ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 402 ปลาใหญ่บังเอิญระเบิด (2)
ตอนที่ 402 ปลาใหญ่บังเอิญระเบิด (2)
ช่างมันเถิด คิดไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องการปราบดาเทพนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย
ข้าน่าจะคิดถึงการต่อสู้ในคืนพรุ่งนี้และตรวจดูว่ามีช่องโหว่หรือไม่ และดูว่ามีข้อบกพร่องใดๆ ที่คนอื่นจะฉวยประโยชน์ไปใช้หรือไม่
จากนั้น เขาก็กลับไปที่หอโอสถและนอนลงบนเก้าอี้โยก แล้วสองวันกับหนึ่งคืนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วบินออกจากประตูสวรรค์ทักษิณพร้อมกับเหล่าทหารสวรรค์ผู้แกร่งกล้า หลี่ฉางโซ่วก็วิตกกังวลเช่นกัน เขาใช้สัมผัสเซียนรับรู้เพื่อดูสถานการณ์ริมทะเลสาบวิญญาณของยอดเขาหยกน้อย ในขณะนั้น จิ่วเซียนทั้งเก้า หลิงเอ๋อร์ โหย่วฉิน หลิงลี่ หลิวเยี่ยนเอ๋อร์ และหวางฉีได้มาร่วมดื่มและเฉลิมฉลองด้วยกัน
จิ๋วอวี่ซือที่เพิ่งเป็นศิษย์นั้นขี้อายมาก ทว่าด้วยการยุยงของจิ่วจิ่ว นางจึงถือกระบี่พร้อมด้วยใบหน้าแดงก่ำออกไปร่ายรำกระบี่ในขณะที่หลิงเอ๋อร์บรรเลงดนตรี
ที่ขอบของความรื่นเริงนั้น ฉีหยวนก็ได้กลับไปสู่ลักษณะปกติของเขาแล้ว เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบและนั่งสมาธิเงียบๆ ในขณะนั้น มีอักขระเต๋าเข้าล้อมรอบเขาและริมฝีปากของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วอดจะยิ้มไม่ได้ จากนั้น เขาก็เอนกายบนเก้าอี้โยกและทำสงบใจให้จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ในศาลสวรรค์อย่างเต็มที่
ครึ่งวันหลังจากนั้น…
หากถามฝ่าบาทองค์เง็กเซียนว่า ตอนนี้ท่านมีสภาพจิตใจเป็นอย่างไร คิดว่าบางทีเขาคงจะบอกว่า… เสียใจมาก
องค์เง็กเซียนคิดว่าเขาจะนำทัพออกรบ เขาคิดว่าจะได้ถือกระบี่สวรรค์เอาไว้ในมือและสวมชุดเกราะสีทอง เขาจินตนาการว่า เขาจะขี่ม้าสวรรค์สีขาวสะอาดและเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนที่ท่วมท้นไปด้วยไอปีศาจ
เขาจะถือกระบี่สวรรค์และร้องตะโกนว่า ‘เพื่อศาลสวรรค์’ แล้วนำเหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เข้าสู่สนามรบ และต่อสู้ด้วยเลือด เพื่อส่งเสริมความชอบธรรมแห่งสวรรค์และปฐพี!
ทว่าในระหว่างการรบจริง…
“รายงานท่านแม่ทัพ กองทหารต่างๆ ได้เข้าไปในพื้นที่ซุ่มโจมตีแล้วขอรับ!”
“รายงาน เหล่าปีศาจใต้ท้องทะเลลึกมากกว่าสามพันห้าร้อยตัวได้ถูกส่งออกมาแล้ว และเมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่าร่างของพวกมันกว่าเก้าส่วนล้วนติดบ่วงกรรมร้ายขอรับ!”
“รายงาน – กองทัพศัตรูเข้าสู่การซุ่มโจมตีแล้ว เผ่ามังกรพร้อม! รอคำสั่งท่านแม่ทัพ!”
