ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 401 ปลาใหญ่บังเอิญระเบิด (1)
ตอนที่ 401 ปลาใหญ่บังเอิญระเบิด (1)
ท่ามกลางสายตาจ้องมองของผู้ฝึกบำเพ็ญสำนักตู้เซียนมากกว่าสามสิบคน จิ๋วอวี่ซือ คุกเข่าต่อหน้าปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง นางก้มกราบกรานสามครั้งต่อหน้าบรรดาเซียนและผู้เป็นอมตะ
จากนั้นปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ก็ยกมือขวาขึ้น แล้วลำแสงเซียนก็ก่อตัวขึ้นในฝ่ามือก่อนจะตบลงบนศีรษะของจิ๋วอวี่ซือเบาๆ สามครั้งเพื่อปลุกสติปัญญาให้แจ่มกระจ่างและเพิ่มพูนการหยั่งรู้ให้นาง
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ยังคงสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและกล่าวว่า “นับจากวันนี้ไป เจ้าจะเป็นศิษย์คนที่สิบของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุขและกลายเป็นเซียนได้โดยเร็วที่สุด วิถีเซียนนั้นสงบสุข เจ้าจะมีอายุยืนยาวตลอดไปได้ จากนี้ไปเจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของสำนักตู้เซียน เจ้าต้องรู้ภูมิหลังของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน จงอย่าได้ทำสิ่งใดที่จะนำความอับอายมาสู่สำนัก”
จิ๋วอวี่ซือที่ฝึกซ้อมมาหลายครั้งแล้ว นางก็ก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงคมชัดว่า “ศิษย์จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านอาจารย์เป็นอย่างดีเจ้าค่ะ!”
“ดี”
จากนั้น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งโบกมือเบาๆ แล้วจิ่วอี้อีก็ก้าวออกไปข้างหน้าทันที จิ่วอี้อีถือชุดเสื้อผ้าและกระบี่สั้นสองเล่มซึ่งเป็นสมบัติอมตะทั้งหมด ถุงเก็บของสามใบ และมีวิชาฝึกบำเพ็ญระดับเริ่มต้นของสำนักตู้เซียนอยู่บนเสื้อคลุม นอกจากนี้ยังมีแผ่นหยกที่บันทึกกฎของสำนักตู้เซียน เมื่อจิ๋วอวี่ซือได้รับของขวัญแรกเข้าแล้ว ศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงทั้งเก้าคนก็ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อต้อนรับนาง แต่ละคนล้วนมีของขวัญเตรียมไว้ให้
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเมื่อเห็นเช่นนั้น
เมื่อมีศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงหลายคน ก็ย่อมรับโชคลาภได้แม้จะเป็นของขวัญพบหน้าเล็กน้อยจากพวกเขาแต่ละคน!
