ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 425 วิถียาวไกลในการทะยานขึ้นสู่เซียน (1)
ตอนที่ 425 วิถียาวไกลในการทะยานขึ้นสู่เซียน (1)
ก่อนจากไป หลี่ฉางโซ่วได้มอบของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ศาลสวรรค์เตรียมให้เขา ฝากให้ต้าอวี่ช่วยมอบมันให้กับซุ่ยเหริน ผู้อาวุโสซุ่ยเหรินไม่มีคนในครอบครัวอยู่ในถ้ำเมฆไฟ หลี่ฉางโซ่วสามารถเก็บของขวัญชิ้นสุดท้ายนี้เอาไว้ให้ตัวเขาเอง แต่เขาไม่อาจให้ตัวเองทำเช่นนั้นได้ ยิ่งกว่านั้น ในฐานะเทพอันดับสี่แห่งศาลสวรรค์ นักพรตเต๋าผุ้หนึ่งในวังดุสิต และเทพแห่งท้องทะเลที่องค์เง็กเซียนพึ่งพาได้ เขาจะขาดผลท้ออมตะหรือ?
ใช่ เขาขาด
ไม่ว่ารากวิญญาณเซียนเทียนจะผลิตออกมากี่ผล เขาก็ยังขาด!
น่าเสียดายที่หลี่ฉางโซ่วเคยคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของ “ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน” ดูเหมือนว่า เขาจะเรียกร้องอะไรมากนักไม่ได้
เขาอยากกินลูกท้อจริงๆ ลือกันในศาลสวรรค์ว่า ลูกท้ออมตะสามารถเพิ่มอายุขัยของผู้ฝึกบำเพ็ญที่อยู่ต่ำกว่าเซียนจินได้ ไม่รู้ว่ามันจะมีผลกับอาจารย์ของเขาที่เป็นเซียนจั๋วหรือไม่
หลิงเอ๋อร์ ยังไม่ได้กลายเป็นเซียน การกินลูกท้ออมตะจะเป็นอันตรายและไร้ประโยชน์กับนาง อาจเป็นเพราะมันชดเชยความอ่อนแอของนางไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วออกจากถ้ำเมฆไฟ และมุ่งหน้าไปยังศาลสวรรค์ เขาไม่ได้ค้นหา “สมบัติวิญญาณแห่งโชคชะตา” ในทันที
แม้เขาจะเคารพผู้อาวุโสจักรพรรดิมนุษย์สองสามคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม แต่เขาก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบและตรวจสอบก่อนล่วงหน้าสองสามครั้ง
เขาต้องเชื่อ แต่เขาไม่อาจเชื่อทุกอย่างได้ ยิ่งกว่านั้น แม้ฝูซีจะไม่ได้ระบุตำแหน่งร่างหลักและร่องรอยของเขา และให้แผนที่แก่เขาเท่านั้น ทว่าหาก “ปลายทาง” ถูกเปิดเผย ตำแหน่งร่างหลักของเขาก็จะถูกเปิดเผย หลี่ฉางโซ่วจึงต้องคิดถึงการได้รับสมบัตินั้นมาอย่างรอบคอบ
เขานึกถึงสิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยินมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ในบรรดาปราชญ์มนุษย์ทั้งเจ็ด คนที่ทำให้เขาประทับใจมากที่สุดคือ ต้าอวี่ซึ่งเขาสนิทคุ้นเคยด้วยมากที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ได้ยืนอยู่บนเรือลำเล็กด้วยกันเป็นเวลาสามวันสามคืน ตามที่ต้าอวี่เล่ามา พวกเขาได้ผ่านความทุกข์ยากต่างๆ มาด้วยกัน
ผู้อาวุโสต้าอวี่ได้มอบแผนภาพสมบัติอุทกศาสตร์และเข็มสงบเทพทะเลให้กับเขา เขาติดหนี้น้ำใจผู้อาวุโสต้าอวี่
ผู้อาวุโสฝูซีได้ให้เบาะแสเพื่อค้นหาสมบัติแก่เขา แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่กล้าแน่ใจว่าสมบัตินั้นเป็นเหรียญทองแดงลั่วเป่าหรือไม่