บนท้องฟ้าที่มีเมฆขาวรวมตัวกันเป็นชั้นๆ ทหารสวรรค์หลายพันคนล้อมรอบเก้าอี้สองสามตัว แม่ทัพปราบปีศาจแห่งศาลสวรรค์ ฮวารี่เทียน ยังคงนั่งอยู่กับแม่ทัพตงมู่ ผู้ว่าการทหาร และผู้มอบหมายงานทั่วไป หลี่ฉางโซ่ว พร้อมด้วยผู้อาวุโสผู้ทรงพลังอำนาจแท้จริงของเผ่ามังกร
เหล่าทหารผู้ส่งสารยังคงวิ่งไปและตะโกนแจ้งข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาเรื่อยๆ ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มและกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ถึงเวลาแล้ว โปรดออกบัญชาเถิด”
เหล่าทหารผู้ส่งสารยังคงวิ่งไปข้างหน้า ตะโกนออกไปตามข้อมูลที่ได้รับ
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนมองหลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาที่ฉายแววสงสัยเล็กน้อย ราวกับว่าเขาจะกล่าวว่า “นั่นเป็นสิ่งที่แม่ทัพทำหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและขยิบตาเพื่อส่งสัญญาณยืนยันกับองค์เง็กเซียน
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนเม้มฝีปากและกระแอมไอ “กองทัพทั้งหมด โจมตีและทำลายล้างเหล่าปีศาจให้สิ้นซาก” เสียงของเขาฟังดูอ่อนแรงไปเล็กน้อย
“รับบัญชา!” ผู้ส่งสารตอบก่อนจะหันกลับแล้วกระโดดห่างออกไปหนึ่งร้อยฉื่อ จากนั้นก็ชักธวัชเวทบัญชาการขึ้นโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว แล้วบัญชาการทหารก็กลายเป็นกระแสแสงพุ่งลงสู่ส่วนต่างๆ ของทะเลทักษิณ
ไม่นานหลังจากนั้น พลังวิญญาณในทะเลทักษิณพลันปั่นป่วนจนพื้นผิวทะเลเกิดคลื่นม้วนตัวขึ้นเป็นชั้นๆ!
ทันใดนั้น เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจ และมังกรคราม รวมทั้งเสียงโห่ร้องสังหารของเหล่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า!
แม่ทัพตงมู่ หลี่ฉางโซ่ว และผู้อาวุโสมังกร ล้วนรอคอยอย่างสงบ ทันใดนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็อดจะยืนขึ้นไม่ได้ เขาถือกระบี่และกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เมื่อแม่ทัพใหญ่ร่วมรบเคียงข้างกับเหล่าทหารทั้งหมด แล้วจะหดหัวขลาดกลัวอยู่ที่นี่ไปไยกัน!?!”
“ท่านแม่ทัพใหญ่” หลี่ฉางโซ่วกล่าวชี้แนะว่า
“แม่ทัพแตกต่างจากแม่ทัพใหญ่ ในฐานะที่เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพทั้งสาม เราต้องสังเกตภาพรวมของสถานการณ์ หากเราไปทำหน้าที่บุกทะลวงแนวข้าศึก กองทัพย่อมจะไร้ผู้นำ เมื่อนั้น ข้าเกรงว่าพวกเราทั้งหมดจะตกอยู่ในอันตราย”
แม่ทัพตงมู่กล่าวเสริมว่า “ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพใหญ่รี่เทียนอย่ากังวลไปเลย! มันเป็นเรื่องของแม่ทัพที่จะบุกเข้าสู่สนามรบและฝ่าทะลวงแนวข้าศึก ส่วนท่านแม่ทัพใหญ่ยังต้องมองภาพรวมที่ใหญ่กว่า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮวารี่เทียนจึงพยักหน้าก่อนจะกลับไปยังที่นั่งแล้วรอต่อไปเงียบๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า หากเขาไม่ได้มอบตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ให้ร่างจำแลงของเขา ครานี้ เขาย่อมจะเป็นผู้นำกองทัพหนึ่งในทะเล และเข้าประจัญบานกับเหล่าปีศาจในทะเลได้ตามที่เขาคาดไว้
ในขณะนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนมองไปที่หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล เทพแห่งท้องทะเล…ขุนนางที่รักของข้า ฉางเกิง!” หลี่ฉางโซ่วจึงหันกลับมาแล้วถามว่า “มีอันใดผิดไปหรือฝ่าบาท?”
ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนกล่าวว่า “ให้เจ้ารับผิดชอบดูแลสถานการณ์ ตั้งแต่การจัดวางกำลังพลไปจนถึงแผนการซุ่มโจมตี ให้เจ้าและแม่ทัพตงมู่เป็นคนจัดการทั้งหมด ส่วนข้าจะลงไปร่วมรบกับเหล่าทหาร บทบาทหน้าที่ของข้า มีเพียงออกบัญชาการเท่านั้นหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วจึงส่งข้อความเสียงตอบกลับไปว่า “ฝ่าบาท ท่านเป็นจ้าวผู้ปกครองแห่งของสามอาณาจักร…”
“ขุนนางของข้า รู้หรือไม่ว่า ตั้งแต่ขึ้นมาเป็นองค์เง็กเซียน ชีวิตของข้ามันช่างน่าเบื่อทุกวัน!?! กล่าวได้เลยว่า ข้าเฝ้ารอศึกสู้เช่นนี้อยู่!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันฉับพลัน
เมื่อเห็นว่าองค์เง็กเซียนกำลังจะเริ่มบ่น หลี่ฉางโซ่วจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งข้อความเสียงไปว่า
“ฝ่าบาท เมื่อสงครามในทะเลทักษิณสงบลง แล้วเราไปที่ทะเลประจิมเพื่อกวาดล้างเหล่าปีศาจ จากนั้นเทพน้อยจะยั้งแม่ทัพตงมู่เอาไว้ให้ แล้วพระองค์ก็นำกองทัพไปกำจัดปีศาจด้วยตัวเองได้ เพียงแต่พระองค์ยังต้องทรงดูแลตัวเอง เมื่อเราย้ายต่อสู้ในทะเลประจิม บางที สำนักบำเพ็ญประจิมก็อาจจะโต้ตอบและสร้างปัญหาวุ่นวายได้เช่นกัน”
“แน่นอน!”
ทันใดนั้น ร่างจำแลงขององค์เง็กเซียนก็คึกคักขึ้น แล้วไปนั่งรอรายงานบนเก้าอี้ในทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีซากศพกองมหึมาที่เต็มไปด้วยบาดแผลปรากฏขึ้นบนพื้นผิวท้องทะเลเบื้องล่าง
กองกำลังขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาทหารสวรรค์หลายหมื่นนาย เข้าล้อมรอบทะเลในรัศมี สามพันลี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในที่นี้ ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลมากเกินไป
สองชั่วยามต่อมา ก็สิ้นศึกในทะเลทักษิณ
กองทัพศาลสวรรค์และกองทัพเผ่ามังกรได้รวมตัวกันแล้วพุ่งตรงไปยังสถานที่ที่เหล่าปีศาจใหญ่รวมตัวกัน ตามกฎที่หลี่ฉางโซ่วและแม่ทัพตงมู่ได้หารือกันก่อนออกศึก หากเหล่าปีศาจมีกรรมร้าย พวกเขาจะทำลายวิญญาณของปีศาจทันทีเพื่อไม่ให้ทิ้งปัญหาใดๆ ไว้ในภายหน้า
ส่วนเหล่าปีศาจที่ไม่มีกรรมร้ายจะถูกกักเก็บไว้ในเจดีย์ผนึกปีศาจของศาลสวรรค์จนสิ้นอายุขัย แล้วพวกมันก็จะได้กลับชาติมาเกิดด้วยตัวเอง
จากในช่วงกลางดึกของการต่อสู้จนมาถึงยามอรุณรุ่ง
