ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 379 ดูหลุมนี้สิ มันทั้งใหญ่และลึก (1)
ตอนที่ 379 ดูหลุมนี้สิ มันทั้งใหญ่และลึก (1)
ดั่งที่ว่ากันว่า คนเดินริมทะเล จะไม่แตะต้องน้ำทะเลได้อย่างไร?[1]
ทว่าหลี่ฉางโซ่วไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เขากล่าวอำลาเทพธิดาอวิ๋นเซียว เขาจะถูกปี้เซียวและฉยงเซียวลักพาตัวเขากลับไปที่เกาะร้างซึ่งเขาเคยซ่อนตัวมาก่อนหน้านี้…
ที่ริมเกาะร้างนั้น มีปลาตัวหนึ่งสะบัดหางและผสมรวมเข้ากับฝูงปลาก่อนจะค่อยๆ ว่ายช้าๆ ออกไปไกลๆ
ในขณะนั้น ก็มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นบนเกาะ กรรไกรสีทองสาดประกายเจิดจ้าแกว่งไปมาต่อหน้า ‘เด็กสาว’ ที่ถูกกักขังอยู่ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ฝืนยิ้มแหยๆ แล้วจุดไฟด้วยตัวเขาเอง จากนั้นก็มีควันสีเขียวพุ่งออกมาจากเปลวไฟ แล้วก่อตัวขึ้นเป็นร่างของหลี่ฉางโซ่ว
ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ถูกมัดด้วยเชือกวิญญาณทองคำ เมื่อมองไปที่ผู้อาวุโสแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า และปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยทางซ้ายและขวาทั้งสองคน หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกงงงวยจริงๆ
เจ้าสวะสองตัวนี้…
แค่กๆ เทพธิดาผู้น่ารักทั้งสองคนนี้กำลังทำอันใดกัน?
ฉยงเซียวที่สวมชุดกระโปรงหลัว หรี่ตาลงและหัวเราะคิกคักเบา ๆ พลางใช้นิ้วเรียวเท้าคางที่เรียบเนียนของนางราวกับว่ากำลังคิดว่าจะทรมานหลี่ฉางโซ่วอย่างไรดี
ปี้เซียวที่สวมชุดกระโปรงสั้นสีฟ้าอ่อนกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ข้างๆ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ลุกเป็นไฟของหลี่ฉางโซ่ว นางมองดูขี้เถ้าเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ…
มีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มากมายจริงๆ
นางเคยได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้นมาก่อนแล้ว! ฉยงเซียวยกมือขึ้นแล้วจัดวางค่ายกลข่ายอาคมสองสามชั้น ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยืนเงียบ ๆ บนชายหาดและรอให้สองปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าว “เจ้า… อืม!” ฉยงเซียวกระแอมไอก่อนจะเดินเอามือไพล่หลัง ตรงไปที่ด้านข้างของหลี่ฉางโซ่ว แล้ววนรอบร่างเขาสองรอบ
“เจ้าคือเทพแห่งท้องทะเล หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเป็นเสนาบดีคนสำคัญแห่งศาลสวรรค์…ใช่หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ พลางแย้มยิ้มอบอุ่นและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสมีอะไรจะชี้แนะข้าบ้างหรือไม่ขอรับ?”
ฉยงเซียวเชิดอกพลางเงยศีรษะขึ้นและกล่าวอย่างสงบว่า “ที่ข้าขอเชิญเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ หาใช่เพื่อสร้างปัญหาให้เจ้าไม่”
หลี่ฉางโซ่วผงะงัน
นางมัดเขาเอาไว้แล้ว จะไม่สร้างปัญหาให้เขาได้อย่างไรกัน!?!
