ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 437 ได้รับไข่มุกห้าธาตุอีกครั้ง (1)
ตอนที่ 437 ได้รับไข่มุกห้าธาตุอีกครั้ง (1)
ข้าควรทำอย่างไรดี เมื่อมีผู้ยิ่งใหญ่ที่ข้าไม่อาจเอาชนะได้จริงๆ ต้องการปิดปากของข้าด้วยของขวัญ?
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของหลี่ฉางโซ่ว คือการปฏิเสธอย่างแท้จริง
เขาได้รับสมบัติที่เขาต้องการไปแล้ว และหากเขาเอาสมบัติไปมากกว่านี้ เขาก็จะติดหนี้กรรมของนักพรตเต๋าตั๋วเป่า
ทว่านักพรตเต๋าตั๋วเป่า…ก็ใจกว้างอย่างยิ่ง!
เมื่อเห็นว่า หลี่ฉางโซ่วละอายเกินกว่าจะยื่นมือออกไปรับ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าจึงสะบัดแขนเสื้อ และทันใดนั้น ทั่วทั้งหุบเขาก็สว่างไสวไปด้วยแสงสมบัติทันที
ในเวลานั้น สมบัติวิญญาณโฮ่วเทียน ซึ่งอุดมไปด้วยจิตวิญญาณ ก็ค่อยๆ กระเพื่อมไปรอบๆ ร่างของหลี่ฉางโซ่ว จากบนลงล่าง และซ้ายไปขวา แล้วเข้าห่อหุ้มร่างของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้อย่างสมบูรณ์! โดยไม่มีแม้แต่อากาศแทรกอยู่ภายในนั้น!
หลี่ฉางโซ่วที่เกือบจะตาบอดเพราะแสงสมบัติล้ำค่านี้ เขาพลันยกมือขึ้นเพื่อกุมหน้าอกตรงหัวใจของเขาเอาไว้เงียบๆ
มันเจ็บปวดตรงนั้นมาก
“ลุงสมบัติ” เยี่ยงใดกันที่จะหยิบเอาสมบัติออกมาได้นับร้อยนับพันอย่างใจเย็นเช่นนี้ และยังบอกให้เขาเลือกในสิ่งที่เขาต้องการตามแต่ใจอีก? และอย่างน้อยที่สุด เขายังต้องเอาสิ่งของที่สูงเท่ากับตัวเขาออกไป
สิ่งของที่สูงเท่ากับตัวข้า…
นั่นหมายความว่า สมบัติที่เขาเอาออกไปนั้น จะต้องถูกเรียงซ้อนทับกันจนสูงพอๆ กับความสูงของเขาใช่หรือไม่?
เช่นนั้นแล้ว การเอาไข่มุกกับเอาเจดีย์ไปนั้น ย่อมจะแตกต่างกันมาก มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะวางเรียงกันตามแนวนอนหรือวางเรียงซ้อนกันในแนวตั้ง…
“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าชอบสิ่งเหล่านี้หรือไม่?”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มอย่างสงบอยู่ด้านนอกวงกลมสมบัติวิญญาณและกล่าวว่า “หากเจ้าไม่ชอบมัน ข้าก็จะให้เจ้าเลือกอีกสักสองสามชุด เราค่อยๆ เลือกหยิบพวกมันออกมาช้าๆ กันเถิด!”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
ในขณะนี้ ดูเหมือนว่า เขาจะเห็นนักพรตเต๋าตั๋วเป่า สวมสร้อยคอทองคำขนาดใหญ่อยู่รอบคอ และนาฬิกาเรือนทองขนาดใหญ่อยู่บนมือ และยังสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีทอง นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้นวม
นักล่าสมบัติมืออาชีพคืออะไร?
ช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก!