เขารู้สึกว่าผู้อาวุโสฝูซีได้หยั่งรู้คำทำนายของเขา… ไข่มุกที่ผู้อาวุโสเสิ่นหนงมอบให้เขา น่าจะเป็นสมบัติแห่งธาตุทั้งห้า ในขณะนั้น เขาไม่อาจระบุได้ว่าเป็นสมบัติเซียนเทียนหรือไม่ ทว่าเขาก็อาศัยมันช่วยเพิ่มการผลิตและการเก็บเกี่ยวในกิจการปลูกถั่วของศาลสวรรค์ได้ ไม่อาจนำมันกลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยได้ หากไข่มุกนี้เป็นที่รู้จักก็จะเผยข้อร่องรอยชัดเจนเกินไป หลี่ฉางโซ่วได้ให้ความเคารพและระมัดระวังจักรพรรดิมนุษย์ที่สละโลกแล้วทุกคนอย่างเพียงพอ
เพื่อเป็นจักรพรรดิมนุษย์ได้ในอดีตได้ เหล่าผู้อาวุโสย่อมมีจิตใจไม่ธรรมดา เขาไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับถ้ำเมฆไฟอีกหรือไม่ในภายหน้า มีโอกาสสูงที่เขาจะ…
เมื่อเมฆเข้าสู่หมอก ลมสวรรค์ก็หยุดเขาไม่ได้ ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เห็นประตูสวรรค์กลางอยู่ในสายตา เขาขี่เมฆไปข้างหน้า จากนั้น เหล่าทหารก็โค้งคำนับให้และตรวจสอบตัวตนของเขา เขายังตรวจสอบแผ่นหยกของหลี่ฉางโซ่วอย่างละเอียด… หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าแม่ทัพสวรรค์พิถีพิถันและขยันขันแข็งเพียงใด เขายังให้ ‘ความชื่นชม’ กับฮวารี่เทียนอีกด้วย! หลังจากเข้าสู่หอสมบัติหลิงเซียวแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เสร็จสิ้นภารกิจและมอบแผ่นหยกที่เขาได้รับจากผู้อาวุโสฝูซีให้กับองค์เง็กเซียน องค์เง็กเซียนจึงออกพระราชโองการอย่างเป็นทางการเพื่อส่งเสริมการบูชา บวงสรวงฟ้าดินในดินแดนเทวะทักษิณ
ด้วยรากฐานของสำนักเทพทะเลของหลี่ฉางโซ่ว ย่อมไม่ยากเกินไปนักที่จะเริ่มเรื่องนั้น แต่ในขณะที่แนะนำมนุษย์ให้บวงสรวงฟ้าดิน เครื่องสักการะบูชาของสำนักบำเพ็ญเต๋าก็จะได้รับผลกระทบโดยง่ายเช่นกัน…หลี่ฉางโซ่วต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ในนามของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เขาต้องหารือเรื่องนี้กับศิษย์คนโตแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซึ่งดูแลกิจการของสำนัก ในกรณีเช่นนั้น เขาจะไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ว่า ศาลสวรรค์ไม่เคารพเหล่าจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า
หลี่ฉางโซ่วอยากขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยดำเนินการในเรื่องนั้น ตอนนี้ยังไม่ได้สร้างพระราชโองการขององค์เง็กเซียนขึ้นมา จึงยังไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นให้มากเกินไป พระราชโองการขององค์เง็กเซียนทุกฉบับจะใช้เวลาหลายร้อยปีในการสร้างขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเทพแห่งท้องทะเลของหลี่ฉางโซ่วกลับมาแล้ว และเผ่ามังกรได้รับตำแหน่งเทพระดับล่างจำนวนเล็กน้อยหรือไม่ แต่เต๋าสวรรค์ก็มีความสัมพันธ์กับศาลสวรรค์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ตามที่เจ้าหน้าที่เซียนของหอทงหมิงเล่ามา