากมายและมีกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยฟุ้งมาจากวังดุสิต มันคือไร่ถั่ว… ที่ดีที่สุดในศาลสวรรค์
ในขณะนั้น อ๋าวอี่ก็รออยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง แต่ยังไม่มีวี่แววของหลี่ฉางโซ่ว และเขาก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เมื่อหนึ่งปีครึ่งที่แล้ว เขาจึงไปหาเปี้ยนจวงเพื่อถามความคิดเห็นของเปี้ยนจวง
เปี้ยนจวงเบื่อการปลูกถั่ว ส่วนอ๋าวอี่ก็รู้สึกเหงา อ๋าวอี่อยากรู้ว่า เปี้ยนจวงผู้นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของศาลสวรรค์หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไปผูกมิตรกับเปี้ยนจวงอย่างอดทนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
สักพัก พวกเขาก็รู้จักคุ้นเคยกัน
หลังจากดื่มไปเล็กน้อย พวกเขาก็กลายเป็นสหายกัน
เมื่อดื่มในวันนี้ ทั้งคู่ก็เมาเล็กน้อย อ๋าวอี่จึงฉวยโอกาสนี้ถามเกี่ยวถึงเรื่องเข่อเล่อเอ๋อร์
เดิมทีเขาต้องการดูว่ามีการติดตามเรื่องนั้นหรือไม่ หากมี เขาก็จะหยุดมันให้เร็วที่สุด
ไม่คาดคิดว่า เปี้ยนจวงจะถอนหายใจเบา ๆ และบอกว่าเขาลืมเข่อเล่อเอ๋อร์แล้ว และบัดนี้ ก็มีความฝันใหม่อยู่ในใจ…
หลังจากนั้น อ๋าวอี่ก็ด่าว่าเขาที่มีใจโลเลไม่มั่นคง แต่เปี้ยนจวงกล่าวว่า เขาเพียงทำตามหัวใจและเกิดมาเพื่อความรัก หลังจากโต้เถียงกันสักพัก ทั้งสองก็พลิกโต๊ะและระเบิดโทสะใส่กันจริงๆ จากนั้นพวกเขาก็ต่อสู้กัน
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่อ๋าวอี่อย่างฉงน มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือที่เปี้ยนจวงจะสนใจสตรีอื่น?
ใบหน้าที่บอบบางของอ๋าวอี่ดูเขินอายเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ข้าค่อนข้างมึนงงสับสนจากการดื่มเล็กน้อยว่าในท้ายที่สุด…ซือซือและ เข่อเล่อเอ๋อร์เป็นสหายกัน…”
“เฮ้อ” เปี้ยนจวงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ช่างเถิด ข้าจะกลับไปดูแลถั่วเซียนเหล่านั้นแล้ว”
เปี้ยนจวงประสานมือคารวะและกล่าวอำลาหลี่ฉางโซ่ว หลี่ฉางโซ่วจึงแย้มยิ้มพลางพยักหน้าให้ในขณะที่อ๋าวอี่ลังเลจะกล่าวอะไรเล็กน้อย บางทีเขาอยากจะขอโทษ
เปี้ยนจวงประสานมือคารวะให้อ๋าวอี่แต่ไม่ได้เอ่ยวาจาใด จากนั้น เขาก็ก้มศีรษะแล้วเดินไปทางจอบที่หักเป็นสองท่อนในระยะไกล
“เหตุใดเจ้าถึงทำลายจอบของข้าจนหักแล้ว? อย่างน้อยๆ ก็มีพลังแห่งเต๋าสวรรค์อยู่บ้างในนี้…เฮ้อ… เจ้าทำให้ข้าต้องใช้มือ”
หลี่ฉางโซ่วกำลังจะบอกว่าเขาอาจจะใช้บุญของเขาช่วยซ่อมแซมมันให้ได้ ทว่าทันใดนั้น ก็ได้ยินฟังท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวจากในลานว่า “เสี่ยวจิน ไปเอาคราดที่ถูกโยนไปอยู่ในมุมนั้นออกไปส่งให้แม่ทัพสวรรค์น้อยผู้นั้นใช้ดูแลไร่ถั่ว ”
“ขอรับ!”