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักถึงบางอย่างที่น่าเศร้า …
ก่อนหน้านี้ เขาได้รับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ล่าสมบัติเพื่อเคลื่อนไหวไปรอบๆ ดินแดนเทวะมัชฌิมา
ครั้นเมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย เขาก็สร้างตำรา “บันทึกสมบัติวิญญาณบรรพกาล” และรวบรวมสมบัติวิญญาณที่มีชื่อเสียงทุกประเภทเอาไว้
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาคิดว่าเขาได้รู้จักสมบัติวิญญาณบรรพกาลส่วนใหญ่แล้ว
วันนี้ เมื่อเห็นนักพรตเต๋าตั๋วเป่าได้แสดงสมบัติของเขาออกมา ทำให้หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่เขารู้มานั้น ยังตื้นเขินและน้อยเกินไป
ในขณะนั้น สมบัติที่กำลังบินวนเป็นวงกลมรอบกายเขา ทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียน ซึ่งจริงๆ แล้ว มีสมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนชั้นยอดอยู่สองสามชิ้น!
หากเป็นสมบัติที่ไม่ใช่สมบัติวิญญาณโฮ่วเทียนแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไปปรากฏอยู่ในสมบัติสะสมของนักพรตเต๋าตั๋วเป่า!
สมบัติเหล่านั้นมีคุณภาพสูงและทรงพลังยิ่ง และไม่ค่อยถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าผู้คน ซึ่งนักพรตเต๋าตั๋วเป่าใช้พวกมันเป็นก้อนอิฐทำร้ายผู้อื่น[1]เท่านั้น พวกมันจึงไม่มีชื่อเสียงและไม่เป็นที่รู้จัก
รายชื่อนั้นคือ น้องชาย ซึ่งได้เติมอักษรคำว่า ‘น้อย’ เอาไว้ข้างหน้า
“ผู้อาวุโส” หลี่ฉางโซ่วทำการคารวะเต๋า แม้เขาจะอยากโบกมือ กำหมัดแน่น และตะโกนออกมาอย่างรุนแรงว่า “ข้าอยากได้มันทั้งหมด”
ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ระงับแรงกระตุ้นนั้นด้วยกรรม เขาไม่อาจสร้างกรรมระหว่างเขาและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยให้ลึกซึ้งไปมากกว่านี้ได้อีกต่อไปแล้ว
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ส่งข้อความเสียงออกไปว่า
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ชี้แนะว่า ศิษย์ยังบำเพ็ญเพียรได้ไม่ลึกพอ ดังนั้น จึงไม่ควรอาศัยเครื่องมือเวท ด้วยเกรงว่า ศิษย์จะละเลยการบำเพ็ญเพียร ทว่าหากผู้อาวุโสยังยืนกรานที่จะมอบของขวัญให้ศิษย์ เช่นนั้น ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะมอบชุดสมบัติวิญญาณห้าธาตุระดับเดียวกันให้ศิษย์ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ผู้น้อยได้ศึกษาค่ายกลห้าธาตุ และพอใช้งานมันได้ขอรับ
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าศิษย์จะมีสมบัติมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่อาจรวมพวกมันเข้ากับเต๋าใหญ่ของศิษย์ได้ มันจึงไร้ประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียรของศิษย์ ดังนั้น ศิษย์ผู้นี้ จึงขอให้สัตย์ปฏิญญาว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ศิษย์ได้พบท่านผู้อาวุโส และศิษย์ไม่ได้เห็นอะไรมาก่อนหน้านี้เลยขอรับ”
โล่เทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง – ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ท่องคำปฏิญญาต้าเต๋าด้วยเสียงที่ชัดเจนออกมาดังๆ โดยกล่าวว่า หากเขาเผยแพร่สิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ออกไป ขอให้เต๋าสวรรค์ลงทัณฑ์เขา
