ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 419 ดูแลชีวิตที่สงบสุขของจักรพรรดิ
ตอนที่ 419 ดูแลชีวิตที่สงบสุขของจักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้ว (1)
“ผู้อาวุโส ข้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ตอนนี้ข้าเป็นเทพแห่งท้องทะเลแห่งศาลสวรรค์ ข้าได้รับพระบัญชาจากองค์เง็กเซียนให้มาเยี่ยมเยือนปราชญ์มนุษย์ที่ถ้ำเมฆไฟ”
“ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เทพแห่งท้องทะเลแห่งศาลสวรรค์หรือ? แค่กๆ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายร่างกำยำที่มีท่าทางสบายๆ ไม่ระวังตัวอยู่บ้าง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที
แม้ว่าเขาจะสวมเพียงเสื้อกันฝนฟาง เขาก็ยังดูทรงพลังแข็งแกร่ง ปราศจากอารมณ์ไม่พอใจใดๆ และใบหน้าใหญ่รูปเหลี่ยมจัตุรัสที่เป็นเอกลักษณ์ประจำกายของเขา ก็ยิ่งดูทรงอำนาจ น่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก
หลี่ฉางโซ่วจ้องไปยังชายร่างใหญ่กำยำ และดูราวกับขุนเขาสูงตระหง่านได้ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา ชายร่างใหญ่กำยำผู้นี้ยืนสูงตะหง่านอยู่บนทะเลสาบในระหว่างสวรรค์และปฐพี และดูทรงพลังแข็งแกร่งยิ่ง!
นี่เป็นจักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้วองค์ใดกัน?
คนผู้นั้นกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้ามีสัญลักษณ์ของศาลสวรรค์หรือไม่?”
“แน่นอน มันอยู่นี่” หลี่ฉางโซ่วหยิบสารส่วนพระองค์ขององค์เง็กเซียนออกมาถือเอาไว้ในมือของเขาทันที และมีร่างเงามังกรเกล็ดสีทองแหวกว่ายอยู่ช้าๆ และมีอักขระเต๋าลึกลับหลั่งไหลออกมา
ชายร่างใหญ่กำยำพยักหน้าช้าๆ และกล่าวว่า “เขาเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ของสามอาณาจักรที่ดำเนินตามเต๋าสวรรค์อย่างแท้จริง”
เขากล่าวเปลี่ยนเรื่องอีกครั้งว่า “ในเมื่อเจ้าเรียกตัวเองว่าศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เจ้าก็น่าจะเป็นมนุษย์เช่นกัน แล้วเหตุใดเจ้าถึงใช้ร่างจำแลงมาที่นี่?”
“ข้าย่อมไม่กล้าบังอาจหลอกลวงท่านผู้อาวุโส” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและกล่าวว่า “เป็นเพียงว่า ร่างจริงของศิษย์ไม่กล้าออกเดินลุยไปทั่วโลกบรรพกาล และยามนี้ ข้าก็กำลังทำงานให้ศาลสวรรค์โดยอยู่ในร่างจำแลงเท่านั้น”
“เช่นนั้น เจ้าจะพิสูจน์ตัวตนของเจ้าได้อย่างไร? ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะให้เจ้าผ่านเข้าไปได้เพียงเพราะเจ้าหยิบสารฉบับหนึ่งออกมา” ชายร่างใหญ่กำยำขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าไม่สนใจใดๆ หากเจ้ารบกวนการบำเพ็ญเพียรอย่างสงบของเหล่าผู้อาวุโสที่เหลือ แล้วเจ้าจะรับผิดชอบ จัดการกับมันอย่างไร?”
เหล่าผู้อาวุโส…
ดูเหมือนว่าข้าจะเคยเห็นร่างของชายร่างใหญ่กำยำผู้นี้อย่างเลือนรางในม้วนหนังแกะโบราณ…
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่ว เขาเดาถึงตัวตนของชายร่างกำยำผู้นี้ได้คร่าวๆ พลางยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส หรือว่าท่านคือ ฝ่าบาท อวี่ผู้ยิ่งใหญ่ [1] บรรพชนผู้ก่อตั้งเก้ามณฑลขึ้น เปิดภูเขาเพื่อควบคุมน้ำ ผู้ทรงสร้างประโยชน์คุณูปการให้ประชาราษฎร์ทั่วไป และผลักดันรากฐานของเผ่ามนุษย์ให้ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองมหาศาล?”