หากจำไม่ผิด เชือกนี้น่าจะเป็นสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนใช่หรือไม่? และยังเป็นระดับชั้นยอดอีกด้วย! “ข้าจะถามคำถามง่ายๆ หลายสิบข้อกับเจ้า หากเจ้าตอบตามจริง ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป แล้วยังจะมอบสมบัติสองสามชิ้นให้เจ้าเพื่อเป็นของขวัญแสดงความยินดีที่เจ้าได้บรรลุผลเต๋าเซียนจิน”
ฉยงเซียวแค่นเสียงและยื่นมือเล็กๆ ออกไปทางด้านข้างในขณะที่ปี้เซียวก็โยนลูกทรงกลมสีเขียวอ่อนออกไปทันที
ฉยงเซียวกล่าวต่ออีกครั้งว่า “นี่คือไข่มุกแห่งความจริง มันจะบอกว่าคำพูดของเจ้าเป็นจริงหรือเท็จได้ หากเจ้ากล้าโกหก ก็จงระวังกรรไกรทองหฤโหดของข้า!”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงัน
พี่สาวใหญ่ จงใจทำดุร้ายจริงนะ เพียงแค่เขียนสั้นๆ ว่า ‘ไข่มุกนี้มีไว้เพียงเพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว’ บนใบหน้าก็พอแล้ว ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว หากมีไข่มุกเช่นนั้นจริงๆ นางก็ควรจะแอบใส่ไว้ในแขนเสื้อเพื่อตัดสินว่าคำพูดของเขาเป็นความจริงหรือไม่มิใช่หรือเล่า?
มันจะได้ผลกว่าหรือไม่หากพูดตรงๆ ออกมาเลย … หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสโปรดถามมาเถิด”
“เจ้าเป็นบุรุษใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับ”
“เจ้าฝึกฝนเต๋ามาแล้วไม่ถึงห้าร้อยปีหรือ?”
“ใช่”
“ศิษย์พี่เสวียนตูสั่งให้เจ้าเกี้ยวพี่สาวของข้าหรือ?”
“เรื่องไร้สาระ”
ขณะที่ฉยงเซียวกำลังจะถามต่อ หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องมองนาง
เขาชิงกล่าวก่อนนางว่า “ท่านผู้อาวุโส เรื่องตลกนี้ออกจะเกินไปสักหน่อย หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของผู้น้อยหาได้สำคัญไม่ แต่ชื่อเสียงของผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวจะเป็นเยี่ยงไรเล่า? ในโลกบรรพกาลนี้ ทุกคนล้วนรู้ดีว่าในหมู่เทพธิดาซานเซียวแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย เทพธิดาอวิ๋นเซียวนั้นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เทพธิดาฉยงเซียวฉลาดเลิศล้ำปัญญา เทพธิดาปี้เซียวนั้นเฉียบแหลมฉับไว ท่านไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้”
ฉยงเซียวกะพริบตาเบา ๆ และแค่นเสียงกล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ก็ไม่อาจทำให้หัวใจเต๋าของผู้อาวุโสคนนี้สับสนได้!”
แม้จะกล่าวเช่นนั้นแล้ว แต่ริมฝีปากของนางก็หยักยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ที่ด้านข้าง ปี้เซียวก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน นางและฉยงเซียวต่างยืนอยู่คนละข้าง สองสาวพี่น้องต่างกอดอกแล้วเริ่มซักถามอีกรอบ
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด เขาตอบทันทีอย่างไม่ลังเลใจทุกครั้งในขณะที่ ‘ไข่มุกแห่งความจริง’ เป็นดั่งเพียงเครื่องประดับ ไร้รอยผิดปกติใดๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจว่าเหตุใดนางฟ้าทั้งสองจึงมัดเขาเอาไว้
พวกนางกังวลว่า เขาจะจงใจใกล้ชิดเทพธิดาอวิ๋นเซียว และกลัวว่ามันจะเป็นแผนของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน พวกนางรู้สึกว่าพี่สาวของพวกนางเข้าปิดด่านมาเป็นเวลานาน ไม่สนใจเรื่องทางโลก และไร้เดียงสาเกินไป ดังนั้น จึงวางแผนร้ายกับเขา
จริง ๆ แล้ว พวกนางมีเหตุผลไม่เลว แต่วิธีการนั้น… มันเป็นอะไรบางอย่าง เทพธิดาซานเซียว หลี่ฉางโซ่วไม่อยากพร่ำบ่นเรื่องนี้มากนัก เขารู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย จากมุมมองของคนนอก เทพธิดาอวิ๋นเซียว มีความน่าเชื่อถือมากกว่าน้องสาวสองคนของนางรวมกันหลายร้อยเท่า
แต่ในเมื่อเทพธิดาฉยงเซียวและปี้เซียวมาหาเขาถึงที่ หลี่ฉางโซ่วจึงฉวยโอกาสนี้วางแผนเพื่อให้พวกนางทั้งสองช่วยเก็บงำความลับเรื่องภูมิหลังของเขาเอาไว้
ในช่วงระหว่างการถามตอบ หลี่ฉางโซ่วได้ใช้ทักษะคารมอย่างเต็มที่ และเริ่มใช้คำถามและคำตอบอย่างแนบเนียน ภายนอก เขาทำเป็นชื่นชมแต่แอบชี้นำอย่างลับๆ และเพียงครู่หนึ่ง เขาก็ทำให้ฉยงเซียวและปี้เซียวคร่ำครวญเบา ๆ ด้วยไม่อาจถามอะไรได้อีกเลย
ฉยงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “เช่นนั้น พวกเราก็เข้าใจเจ้าผิดไปใช่หรือไม่?”
