ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 378 มีบางสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้เสมอ (2)
ตอนที่ 378 มีบางสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้เสมอ (2)
“ตรัสรู้เต๋าได้มั่นคงหรือไม่?” อวิ๋นเซียวถามอย่างอ่อนโยน “เพิ่งผ่านไปเพียงสิบปีเท่านั้น มันสั้นเกินไปจริงๆ ข้ารู้ว่าสหายเต๋ามีเรื่องยุ่งมากมาย แต่การฝึกบำเพ็ญย่อมสำคัญที่สุด”
“มั่นคงแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไม่เหมาะที่ข้ายังคงรบกวนท่านผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ แล้วปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กลับไปแล้วหรือขอรับ?”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่เสวียนตูกลับไปที่วังดุสิตในวันนั้น และวางใจฝากสหายเต๋าไว้กับข้า”
อวิ๋นเซียวพยักหน้าเบาๆ ดวงตาของนางฉายแววล้อเล่นเล็กน้อยขณะที่มองหลี่ฉางโซ่วอย่างระมัดระวัง นางยิ้มและกล่าวว่า “นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ข้าและสหายเต๋าได้พบกัน”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
เขาลืมร่ายเวทให้ตัวเอง
“อืม ศิษย์ได้เก็บความลับเอาไว้มากมายและเดินไปมาในร่างจำแลง ขอท่านผู้อาวุโสโปรดอภัยให้ด้วยขอรับ”
“อืม เดิมทีข้าตั้งใจจะโยนสหายเต๋าออกไปจากเกาะทันที หากยังออกมาด้วยรูปลักษณ์เหมือนชายชรา”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะแห้งๆ ทันที
“ข้าแค่ล้อเล่น” อวิ๋นเซียวมองไปทางด้านข้าง “ก่อนหน้านี้ สหายเต๋าได้ช่วยพี่ชายและน้องสาวของข้า คราวนี้ย่อมเป็นธรรมเนียมที่ข้าจะตอบแทนความช่วยเหลือนั้นด้วยการปกป้องสหายเต๋า ต่อจากนี้ไป ก็ถือได้ว่าพวกเราเสมอกัน ไร้หนี้กรรมติดค้างต่อกัน”
หลี่ฉางโซ่วเข้าใจความหมายของเทพธิดาอวิ๋นเซียวได้ในทันที แม้จะรู้สึกหดหู่ในใจเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “ผู้อาวุโสกล่าวจริงจังไปแล้ว ศิษย์ยังต้องขอบคุณผู้อาวุโสที่เฝ้าปกป้องดูแลศิษย์”
อวิ๋นเซียวกล่าวอีกว่า “ไม่เป็นไรหรอก ก่อนที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะจากไปในวันนั้น ท่านบอกพวกเราสามสตรีพี่น้องว่า อย่าเผยข่าวอะไรออกไปด้วยเกรงว่าจะสร้างปัญหาให้สหายเต๋า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญประจิมอย่างต่อเนื่องเพื่อศาลสวรรค์ ข้าได้รับปากในเรื่องนี้แล้ว และสั่งกำชับน้องสาวทั้งสองของข้าแล้วด้วย สหายเต๋าวางใจเถิด”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่างห่วงใยกันจริงๆ!
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ศิษย์ขออำลา” หลี่ฉางโซ่วกล่าวและโค้งคำนับอีกครั้งเพื่อขอบคุณเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่ปกป้องเขา ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวยอมรับคำนับอย่างสงบ จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขี่เมฆแล้วหันกลับ มุ่งหน้าออกไปจากเกาะ
เดิมทีเขาอยากถามเทพธิดาอวิ๋นเซียวว่า นางมองเห็นขอบเขตของเขาหรือไม่ แต่หาช่วงจังหวะเหมาะไม่ได้ จึงทำได้เพียงล้มเลิกไปเท่านั้น
“สหายเต๋า…”
จู่ๆ เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็ร้องเรียกออกมาเบาๆ
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาทันที และโค้งคำนับให้เล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสมีอันใดสอนสั่งขอรับ”