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาจ้องมองบางเบาของหลิงเอ๋อร์ หลี่ฉางโซ่วก็เม้มปาก แล้วหันศีรษะไปสังเกตสีหน้าท่าทางของท่านอาจารย์ของเขา
บัดนี้ท่านอาจารย์…น่าประทับใจมาก
เขารับรู้ได้ทั้งหมดว่า ท่านอาจารย์ยืนอยู่อีกมุมหนึ่งและเดินตามเจียงหลินเอ๋อร์ไป ครั้นเมื่อไม่มีใครสนใจเขาก็ยกมือขึ้น เช็ดที่มุมตาของเขาแล้วยิ้มพลางมองดูเหตุการณ์ครึกครื้นนี้
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง แต่มันไม่ดีที่เขาจะตัดสินใจในเรื่องนี้ให้อาจารย์ของเขา
เป็นไปดั่งที่เขาได้กล่าวแนะนำอาจารย์ของเขาเอาไว้ว่า เรื่องของท่านอาจารย์และร่างที่กลับชาติมาเกิดของอาจารย์ป้าของเขา ทำได้เพียงปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไปตามวิถีของมันเท่านั้น…
ในขณะนั้น ท่านอาจารย์ก็ไม่มีความเสียใจมากนัก
เซียนพิภพ…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ เขาก็คิดถึงรสชาติของ’ตี้ซานเซียน’ ซึ่งเป็นอาหารที่ทำจากมันฝรั่งผัด มะเขือยาว และพริก จากนั้นจึงส่งข้อความเสียงเพื่อสั่งหลิงเอ๋อร์ให้ทำอาหารให้เขา
เมื่อทุกอย่างจบลง จิ่วเซียนทั้งสิบก็ไปฉลองกันที่ยอดเขาหยกน้อย แม่ครัวทำอาหารในวันนี้คือ หลิงเอ๋อร์และสงหลิงลี่
เมื่อพิธีกราบอาจารย์เพื่อเป็นศิษย์ของจิ่วอวี้ซือเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าสำนักก็พาเหล่าผู้อาวุโสก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง
หลี่ฉางโซ่วยังคงยุ่งอยู่กับเดินทัพออกศึกของศาลสวรรค์และเผ่ามังกร ดังนั้นเขาจึงสั่งบางอย่างกับหลิงเอ๋อร์แล้ว เขาก็ออกจากที่พำนักหว่างฉิงไปเงียบๆ
ทว่าทันทีที่เขาขี่เมฆบินออกจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ จิ่วอูก็ไล่ตามเขามาทันจากด้านหลัง “ฉางโซ่ว! ช้าก่อน!”
หลี่ฉางโซ่วหยุดและหันไปโค้งคำนับให้พร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง ท่านรีบมาเช่นนี้ ท่าน…โอสถหมดแล้วหรือขอรับ?”
“มีโอสถพอแล้ว มีพอแล้ว!” จิ่วอูยิ้มเขินอาย แล้วกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆของ หลี่ฉางโซ่วพลางกระซิบว่า “ข้ามีเรื่องบางอย่างจะหารือกับเจ้า เจ้ายังจำได้หรือไม่? เจ้ากับข้า… แค่กๆ อาจารย์ของเจ้าและฉันจับปีศาจจิ้งจอกตัวนั้นได้ในโลกมนุษย์ ซึ่งสร้างปัญหาให้เรามาก และเราก็ใช้คาถาเวทกับนาง”
“ข้าย่อมจำได้แน่นอนขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “นางไม่ได้ถูกกักขังไว้ด้วยเส้นชีพจรปฐพีหรอกหรือขอรับ?”
จิ่วอูกล่าวต่อว่า “แล้วยังจำได้หรือไม่ว่า นางมีพลังบุญในร่างอยู่บ้าง?”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าตรงๆ และครั้งนี้เขาไม่ได้ขัดจังหวะจิ่วอูและเผยท่าทางให้จิ่วอูกล่าวจบในคราวเดียว
จิ่วอูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา มีกองกำลังปีศาจกลุ่มหนึ่ง ค้นหาจิ้งจอกในดินแดนเทวะบูรพาและดินแดนเทวะมัชฌิมา จากข่าวที่ได้รับจากผู้บริหารสองสามคน ปีศาจจิ้งจอกที่ปีศาจกลุ่มนั้นกำลังค้นหานั้น ตามรูปลักษณ์ที่ปรากฏและตำแหน่งที่หายตัวไปของมัน ตรงกับปีศาจจิ้งจอกที่เราจับได้…พอดี”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “กองกำลังปีศาจที่ท่านอาจารย์ลุงกำลังกล่าวถึงนั้น แข็งแกร่งมากหรือ?”