เด็กชายตอบรับคำ แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับนำคราดสีเงินยาวสามฉื่อ แล้วมองไปรอบ ๆ ก่อนจะวิ่งไปแล้วยัดมันไว้ในมือของเปี้ยนจวง
“ศิษย์พี่เสวียนตูมอบของสิ่งนี้ให้ท่าน โปรดรับมันไปใช้ขอรับ”
เปี้ยนจวงตะลึงงัน แน่นอนว่า เขาย่อมรู้ดีว่าใครคือ ‘ศิษย์พี่เสวียนตู’ เขารีบหยิบคราดแล้วโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งให้วังดุสิต
ข้ารวยแล้ว!
จากนั้นเขาก็ถือคราดสีเงินยาวสามฉื่อเอาไว้ในมือและปรับแต่งมันเล็กน้อย จากนั้นคราดก็เปลี่ยนเป็นความยาวหกฉื่อด้วยตัวของมันเอง ซึ่งเหมาะมือของเขาพอดี
เปี้ยนจวงดีใจยิ่งและกล่าวว่า “ขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่มอบสมบัติให้ขอรับ! ข้าขอไปดูแลถั่วเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
กล่าวจบ เขาก็หยิบคราดสีเงินขึ้นมา แล้วก้าวกระโดดไปตามเส้นทางเมฆอย่างเริงร่าพลางส่งเสียงร้องเพลงพื้นบ้านของหอเทียนหยา
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ส่ายศีรษะเบาๆ
นี่เป็นโอกาสหนึ่ง…
โดยไม่ได้คำนึงถึงบุคลิกของเปี้ยนจวง คนผู้นี้โชคดียิ่งนัก เขาเกิดในตระกูลมั่งคั่งและเข้าสู่ศาลสวรรค์ในช่วงเริ่มต้น ในขณะนี้ เขากลายเป็นแม่ทัพสวรรค์ที่ไร้ยศ ทว่าวันนี้ เขาได้รับสมบัติในวังดุสิต
แม้จะเป็นเพียงคราดเพื่อแทนจอบทำไร่ แต่ก็อาจเป็นคราดที่เหล่าจื้อทำขึ้นมาเอง
คราดสีเงินนี้มีฟันเก้าซี่ ฟันแหลมคมนั้น ใช้เป็นอาวุธได้ มันมีลวดลายเมฆละเอียดบาง ๆ อยู่ทั่วทั้งด้านบนและล่าง ทั้งยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่มีเสี้ยวพลังเซียนเทียน มันไม่ธรรมดาจริงๆ…
เดี๋ยวก่อนนะ
หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่คราดสีเงินนั้น และนับมันอย่างระมัดระวัง
คราดเงินฟันเก้าซี่…
คราดฟันเก้าซี่! ?
เปี้ยนจวง ประมุขหอน้อยแห่งหอเทียนหยาเข้าสู่ศาลสวรรค์ในช่วงระยะเริ่มต้น และตอนนี้ก็ยังมีฐานพลังเซียนเทียน เขาเป็นแม่ทัพสวรรค์ และหลงรักสตรีทุกคนที่เขาได้พบ ชีวิตส่วนตัวของเขาช่างวิปริตนัก…
หรือว่า เขาคือ แม่ทัพเทียนเผิง[1]แห่งกองทัพเรือเทียนเหอในภายหน้า? !
รอง พี่รอง?
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะออกมาทันที เมื่อมองดูด้านหลังของเปี้ยนจวงที่จากไป เขาก็รู้สึกว่าน่าสนใจ
ที่ด้านข้างของเขา อ๋าวอี่ลูบปลายจมูกอย่างขัดเขิน จากนั้น เขาก็ก้มศีรษะและวิ่งไปทำความสะอาดจอกสุราบนโต๊ะเตี้ย เขารู้สึกว่าเขาทำให้ความพยายามของพี่ชายของเขาต้องสูญเปล่า และก่อเรื่องน่าอับอายที่นี่ เขาจึงรู้สึกละอายใจนัก
อ๋าวอี่รออยู่ข้างนอกนานกว่าครึ่งวันเมื่อหลี่ฉางโซ่วเข้าไปในวังดุสิตและตามปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไปที่สวนด้านหลัง จากนั้น เขาก็ชี้แจงถึงสาเหตุและผลการต่อสู้ระหว่างทั้งสองให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ฟัง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็สนุกสนานมากและหัวเราะอยู่สักพักก่อนจะกล่าวว่า “ฉางโซ่ว ตั้งแต่ที่ เจ้าได้เข้าร่วมในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ก็มีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นทีละอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
เอาเถิด ไปทำงานของเจ้าเถิด แล้วเจ้าอยากอยู่ในร่างจำแลงในศาลสวรรค์หรือ? ”
“ศิษย์ตั้งใจเช่นนั้นขอรับ”
“เอาเถิด หากมีเรื่องเร่งด่วนใดในภายหน้า เจ้าก็ตรงมาที่วังดุสิตได้เลย ข้าจะสัมผัสได้เอง”
“ให้การ ขอขอบคุณท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยปกป้องขอรับ!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โบกมือเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินของเจ้ากำลังจะมาเร็ว ๆ นี้แล้วใช่หรือไม่?”