ชายร่างใหญกำยำยังคงสีหน้าดูเป็นปกติเหมือนเดิม เขาพยักหน้าอย่างสงบและกล่าวว่า “ที่นี่เป็นที่ที่ข้ามีอาวุโสและบุญน้อยที่สุด ดังนั้นอย่าได้เหลวไหลและพูดกับข้าด้วยความเคารพเช่นนี้ เวลานี้ข้ามิใช่จักรพรรดิแล้ว เป็นเพียงแค่ชายชราบนภูเขาผู้หนึ่งเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและประสานมือโค้งคารวะให้พลางกล่าวว่า “เป็นความผิดของผู้น้อยเอง ท่านผู้อาวุโส ท่านตรวจสอบพลังของตำแหน่งเทพแห่งศาลสวรรค์ของผู้น้อยได้”
ขณะกล่าว แขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่วก็พลิ้วไหวเบาๆ และชั้นของคลื่นน้ำก็ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขาในทันที จากนั้น ก็มีฝูงปลาจากทั่วสารทิศ แหวกว่ายมารวมตัวกัน
ปลาส่วนใหญ่ที่นั่นเป็นปลาวิญญาณ เกล็ดบนร่างกายของพวกมันมีสี เขาว่ายอยู่ใต้น้ำตาพร่าของผู้คน
ปลาที่นี่ส่วนใหญ่เป็นปลาวิญญาณที่มีเกล็ดหลากสีสัน พวกมันแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำและทำให้ผู้คนต่างพากันตื่นตาตื่นใจ
ในขณะนั้น ดวงตาของชายร่างกำยำเปล่งประกาย จากนั้น เขาก็หยิบคันเบ็ดที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและยกมือขึ้น แล้วทันใดนั้น ปลาวิญญาณก็พุ่งไปที่เรือไม้และเข้าห้อมล้อมชายร่างกำยำ
“ฮ่าๆๆๆ! เจ้า เทพแห่งท้องทะเล ยังสามารถจัดการปลาในทะเลสาบได้… แค่กๆ!”
ชายร่างกำยำอารมณ์ดีขึ้นในทันที สำเนียงของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่เขากระแอมไอแห้งๆ และถือเบ็ดตกปลาเอาไว้และกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ทว่าที่นี่คือทะเลสาบในดินแดนแห่งทะเลสาบ แล้วเจ้าใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้จริงๆ มันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้ว ค่อนข้างมีเสน่ห์ ดึงดูดให้ผู้คนรู้สึกประทับใจมากจริงๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดของเขาเคลื่อนไหวและเขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว บางทีจักรพรรดิอวี่ผู้ยิ่งใหญ่อาจกำลังทดสอบเขา
จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “แม่น้ำต่างๆ ได้รวบรวมหยาดฝนและน้ำค้าง และแม่น้ำทุกสายก็ล้วนหวนกลับคืนสู่ทะเล แม้ผู้น้อยจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของผู้น้อยได้เฉพาะในทะเลเท่านั้น แต่วิถีน้ำส่วนใหญ่ในใต้หล้าล้วนเชื่อมต่อกับทะเลในท้ายที่สุด เช่นนั้น ผู้น้อยจึงยังสามารถแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ที่นี่”
“กล่าวได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม่น้ำต่างๆ ได้รวบรวมหยาดฝนและน้ำค้าง และแม่น้ำทุกสายก็ล้วนหวนกลับคืนสู่ทะเล!”