“ไม่เกี่ยวกับว่าพวกเขาแข็งแกร่งหรือไม่” จิ่วอูยิ้มขื่นและกล่าวว่า “กองกำลังนี้มีเบื้องหลังซับซ้อน และถือว่ามีชื่อเสียงทีเดียวในดินแดนเทวะมัชฌิมา
เบื้องหลังฝ่ายนั้นเป็นสาวใช้ที่รับใช้จอมปราชญ์ในวัง นอกจากนี้ยังมีปรมาจารย์เผ่าปีศาจซึ่งได้เข้าอยู่ร่วมในเผ่าพันธุ์มนุษย์และกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์จนเกือบจะสูญสิ้นไป นอกจากนี้…อืม…ในบรรดาปราชญ์โบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีจักรพรรดิองค์หนึ่งที่เสพสุขกับนางสนมสามพันคน และเบื้องหลังเผ่าพันธุ์นี้คือ นางสนมผู้เป็นที่รักของปราชญ์มนุษย์สองคน…ดูเหมือนว่า ปีศาจจิ้งจอกที่เราจับได้ก่อนหน้านี้จะเกี่ยวข้องกับปราชญ์ชราผู้นั้น นอกจากนี้ กองกำลังนี้ยังไม่เคยมีส่วนร่วมในความขัดแย้งระหว่างปีศาจกับมนุษย์ พวกเขาเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรมาโดยตลอด ซึ่งสำนักเซียนส่วนใหญ่จะไว้หน้าให้พวกเขาอยู่บ้าง”
ปราชญ์…สนมสามพันคน…
จักรพรรดิเหลืองเซวียนหยวน?
เมื่อได้ยินจิ่วอูกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที
กล่าวถึงเรื่องนั้น ไฉนวังหลังสามพันคนของผู้อาวุโสเซวียนหยวนจึงซับซ้อนยิ่งนัก!?!
หรือว่า การรวบรวมสาวงามจากทุกเผ่าพันธุ์จะมีผลบวกเพิ่มต่อการฝึกบำเพ็ญ?
ดินแดนที่ไม่เป็นที่รู้จัก ดินแดนที่ไม่เป็นที่รู้จัก
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “แล้วเหตุใดในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ จึงไม่มีผู้ใดตามหานาง?”
จิ่วอูกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าทั้งเผ่าพันธุ์จะคิดว่านางกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ใดสักแห่ง และพวกเขาเพิ่งรู้ว่านางหายตัวไปเมื่อไม่นานมานี้แล้วคาดว่านางถูกเหล่าผู้ฝึกบำเพ็ญจับตัวไป โชคดีที่ข้าไม่ได้สังหารนางในตอนนั้น ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงได้เป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “เราไม่รู้เรื่องของกองกำลังนี้มาก่อนเลยหรือ?”
จิ่วอูถอนหายใจเบาๆ และชี้แจงว่า “สำนักตู้เซียนของเราอยู่ไกลจากดินแดนเทวะมัชฌิมาและเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ ในขณะนี้ มีผู้อาวุโสหลายคนในสำนักที่รู้เรื่องนี้แล้ว และพวกเขาก็ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
เขากล่าวต่อว่า “หากเราปล่อยให้ปีศาจจิ้งจอกไป ก็จะทำให้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเสียหน้า เพราะจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่า สำนักตู้เซียนกลัวเหล่าปีศาจ ทว่าหากเราไม่ปล่อยมันไป ดูจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว ก็ดูเหมือนว่า ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้จะมีสถานะไม่ต่ำในเผ่าพันธุ์ของมัน และมีโอกาสมากที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติอื่นๆ ได้ ฉางโซ่ว เจ้ามีความคิดมากมายอยู่เสมอ พอมีมีวิธีแก้ปัญหาดีๆ หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ บัดนี้ เขามีแผนในใจแล้ว จึงยิ้มและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง ศิษย์มีแผนที่จะให้เรื่องนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น ท่านอาจารย์ลุง ท่านไปเสนอผู้อาวุโสในสำนักให้ตัดสินใจว่าจะทำเช่นนี้หรือไม่”
“โอ! บอกข้ามาเร็วเข้า!”