“หากไม่มีเรื่องใดแล้ว ก็มาเยี่ยมเยียนเกาะซานเซียนได้ตลอดเวลา” อวิ๋นเซียวกล่าวอย่างสงบว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ชื่นชมความสามารถและสติปัญญาของสหายเต๋ามาก ข้ายังอยากหารือเรื่องเต๋ากับสหายเต๋า ไม่รู้ว่าสหายเต๋าจะสนใจหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วงุนงง แต่เขาก็ยิ้มและตอบทันทีว่า “ครั้งหน้า ศิษย์จะไปอีกแน่นอน” จากนั้นเขาก็กล่าวอำลาอวิ๋นเซียวอีกครั้งแล้วหันหลังกลับแล้วใช้เวทหลบหนีไปทางทะเล สถานที่นั้นไม่ใช่เกาะซานเซียน แต่ก็ไม่น่าจะอยู่ไกลจากมัน
หลี่ฉางโซ่วใช้หลีกลมเร้นกาย แล้วร่างของเขาก็พลิ้วไหวไปตามสายลม ในชั่วพริบตา เขาก็บินไปหลายพันลี้ ตรงไปยังแดนมนุษย์แห่งดินแดนเทวะทักษิณ
เหตุผลที่ออกทางอ้อมก็เพียงเพื่อหลีกเลี่ยง “เขตสงคราม” ระหว่างเผ่าทะเลและเผ่ามังกรเพื่อไม่ให้ประสบปัญหาใด ๆ
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกฉงนฉงายในใจ เพียงเมื่อเขากล่าวอำลา จู่ๆ เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็เรียกรั้งเขาเอาไว้…
นี่…
เห็นได้ชัดว่าไม่สอดคล้องกับลักษณะนิสัยของเทพธิดาอวิ๋นเซียว
นางไม่อยากแตะต้องกรรม และนางก็รู้ถึงอันตรายของกรรม
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนจะตัดกรรมของกันและกันเพราะนางได้ช่วยปกป้องหลี่ฉางโซ่วในครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือของเขาในครั้งก่อน
ทว่าในท้ายที่สุด ไฉนจู่ๆ นางถึงหยุดข้าเอาไว้กะทันหันและให้เหตุผลว่าข้าสามารถเข้าออกเกาะซานเซียนได้ตลอดเวลา? คำเชิญนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ…
เกาะซานเซียนไม่ใช่สถานที่ที่เซียนจินตัวน้อยๆ จะสามารถไปได้ทุกเมื่อ…
หรือว่านางมีแผนใด?
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยายามวิเคราะห์และพิจารณาจากมุมมองของอวิ๋นเซียว แต่ข้อสรุปที่เขาได้มานั้นไร้เหตุผล หรือไม่สมเหตุผล
ช่างเถิด ค่อยรอดูกันต่อไป
นางเป็นปรมาจารย์ระดับสูงเช่นนี้ นางย่อมต้องมีเหตุผลในการทำเช่นนั้น
หลี่ฉางโซ่วบินออกไปได้สามหมื่นลี้ แล้วพบเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งซ่อนอยู่ทันที จากนั้น เขาก็ตรวจสอบถุงเก็บสมบัติบนร่างของเขา ถุงเก็บสมบัติบางส่วนได้รับความเสียหายจากทัณฑ์สวรรค์ แต่โชคดีที่พวกมันล้วนมีสำรองเตรียมไว้
ในช่วงครึ่งวันนี้ หลี่ฉางโซ่วได้ทำสามสิ่ง
เรื่องแรกเลยคือ การแต่งหน้าปลอมตัวและซ่อนร่างที่แท้จริงของเขาอยู่ในร่างของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แล้วกลับไปที่สำนักตู้เซียน
จากนั้นเขาก็ใช้เจตจำนงวิญญาณเพื่อสื่อสารกับอ๋าวอี่และถามถึงความเปลี่ยนแปลงในทั้งสี่คาบสมุทรในยามที่เขาเข้าปิดด่าน จากนั้นก็กล่าวถึงเรื่องตำแหน่งเทพต่างๆ ที่เขาได้รับจากศาลสวรรค์และขอให้อ๋าวอี่แจ้งเผ่ามังกรล่วงหน้าพร้อมกับขอให้เผ่ามังกรยืนยันเหล่ามังกรที่ได้รับเลือกให้รับตำแหน่งเทพด้วย
พระราชโองการของฝ่าบาทน่าจะพร้อมในไม่ช้า
เมื่อเขากลับไปที่สำนักตู้เซียนในภายหลัง จากนั้นเขาจะใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อไปหาองค์เง็กเซียนและไปเยือนหอทงหมิง
เรื่องที่สาม…หลี่ฉางโซ่วได้ติดต่อศิษย์น้องหญิงของเขา
เขาออกมาอยู่ข้างนอกนานกว่าสิบปีแล้ว จึงกังวลว่า หลิงเอ๋อร์จะรีบแสวงหาความสำเร็จและข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ขึ้นสู่เซียนเร็วเกินไป
ทว่าหลี่ฉางโซ่วไม่คิดว่าจะได้ยิน…
“ผ่อง!” “ฮ่าฮ่า ข้าชนะแล้ว! ข้าชนะอีกแล้ว!”