“เป็นผู้น้อยเองที่ทำให้ผู้อาวุโสเข้าใจผิดโดยไม่ตั้งใจ” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านช่วยแก้มัดให้ผู้น้อยได้หรือไม่ขอรับ?”
“ปล่อยเจ้าหรือ?”
ฉยงเซียวเลิกคิ้วพลางชูไข่มุกในมือขึ้นและกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล เทพแห่งท้องทะเล ต่อให้เจ้าจะวางแผนได้เลิศล้ำเพียงใด เจ้าก็ยังหลงกลข้า เจ้าคิดว่าข้าใช้ไข่มุกนี้เพียงเพื่อทำให้เจ้ากลัวเช่นนั้นหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองก่อนจะถามว่า “แล้วไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”
“หึ!”
ฉยงเซียวบิดนิ้วเบา ๆ ทันใดนั้น ไข่มุกก็เปล่งแสงสีขาวสว่างพร่างพราวขึ้น แล้วมีบทสนทนาดังขึ้นจากภายในนั้น
นั่นคือคำถามที่ยี่สิบสี่ของฉยงเซียว ‘เจ้ามีความคิดที่ไม่เหมาะสมกับพี่สาวของข้าบ้างหรือไม่? ’
หลี่ฉางโซ่วตอบอย่างเฉียบขาดว่า “ไม่มีขอรับ”
ทันใดนั้น ไข่มุกก็สั่นเบาๆ แล้วเปล่งแสงสว่างจ้าขึ้นมาทันที
“เจ้าโกหก” ฉยงเซียวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “คราวนี้ข้าชนะแล้วใช่หรือไม่? ข้าเคยพูดไปแล้วว่า หากเจ้าโกหกแม้เพียงครึ่งคำแล้วล่ะก็ ข้าจะ…”
ขณะกล่าว ฉยงเซียวก็หยิบกรรไกรทองออกมาแล้วโบกไปมาตรงหน้าของหลี่ฉางโซ่วทำให้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ “นี่…”
หลี่ฉางโซ่วหาได้ตื่นตระหนกไม่ เขากล่าวเพียงว่า “ผู้น้อยจะตอบได้อย่างไร? หรือจะให้ข้าตอบว่าข้ามีความคิดที่ไม่เหมาะสมกับผู้อาวุโสอวิ๋นเซียว? ผู้น้อยขอบังอาจถามผู้อาวุโสว่า หากผู้อาวุโสเป็นบุรุษ ท่านจะมีความคิดเช่นนั้นหรือไม่? ”
“ย่อมไม่”
“หือ?” หลี่ฉางโซ่วรู้สึกแปลกใจอย่างกะทันหัน ปี้เซียวและฉยงเซียวส่ายศีรษะ จากนั้น ฉยงเซียวก็เดาะลิ้นพลางยิ้มก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “พี่สาวของข้าดูอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วจู้จี้ยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น นางยังคอยควบคุมดูแลพวกเราทุกฝีก้าว นางกลัวนั่นนี่ไปทุกเรื่อง”
“ใช่แล้ว” ปี้เซียวกล่าว เสริมแทรกขึ้นมาข้างๆ “เมื่อพี่สาวโกรธ นางดูน่าสะพรึงยิ่ง! ไม่เห็นหรือว่าพี่ใหญ่ของพวกเราตกใจกลัวมากเพียงใด?!”