“ท่านอาจารย์ลุง โปรดฟัง…”
จากนั้น เขาก็ชี้แจงรายละเอียด
หลี่ฉางโซ่วกระซิบข้างหูของจิ่วอูอยู่ครู่หนึ่ง ชั่วขณะนั้น ดวงตาโตที่อยู่ใต้คิ้วหนาของจิ่วอูก็ค่อยๆ เปล่งประกายสว่างขึ้นทีละน้อย
“ดี ข้าจะไปเรียนเรื่องนี้กับบรรดาท่านผู้อาวุโสเดี๋ยวนี้!”
“ท่านอาจารย์ลุงไม่ต้องวิตก ตราบใดที่เราเพียงดูแลเรื่องนี้เท่านั้น ที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “พวกเขามีภูมิหลังตระกูลที่ซับซ้อน และสำนักตู้เซียนของเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเช่นกัน”
จิ่วอูพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วรีบไปที่หอลงทัณฑ์
หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆบินอยู่ที่ระดับความสูงปานกลาง เขากลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยและวางแผนการที่เขาเพิ่งคิดขึ้น ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร เพราะในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรปีศาจจิ้งจอก นอกจากเพียงขังนางไว้ที่นั่นเท่านั้น…
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เพื่อศึกษาโอสถพิษเพลิงหัวใจสัมผัสเซียนรับรู้ หลี่ฉางโซ่วได้ปล่อยให้ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้พยายามใช้วิชามนตราบางอย่าง เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว เขาก็รู้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด
นอกจากนี้ หลี่ฉางโซ่วในวันนี้ก็ไม่ใช่สำนักตู้เซียนที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะใช้เพียงหุ่นเชิดมาทำร้ายได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับอย่างอื่น เพราะเพียงแค่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งค้นคว้ามาไม่นานนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ระเบิดวิญญาณ’ ก็นำมาใช้ในการต่อสู้จริงได้แล้ว
เขาสามารถถ่ายเทพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งเซียนจินลงในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กึ่งสำเร็จล่าสุดให้ไปถึงระดับใกล้เต็มได้
จากนั้นก็ใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ธรรมดาให้นำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ระเบิดวิญญาณ’ ไปซุ่มซ่อนตัวยังที่ที่กองทัพศัตรูมารวมตัวกัน และใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ธรรมดาใส่พลังเซียนเข้าไปในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘ระเบิดวิญญาณ’ และใช้มันโจมตี ‘เส้นขอบเขตเซียนจิน’ ทำให้เกิดการระเบิดที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกบำเพ็ญกึ่งขอบเขตเซียนจินได้ทำลายตนเอง…
นั่นคือ ศาสตร์แห่งการบำเพ็ญเซียน
หลี่ฉางโซ่วไม่อยากใช้กลอุบายนี้จริงๆ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เหล่านั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาได้ด้วยการทำงานหนักของต้นไม้วิญญาณบนยอดเขาหยกน้อย
การเตรียมการส่วนใหญ่ของเขาเป็นเพียงในกรณีเท่านั้น
“เหล่าปีศาจจิ้งจอก เป็นกองกำลังเผ่าปีศาจที่มีภูมิหลังที่ซับซ้อน…”
จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็คิดถึงชื่อหนึ่งขึ้นมาในใจ ต๋าจี่?
กล่าวให้ถูกต้องก็คือ นางน่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ต๋าจี่ ซึ่งเป็นเพียงสตรีมนุษย์ธรรมดาที่ถูกปีศาจจิ้งจอกเข้าสิง และต๋าจี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับปีศาจจิ้งจอกที่ถูกกักขัง อย่างไรก็ตาม กองกำลังนี้อาจเป็นต้นกำเนิดของต๋าจี่ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว จิ้งจอกเก้าหางย่อมต้องไม่ธรรมดาเหมือนปีศาจทั่วไปเพื่อให้ได้รับเลือกจากปราชญ์
………………………………………………………………..