ความเร็วของพระราชโองการขององค์เง็กเซียนได้เพิ่มขึ้น…หนึ่งส่วน การเดินทางของหลี่ฉางโซ่วนั้นไม่ใช่เรื่องการวิ่งขาว[1] แม้เขาจะได้รับประโยชน์มากมายจากถ้ำเมฆไฟ แต่เขาก็ยังต้องได้รับรางวัลที่องค์เง็กเซียนมอบให้ จำนวนสมบัติที่องค์เง็กเซียนประทานให้เขาเพื่อตกแต่งจวน สามารถถูกมองข้ามได้ ศาลสวรรค์ได้มอบบุญจำนวนเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากเท่ากับเมื่อภารกิจสังหารปีศาจในทะเลทักษิณ และทะเลประจิมเสร็จสิ้นลง
เรื่องนี้ถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา และในภายหน้าก็จะได้รับบุญมากมาย…
หลี่ฉางโซ่วทูลองค์เง็กเซียนว่า เขาจะกลับไปที่จวนเพื่อรอการประกาศพระราชโองการของเขา จากนั้นองค์เง็กเซียน ก็ยิ้มและส่งเขาออกไป
แม่ทัพสวรรค์ฮวารี่ทียนกำลังรออยู่ใกล้หอสมบัติหลิงเซียวแล้ว หลังจากพบหลี่ฉางโซ่วแล้ว พวกเขาก็ขี่เมฆกลับไปที่คฤหาสน์เทพทะเลด้วยกัน
ในขณะนั้น ร่างจำแลงทั้งสองต่างมองกันและกันอยู่บนก้อนเมฆ ในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็ใช้วิธีดั้งเดิมในการส่งข้อความเสียงด้วยตนเองแบบมองหน้ากันของศาลสวรรค์
ฮวารี่ทียนถามว่า “เทพแห่งท้องทะเล เจ้าได้พบจักรพรรดิมนุษย์ซุ่ยเหรินในถ้ำเมฆไฟหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วตอบว่า “ฝ่าบาท ทรงมีอะไรจะบอกผู้อาวุโสผู้นั้นหรือไม่? ดูเหมือนว่า ผู้อาวุโสผู้นั้นจะกำลังพักฟื้นอยู่ในเวลานั้น เทพน้อยจึงไม่ได้พบเขา”
“ก่อนที่ข้าจะได้เป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ ข้าได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้ไปฝึกบำเพ็ญในโลกมนุษย์ ข้ายังทำหน้าที่ภายใต้ซุ่ยเหริน” องค์เง็กเซียน ถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าไม่คิดมาก่อนว่า อาการบาดเจ็บของเขาจะยังไม่หายดี”
หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เทพน้อยขอบังอาจถามว่า ระดับฐานพลังของฝ่าบาทในยามนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ฝ่าบาทอย่าทรงคิดมาก เทพน้อยเพียงห่วง…”
“ฮ่าฮ่า อย่ากังวลไปเลย มันสมควรแล้วที่เจ้าจะถามเช่นนั้น เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณานั้นซับซ้อนมากเกินไป” องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “เอาเป็นเช่นนี้ หากข้าอยู่ในศาลสวรรค์ ย่อมไม่มีผู้ใดทำร้ายข้าได้เว้นแต่ท่านอาจารย์และพี่น้องสองสามคนที่จะทำเช่นนั้นด้วยตัวเอง” ความแข็งแกร่งขององค์เง็กเซียนนั้นสุดจะหยั่งถึงได้จริงๆ เขาได้รับการคุ้มครองจากพลังแห่งเต๋าสวรรค์และแตกต่างจากปรมาจารย์คนอื่นๆ … นั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น องค์เง็กเซียนก็ถามถึงเรื่องการจัดการนักพรตเต๋าลู่หยา และถามหลี่ฉางโซ่วว่า เขามีแผนอะไรดีๆ หรือไม่ แต่เมื่อไม่นานมานี้ หลี่ฉางโซ่วยุ่งอยู่กับการค้นหาเหรียญทองแดงลั่วเป่า และไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก เขาจึงทำได้เพียงจัดการมันลวกๆ และเผยความกังวลของเขาต่อองค์เง็กเซียนอย่างแนบเนียน