บัดนี้ กองทัพศาลสวรรค์และกองทัพเผ่ามังกรได้รวมตัวกันที่ขอบทะเลทักษิณก่อนจะเคลื่อนทัพไปยังทะเลประจิมเพื่อพุ่งไปสู่สนามรบถัดไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อปีศาจแห่งมหาสมุทรใต้ถูกโจมตี ปีศาจใต้ท้องทะเลลึกของมหาสมุทรตะวันตกก็พร้อมที่จะล่าถอยในชั่วข้ามคืน
เมื่อเผ่าปีศาจแห่งทะเลทักษิณถูกถูกพิชิตแล้ว เผ่าปีศาจใต้ทะเลลึกแห่งทะเลประจิมก็พร้อมจะล่าถอยไปในชั่วข้ามคืน พวกมันออกจากดินแดนเทวะทั้งห้าจากปลายทะเลประจิม ทว่าก็ถูกเผ่ามังกรสกัดกั้นในระหว่างทาง ซึ่งส่วนใหญ่ ถูกปิดกั้นไว้ที่ขอบทะเลประจิม
และคราวนี้ หลี่ฉางโซ่วได้ยั้งแม่ทัพตงมู่ตามที่ตกลงเอาไว้กับร่างจำแลงขององค์เง็กเซียน และเสนอให้แม่ทัพปราบปีศาจแห่งศาลสวรรค์ ฮวารี่เทียน เป็นผู้นำกองทัพออกไปโจมตีเหล่าปีศาจในทะเลประจิมนับพันลี้ด้วยตัวเอง…
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของฮวารี่เทียนที่ปรี่ออกไปข้างหน้า แม่ทัพตงมู่ก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ไยเจ้าหนุ่มคนนี้จึงใจร้อนเช่นนี้? เฮ้อ เมื่อกลับไปแล้ว ข้าต้องรายงานเรื่องเขาให้ฝ่าบาทจริงๆ! เทพแห่งท้องทะเล เหตุใดเราไม่ส่งบันทึกเสนอแนะไปร่วมกันเล่า”
“เรื่องนั้นคงไม่จำเป็นหรอก ท่านแม่ทัพตงมู่ย่อมทำเองได้ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อท่านแม่ทัพฮวาได้นำทัพไปที่นั่นแล้ว ท่านแม่ทัพตงมู่ ย่อมต้องรับผิดชอบดูแลสถานการณ์โดยรวม”
แม่ทัพตงมู่ส่ายศีรษะเบาๆ ขณะมองไปที่แผ่นหลังของฮวารี่เทียนและรู้สึกหงุดหงิดเมื่อคาดหวังจากเขาว่าดีกว่านี้
ในขณะนั้น ก็มีเมฆขาวบินมาจากส่วนลึกของทะเลประจิมอย่างรวดเร็วและหยุดกองทัพแห่งศาลสวรรค์เอาไว้
หลี่ฉางโซ่วกวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบ เนื่องจากระยะทางค่อนข้างห่างไกล เขาจึงมองเห็นได้ไม่ชัดนักว่าคืออะไร…
เป็นนักพรตเต๋าชราในชุดสีน้ำตาลที่สะพายน้ำเต้าใหญ่อยู่บนหลัง เขายืนอยู่ลำพังเพียงคนเดียวบนเส้นทางเมฆตรงหน้าที่ศาลสวรรค์และกองทัพเผ่ามังกรพุ่งไป
ในขณะนั้น เขาก็แผ่พลังกดดันที่รุนแรงออกมา
นักพรตเต๋าชราเอ่ยปากกล่าวอย่างเย็นชา เขาดึงน้ำเต้าใหญ่ที่มีสีม่วงขาวออกจากแผ่นหลังแล้วถือเอาไว้ในฝ่ามือ จากนั้นก็จ้องมองไปที่แม่ทัพสวรรค์แห่งศาลสวรรค์ ฮวารี่เทียน ซึ่งกำลังพุ่งออกไปที่ด้านหน้า
“ศาลสวรรค์หมายความว่าอย่างไรกัน? พวกเขาต้องกำจัดเด็กกำพร้าในศาลปีศาจหรือ!?!”
………………………………………………………………..