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแสงสมบัติด้วยสายตาซับซ้อน
จากนั้น เขาก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉางเกิง เจ้าอย่าทำเช่นนี้เลย ข้ายังคงเชื่อมั่นในตัวตนของเจ้า”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าแย้มยิ้มขณะกล่าว และเปิดแขนเสื้อขึ้นพลางนำสมบัติวิญญาณออกมา
เขามองหลี่ฉางโซ่วอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉางเกิง ระดับฐานพลังของเจ้าไม่สูง และเจ้าก็ยังเยาว์อยู่ แล้วคำพูดของเจ้าจะน่าจดจำได้อย่างไร? แน่นอนว่า ไม่ว่าเจ้าจะมีสมบัติมากมายเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์ เช่นนั้น สมบัติวิญญาณเซียนเทียนสักหนึ่งหรือสองชิ้นที่สามารถปกป้องเต๋าของเจ้า และยับยั้งชะตากรรมของเจ้าได้ก็เพียงพอแล้ว เพราะในท้ายที่สุด เจ้าก็ไม่อาจรวมพวกมันเข้ากับเต๋าใหญ่ของเจ้าได้”
ตั๋วเป่าถอนหายใจลึกและกล่าวว่า “เดี๋ยวก่อน ข้านึกขึ้นได้ว่า ชุดสมบัติที่ข้าได้สะสมไว้มาหลายพันปี บังเอิญว่า มันเป็นของธาตุทั้งห้าด้วย”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วถือเหรียญทองแดงลั่วเป่าเอาไว้ และอดจะตั้งตารอดูไม่ได้
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าคลำอยู่ในแขนเสื้อของเขาอยู่ครู่หนึ่ง และเอื้อมทั้งแขนไปหยิบไข่มุกห้าเม็ดที่มีสีสันแตกต่างกันออกมา
เห็นได้ชัดว่า ไข่มุกทั้งห้านั้น เป็นชุดเครื่องมือเวทที่ครบชุดสมบูรณ์ ซึ่งมีพลังแห่งธาตุทั้งห้า ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน พลังแห่งธาตุทั้งห้านี้ บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ไร้สิ่งเจือปนใดๆ แม้สักน้อย
หากไข่มุกธาตุดินที่โหย่วฉินเสวียนหย่ามอบให้เขาเป็นเพียงไข่มุกห้าธาตุระดับต้น เช่นนั้น ไข่มุกทั้งห้าเม็ดในวันนี้ ก็เป็นสมบัติโฮ่วเทียนที่ไปถึงขีดจำกัดแล้ว!
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายกมือขึ้นเพื่อผลักดันมันออกไป แล้วไข่มุกทั้งห้า ก็บินช้าๆ และหมุนไปรอบๆ หลี่ฉางโซ่วอย่างนุ่มนวล
หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่า นักพรตเต๋าตั๋วเป่ามีพลังเวทแบบใดกัน แต่ไข่มุกทั้งห้าเม็ดนี้ ได้รู้จักเขาแล้วว่า เขาเป็นเจ้านายของพวกมัน
ในยามนั้น พวกมันได้ส่งข้อความอบอุ่นจริงใจไปหาหลี่ฉางโซ่วและยังมีข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับเวทเต๋าห้าธาตุ ผุดขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่ว…
หลี่ฉางโซ่วแบมือ แล้วไข่มุกทั้งห้าเม็ดก็บินผ่านไปช้าๆ ก่อนจะร่อนลงบนฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่ว และลอยขึ้นลงอยู่บนนั้น
เพียงขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะเก็บสมบัติเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณตั๋วเป่า ทันใดนั้น เขาก็ร้องอุทานออกมาเบาๆ
ชั่วเวลานั้น เขาสัมผัสได้ถึงอักขระเต๋าที่ไร้ตัวตน ซึ่งอยู่ตรงกลางของไข่มุกทั้งห้าเม็ด ราวกับมีแนวคิดสูงส่งเหนือผู้คนอยู่ในไข่มุกทั้งห้า…
ไข่มุกทั้งห้าเม็ดนี้ นับเป็นสมบัติวิญญาณเซียนเทียนได้หรือไม่?
………………………………………………………………..
[1] ใช้เป็นก้อนอิฐทำร้ายผู้อื่นนี้ มีความหมายสแลงด้วยว่า ใช้อิฐทุบคนที่มีความเห็นต่างหรือไม่ตรงกับเรา