ในห้องเดินหมากเล่นไพ่ที่ยอดเขาหยกน้อยเพิ่งปรับปรุงขึ้น หลิงเอ๋อร์ จิ่วจิ่ว เจียงหลินเอ๋อร์และสงหลิงลี่กำลังหัวเราะและพูดคุยกันไม่หยุด ดูเหมือนว่าพวกนางจะไม่กังวลอะไรเลย
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก
หากไม่เป็นเพราะฐานพลังของหลิงเอ๋อร์อยู่ในขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นเจ็ด ซึ่งใกล้เคียงกับที่หลี่ฉางโซ่วคาดเอาไว้แล้ว เขาคงจะกระโดดออกมา และสั่งสอนหลิงเอ๋อร์ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ
อาจารย์อาจิ่วจิ่วเข้าสู่เซียนเทียนได้อย่างมั่นคงและกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มนักชิมชั้นยอดแห่งยอดเขาหยกน้อย ระดับของนางเป็นอันดับสองรองจากปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อย เจียงหลินเอ๋อร์ และหลี่ฉางโซ่วก็ฉวยโอกาสจากช่วงที่พวกนางสับไพ่นี้ ส่งข้อความเสียงไปให้หลิงเอ๋อร์ว่า “ข้ากลับมาแล้ว สบายดี ไม่ต้องห่วง”
หลิงเอ๋อร์เบิกตากว้าง และยืนขึ้นทันทีโดยไม่รู้ตัว และด้วยความตื่นเต้น จึงทำให้นางพลิกเก้าอี้ไปข้างหลังและยกมือขึ้นเพื่อปิดริมฝีปากดุจผลอิงเถาของนางพลางหันไปรอบๆ เพื่อค้นหาร่างของหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ยังอยู่ระหว่างทาง อย่าเปิดเผยตัวเอง เล่นต่อไป”
จิ่วจิ่วสงสัยแล้วถามว่า “หลิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป? ศิลาวิญญาณหมดหรือ? อาจารย์อาจะให้เจ้าบางส่วน อย่าร้องไห้น่า!”
“มะ-ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”
หลิงเอ๋อร์สงบลงอย่างรวดเร็วและบ่นว่า “ครั้งนี้ ศิษย์พี่เข้าปิดด่านนานมากแล้ว ตอนนี้ข้าเลยรู้สึกประสาทหลอน คิดว่าได้ยินศิษย์พี่กำลังเรียกข้าเจ้าค่ะ”
จิ่วจิ่วหัวเราะและกะพริบตาพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดถึงเขามากเกินไปหรือไม่?”
หลิงเอ๋อร์หน้าแดงก่ำ แต่ก็พยักหน้าเบาๆ และพึมพำยอมรับอย่างเปิดเผย ทำให้จิ่วจิ่วไม่อาจพูดจาล้อเล่นต่อไปได้จริงๆ
เจียงหลินเอ๋อร์จั่วไพ่ในขณะที่ปลอบโยนนางว่า “เมื่อกลายเป็นเซียนแล้ว ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องใช้เวลาเข้าปิดด่านเป็นเวลานาน คู่บำเพ็ญเต๋าของผู้ฝึกบำเพ็ญไม่อาจเป็นเหมือนบรรดาคู่รักในโลกมนุษย์ที่เบื่อหน่ายจะอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน”
สงหลิงลี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้นนะ คู่รักในโลกมนุษย์ยังต้องทำให้ลูกๆ ของพวกเขาหมดสติทุกคืน พวกเขาไม่เหมือนคู่บำเพ็ญเต๋าในสำนัก!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิ่วจิ่วและเจียงหลินเอ๋อร์ก็หัวเราะลั่น แต่หลิงเอ๋อร์กลับเพียงกะพริบตาและมีท่าทีงุนงง หลี่ฉางโซ่วฟังอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก จากนั้นเขาก็ดึงสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกมาก่อนจะปิดการใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แล้วคืนจิตกลับสู่ร่างหลักของเขา ข้าควรกลับไปก่อน
เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วได้เรียกตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และควบคุมมันก่อนจะออกจากเกาะร้างอย่างระมัดระวัง
รูปลักษณ์ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้คือ เด็กสาวผู้หนึ่งที่ใช้หลีกลี้วารีเร้นกายพุ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งทำให้…พี่น้องสองสาวที่แอบเฝ้าดูสถานที่นั้นอยู่ เอียงศีรษะพร้อมกันทันที
“เป็นเขาหรือ?”
“นี่เป็นร่างจำแลงร่างหนึ่ง ต้องเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์พวกนั้นแน่ๆ ร่างหลักของเขาน่าจะซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกนั้น”
“ไปเถอะ ไปรอเขาที่ทางข้างหน้าก่อน เจ้าผูกได้เชือกผูกมังกรมาหรือไม่? ”
“ได้สิ”
“จำไว้ว่า หลังจากนี้ เจ้าต้องโจมตีให้เต็มที่ด้วยพลังทั้งหมดของเจ้า ชายผู้นี้เจ้าเล่ห์ลื่นไหลมาก หากไม่ระวัง เขาก็จะหลุดมือไปง่ายๆ”
“ได้ ๆ”
……………………………………………………………….