เป็นไปได้มากที่จะมีจอมปราชญ์อยู่เบื้องหลังนักพรตเต๋าลู่หยา เว้นเสียแต่ว่า เขาจะมีเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับลู่หยาที่อาจทำให้คนอื่นๆ พูดไม่ออกและฆ่าเขาในทันที ไม่เช่นนั้น คงยากมากที่จะกำจัดเขาได้…
กล่าวง่ายๆ ว่ามันยากมาก เจ้าหน้าที่คู่แห่งศาลสวรรค์ส่งเสียงถึงกันและกันเพื่อหารือถึงเรื่องนี้ เมื่อพวกเขามาถึงหน้าคฤหาสน์เทพทะเล สุดท้ายแล้ว ฮวารี่เทียนก็พอใจและกล่าวคำอำลาไปในที่สุด ฝ่าบาทองค์เง็กเซียนทรงกังวลในเรื่องลู่หยาค่อนข้างมาก
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและเลิกคิ้ว
หลี่ฉางโซ่วควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เทพแห่งท้องทะเลกลับไปที่คฤหาสน์เทพทะเล และนำสมบัติวิญญาณสองชิ้นที่เขาได้รับมาจากผู้อาวุโสต้าอวี่ออกมา
สำหรับเขาแล้ว หน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเข็มสงบเทพทะเลคือ พลังบุญบนตัวมัน
ทว่าการดึงพลังบุญออกมานั้นไม่ง่ายเลย หลี่ฉางโซ่วไม่รู้จะทำอย่างไร เขาทำได้เพียงเก็บแท่งเหล็กเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ช่างเข้ากับประโยคนั้นจริงๆ… แท่งเหล็กนี้มีประโยชน์อย่างไร?
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วค่อนข้างสนใจแผนภาพอุทกศาสตร์ แต่หลังจากหยั่งรู้บางอย่างแล้ว เขาก็รู้สึกว่า ดูเหมือนว่า แผนภาพสมบัตินี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเผ่ามังกรแทน เขาไม่รีบร้อนที่จะปรับแต่งมันให้เป็นสมบัติต่อสู้ จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เก็บแผนภาพสมบัติและเตรียมจะหันกลับไปเพ่งจิตสนใจที่ร่างหลักของเขา
จากนั้นเขาก็เข้าใจ – ในเวลาต่อมาด้วยการแนะแนวทางนำของแผนภาพ เขาก็สามารถมอบตำแหน่ง “เทพแห่งน้ำ” แห่งแม่น้ำและทะเลให้กับเหล่ามังกรจำนวนมาก! มันนับเป็นบุญใหญ่อีกอย่างหนึ่งที่เขาจะรับได้ แต่ยังไม่ได้รับ
หลี่ฉางโซ่วกลับไปที่ร่างหลักของเขาและยืนอยู่หน้าหอโอสถ จมอยู่ในห้วงแห่งความคิด
หากองค์เง็กเซียนสามารถข้ามผ่านข้า เทพแห่งท้องทะเลไปได้ และแอบไปลอบสังหารลู่หยาลับๆ ได้ นั่นย่อมจะสมบูรณ์แบบ หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่ต้องแบกรับกรรม และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจอมปราชญ์หมาย “ชื่อ” จากนั้น มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน อย่างน้อยที่สุด ตำราเจ็ดลูกศรหัวตะปูที่น่าสะพรึงกลัวนั้น ก็จะออกไปก่อนกำหนดได้ เต๋าสวรรค์มีความสมดุล ไม่น่าจะมีคาถาชั่วร้ายวิปริตเช่นนี้ได้
………………………………………………………………..
[1] ไม่ไร้ประโยชน์ ไม่เสียเที่ยว