ชายร่างกำยำกล่าวชื่นชม ครั้นเมื่อเห็นว่าคันเบ็ดกำลังจม เขาก็รีบยกมันขึ้น แล้วปลาวิญญาณก็โผล่พุ่งขึ้นมาจากน้ำและถูกชายร่างกำยำจับเอาไว้ก่อนจะยัดมันลงไปในตะกร้าปลาที่อยู่ข้างๆ
จากนั้นชายร่างกำยำก็ถอนหายใจอย่างสบายใจแล้วมองไปที่ฝูงปลาวิญญาณในทะเลสาบพลางโบกมือเบาๆ
ในเวลานั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ฉางโซ่วก็สลายหายไป และปลาวิญญาณก็ส่ายหางแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็วภายใต้ทะเลสาบ…
ชายใหญ่ร่างกำยำแย้มยิ้มและหรี่ตาพลางกล่าวว่า “ตามที่คาดหวังจากเทพผู้ชอบธรรมแห่งศาลสวรรค์และเสนาบดีผู้ทรงคุณค่าที่สำคัญที่สุดแห่งหอสมบัติหลิงเซียวในสายตาขององค์เง็กเซียน ถ้อยคำของเจ้า ‘แม่น้ำทุกสายล้วนหวนคืนกลับสู่ทะเลในท้ายที่สุด’ นั้น มันตรงกับนิสัยของข้านัก นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเผยให้เห็นถึงสติปัญญาเฉลียวฉลาดของเจ้า มานั่งสิ ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรอเจ้าตามคำสั่ง ข้าจะถามคำถามเจ้าสามข้อ”
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าไม่ระวัง
มีผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งอยู่ในถ้ำเมฆไฟ ซึ่งดูแลเรื่องการหยั่งรู้และทำนายดวงชะตาแบบมืออาชีพ เขาคือ ฝูซี บางที เขาอาจจะหยั่งรู้อนาคตได้จริงๆ
ว่ากันว่า ฝูซีเป็นร่างกลับชาติมาเกิดของพี่ชายของเทพีหนี่วา เขาเข้ามาแทนที่ซุ่ยเหรินและค่อยๆ นำเผ่ามนุษย์ไปสู่ความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองขึ้นทีละน้อย ซุ่ยเหรินได้นำเผ่ามนุษย์ต่อสู้ไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีมาตลอดชีวิตของเขา เขาต่อสู้ดิ้นรนและอยู่รอดได้ในระหว่างเผ่าเวทและปีศาจ
ในทางกลับกัน ฝูซีได้ทุ่มเทพลังงานส่วนหนึ่ง เน้นในการรวมชะตากรรมของเผ่ามนุษย์เอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเป็นการให้ความกระจ่างรู้แจ้งแก่เผ่ามนุษย์รูปแบบหนึ่ง และทำให้วิธีฝึกบำเพ็ญของเผ่ามนุษย์สมบูรณ์แบบ…
สามกษัตริย์และห้าจักรพรรดิแห่งโลกบรรพกาลล้วนอยู่ในช่วงปลายยุคโบราณ พวกเขานำเผ่ามนุษย์ให้เจริญเติบโตขึ้นทีละขั้น และ “ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง” ของจักรพรรดิมนุษย์ทุกคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้น ผลงานสนับสนุนของพวกเขาก็แตกต่างกันเช่นกัน
โลกที่ยิ่งใหญ่นั้น ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ
หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆไปข้างหน้าอย่างสงบไปถึงเรือไม้และนั่งลงที่ท้ายเรือไม้ลำนั้น
ต้าอวี่กวาดตาจ้องมองหลี่ฉางโซ่วขึ้น ลงและยิ้ม พลางกล่าวว่า “หากเจ้าตอบคำถามสามข้อนี้ไม่ได้ ก็ให้ทิ้งของขวัญและสารฉบับนี้อาไว้ในวันนี้ แล้วกลับไปเอง เหล่าผู้อาวุโสไม่น่าจะพบเจ้า”
นัยนั้นคือ เขากำลังเตือนหลี่ฉางโซ่วว่า หากเขาตอบคำถามได้ดี จักรพรรดิมนุษย์สองสามคนเหล่านั้นก็จะให้โอกาส…
หลี่ฉางโซ่วมีสีหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม เขาประสานมือคารวะแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “จักรพรรดิ โปรดถามคำถามของท่านมาเถิด”
“ข้อแรก เจ้าเป็นเสนาบดีผู้หนึ่งที่ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิแห่งสวรรค์ของศาลสวรรค์ และเจ้ายังมาจากเผ่ามนุษย์อีกด้วย เช่นนั้น หากจักรพรรดิแห่งสวรรค์นำภัยพิบัติมาสู่เผ่ามนุษย์ แล้วเจ้าจะเกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิแห่งสวรรค์ถอนคำบัญชาไปได้อย่างไร?”
หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง…
จะเปิดอกพูดกันตรงๆ ทันทีเลยหรือไม่? ไม่ว่าเขาจะตอบคำถามนั้นอย่างไร ก็ยากจะตอบได้สมบูรณ์แบบ มันเหมือนกับคำถามที่ว่าจะภักดีและอุทิศตนอย่างไร
จักรพรรดิต้าอวี่หรี่ตาและยิ้มพลางรออยู่เงียบๆ เพื่อให้หลี่ฉางโซ่วตอบโดยไม่เร่งเร้าเขาแต่อย่างใด
หลี่ฉางโซ่วนั่งคิดอยู่นานและความคิดหลากหลายก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
หลังจากนั้นสักพัก ก็กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ผู้น้อยจะไม่ทำเช่นนั้น”
ต้าอวี่กระตุกมุมปากเล็กน้อยและยิ้มพลางดุว่า “ข้าถามเจ้าว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร แต่เจ้ากลับตอบว่าไม่ เช่นนั้น เจ้าก็ไม่ได้ตอบคำถามของข้า!”
หลี่ฉางโซ่วชื่นชมในใจ แม้จักรพรรดิมนุษย์ผู้นี้จะสละโลกแล้ว แต่หาได้โง่เขลาไม่ เขาไม่สับสนและ ยากจะล่อหลอกให้เขาหลงประเด็นของเขาไปได้
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยย่อมไม่อาจเกลี้ยกล่อมและไม่ควรเกลี้ยกล่อมเขา ยังต้องขอให้ผู้อาวุโสโปรดฟังผู้น้อยชี้แจงให้ละเอียดก่อนเถิด”
“พูดมา” ต้าอวี่ยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร หากไม่สมเหตุผล เจ้าก็จะไม่ผ่านการทดสอบในวันนี้ พูดตามตรง เมื่อข้าเป็นจักรพรรดิมนุษย์ ข้าเคยเห็นผู้คนมากมายที่พูดจาฉะฉานและปกป้องตัวเองได้ดี ดังนั้นอย่าคิดจะปกป้องตัวเจ้าเองเลย”
“ผู้น้อยมิกล้า” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าพลางยิ้มและเริ่มกล่าว… ถกประเด็น
คำตอบของคำถามนั้นอยู่เหนือคำถาม
คำตอบพื้นฐาน:
“เต๋าสวรรค์ หาได้ดำเนินการเป็นไปตามเจตจำนงของเผ่ามนุษย์ไม่ มนุษย์ควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติแห่งสวรรค์และปฐพี มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และปฐพีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ปีแห่งภัยพิบัติและปีแห่งความรุ่งโจน์ ล้วนเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น มนุษย์ล้วนมีชีวิต เกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด และพวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับโชคในอนาคตอันใกล้ เต๋าสวรรค์ย่อมเสถียรมั่นคงและไม่ถูกทำลายได้ง่ายๆ”
ต่อไปก็เป็นส่วนขยายอีกเล็กน้อย
………………………………………………………………..
[1] พระเจ้าอวีผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นตำนานบรรพชนวีรบุรุษผู้ก่อตั้งราชวงค์เซี่ย ซึ่งเป็นราชวงค์แรกของจีน ทรงเป็นบุตรของกุ่น ขุนนางในพระเจ้าเหยา เมื่อแต่งงานได้เพียงไม่กี่วัน ก็ต้องรับตำแหน่งแทนบิดาเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ทรงทุ่มเทเพื่อให้ประชาราษฎร์หลุดพ้นจากความยากลำบากอย่างเต็มที่จนแม้แต่ผ่านบ้านตัวเองก็ยังไม่ยอมเสียเวลาเยี่ยมเยือนภรรยาและครอบครัวตนเอง ทรงเห็นว่าที่แม่น้ำฮวงโหเอ่อล้นจนก่อให้เกิดอุทกภัย เพราะมีภูเขาใหญ่ซึ่งเป็นต้นทางน้ำ กีดขวางทางน้ำไหลอยู่ จึงเรียกไพร่พลให้ช่วยกันขุดเจาะภูเขาเพื่อให้น้ำไหลผ่านแทนที่จะเอาแต่สร้างทำนบกั้นน้ำ สุดท้าย ได้ทรงขุดคลองแม่น้ำใหญ่ขึ้นเก้าสาย แอ่งน้ำใหญ่เก้าแห่ง เจาะภูเขาเก้าลูก ผู้คนล้วนสรรเสริญและขนานนามให้ว่า ต้าอวี่ หรืออวี่ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อจากนั้นมา ด้วยทรงพระปรีชาและเห็นแก่ประโยชน์ของราษฎรเป็นที่ตั้ง แม้มิใช่โอรสในสายโลหิต แต่พระเจ้าเหยาก็ทรงมอบบัลลังก์ให้พระเจ้าอวี่ปกครองแผ่นดินแทน