“ยิ่งกว่านั้นนะ พี่สาวก็เข้าปิดด่านตลอดปี นางน่าเบื่อยิ่ง” “พอออกมาจากการปิดด่าน นางก็ยังต้องการทดสอบหลักการฝึกบำเพ็ญของพวกเรา หากตอบคำถามของนางไม่ได้ พวกเราก็จะถูกกักบริเวณโดยไม่ให้ออกไปเป็นเวลาหลายหมื่นปี!”
“เวลาเมา พี่สาวก็ชอบร่ายรำ ท่าร่ายรำของนาง…เฮ้ มันพูดยากนะ” ไฉนยามนี้ข้าถึงรู้สึกว่า… นี่ “การประชุมสอบปากคำครั้งใหญ่” นี้ เริ่มกลายเป็นการร้องทุกข์ไปแล้ว?
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส คงดีกว่าที่จะ… เก็บคำพูดเหล่านี้ไว้ในใจ ผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวก็แค่เป็นห่วงท่านเท่านั้นขอรับ”
ฉยงเซียวเม้มริมฝีปากแล้วเก็บกรรไกรทองคำ จากนั้น นางก็เอามือไพล่หลังก่อนจะก้าวเดินไปสองก้าวแล้วกล่าวว่า “กล่าวตามตรง ที่พวกเรามัดเจ้าไว้ที่นี่ในวันนี้ มิใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เป็นเพียงเพื่อทดสอบดูความรู้สึกของเจ้าเท่านั้น สำหรับเจ้าแล้ว พื้นหลังของเจ้าแทบจะไม่อาจผ่านได้เลย แม้เจ้าจะยังเป็นศิษย์ที่ท่านอาจารย์ลุงให้ความสำคัญและยกย่องอย่างยิ่งเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้เป็นศิษย์ของท่านจอมปราชญ์”
ปี้เซียวกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม เหล่าจื้อก็ได้ถ่ายทอดเต๋าหลอมโอสถให้เจ้า และศิษย์พี่เสวียนตูก็ยังปกป้องเจ้าอีกด้วย นั่นก็ไม่เลว แล้วเจ้าก็ยังผ่านการทดสอบด้วยตัวเจ้าเองแล้ว! แต่แล้วไยเจ้าถึงไปทำอะไรในศาลสวรรค์นั้น? ไปเป็นเสนาบดีต่ำต้อยตัวน้อยคอยรับใช้ผู้อื่น มันน่าขัดใจจริงๆ”
ฉยงเซียวกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ ข้าถามคำถามเจ้าสี่สิบเก้าคำถามแล้ว ในขณะที่เจ้า ตอบคำถามอื่นๆ ตามจริง แต่หนึ่งในนั้น เจ้ายังตอบกำกวม เจ้าแทบจะไม่ผ่านการทดสอบของข้า ปัญหาของเจ้าในตอนนี้ก็คือ ระดับพลังของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป!”
ปี้เซียวมองหลี่ฉางโซ่วพลางส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ใช่แล้ว ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าก้าวเข้าสู่กึ่งปราชญ์ แต่อย่างน้อยที่สุด เจ้าก็ควรเป็นเซียนต้าหลัวจินให้เร็วที่สุด ” “อย่างน้อยที่สุด เจ้าควรมีสมบัติที่ทรงพลังสักสองสามชิ้น เช่นนี้แล้ว เจ้าถึงจะปกป้องพี่สาวของพวกเราได้ … ”
“สินสอดทองหมั้นก็ขาดไม่ได้เช่นกัน…”
“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสทั้งสองขอรับ!”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหัน แล้วรีบกล่าวว่า “ผู้น้อยขออภัยที่ขอถามท่านผู้อาวุโส พวกท่านน่าจะออกจากเกาะซานเซียนมาระยะหนึ่งแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ใช่แล้ว”
“ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสอวิ๋นเซียวบอกให้พวกท่านทั้งสองคนอยู่บนเกาะและไม่ให้เตร่ไปที่ใดไม่ใช่หรือขอรับ?”
ฉยงเซียวและปี้เซียวต่างมองหน้ากัน แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
………………………………………………………………..
[1] หากติดต่อหรือเข้าไปพัวพันกับคนชั่วหรือการกระทำผิด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะถูกทำให้นิสัยเสีย หรือเป็นไปในแบบเดียวกันด้วย เปรียบได้กับคบคนพาลพาลพาไปหาผิด