“น่าจะเร็วๆ นี้ เมื่อศิษย์เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็จะลองเก็บผลเต๋าอายุยืนนี้ดูขอรับ”
“ต้องจำใส่ใจไว้ว่า เจ้าต้องรับผลจากการกระทำของเจ้า”
หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะและกล่าวยอมรับ แล้วออกจากวังดุสิต
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็พาอ๋าวอี่รีบตรงไปที่ ‘จวนเทพแห่งท้องทะเล’ ในศาลสวรรค์
ในฐานะเสนาบดีผู้มีอำนาจ จวนเทพแห่งท้องทะเลของเขาจึงตั้งอยู่ในสวรรค์ชั้นที่เจ็ด ซึ่งหลี่ฉางโซ่วจงใจเลือกสถานที่เงียบสงบที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาเซียนและทะเลเมฆที่รกร้างว่างเปล่า
ในขณะนั้น คฤหาสน์ได้รับการซ่อมแซม มีทหารสวรรค์สามพันนายคอยคุ้มกันอยู่โดยรอบพื้นที่
เหล่าเซียนของศาลสวรรค์นั้นไม่พิถีพิถันเท่าวังมังกร นอกเหนือจากทหารผู้พิทักษ์แล้ว พวกเขาไม่มีสาวใช้ใดๆ
แค่กๆ นั่นไม่สำคัญน่า
หลี่ฉางโซ่วให้อ๋าวอี่นำของขวัญมาให้บรรดาทหารสามพันคน จากนั้นก็ปล่อยให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อยู่ที่นี่และบอกให้ทหารรักษาการณ์เปิดประตูจวนเอาไว้เพื่อให้องค์เง็กเซียนเรียกเขาได้ตลอดเวลา
อ๋าวอี่จะอยู่ที่นี่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้ได้ปรากฏตัวในศาลสวรรค์มากขึ้นแล้วค่อยกลับไปที่วังมังกรเพื่อกลับคืนสู่ชีวิตของเขา
ทันทีที่เพิ่งมาถึงศาลสวรรค์ หลี่ฉางโซ่วก็ถูกบังคับให้รับรู้เข้าใจในการหลอมโอสถอย่างมหาศาลจนรู้สึกเวียนศีรษะ เขาจึงคิดจะพักผ่อนสักสองสามวัน
เขาได้แจ้งหลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่โดยเฉพาะเพื่อให้พวกนางคอยจับตาดูค่ายกลเวทรอบๆ หอโอสถเป็นพิเศษ อย่าปล่อยให้ผู้ใดบุกรุกเข้ามาได้
เขายังแขวนป้ายบอกว่า ‘มีสัตว์ร้ายอยู่ด้านหน้า’ เอาไว้ที่ริมขอบรอบนอกค่ายกลเวทและเปิดชั้นค่ายกลกับดักและค่ายกลสังหารจำนวนมาก จากนั้น เขาก็นอนลงบนพื้นในห้องลับใต้ดินและเตรียมนอนหลับให้สบายสักสองสามวัน…
ทว่าเพียงเมื่อหลี่ฉางโซ่วเพิ่งผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นเหนือสำนักตู้เซียน
ทันใดนั้น เขาก็กระโดดขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ
ทัณฑ์สวรรค์จินเซียน! ?
เขารีบตรวจดูส่วนต่างๆ ในร่างอย่างรวดเร็วและพบว่าปราณวิญญาณและขอบเขตเต๋าของเขายังมั่นคง และรากฐานเต๋าของเขาอยู่ห่างออกไปเพียงขั้นเดียวก็จะสมบูรณ์แบบแล้ว และเขาไม่ได้กระตุ้นมันด้วยตัวเขาเอง
เช่นนั้น…
เป็นฟู่กุ้ยผู้สูงส่งจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์หรือไม่?
………………………………………………………………..
[1] เป็นที่รู้จักกันดีในนามตือโป๊ยก่ายแห่งสุดยอดวรรณกรรมไซอิ๋ว