ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 477 กระบี่สังหารปีศาจของอ
ตอนที่ 477 กระบี่สังหารปีศาจขององค์เง็กเซียน แยกเทพแห่งแม่น้ำและทะเลสาบ! (2)
ในขณะนั้น เส้นสายสีดำมากมายพลันผุดขึ้นมาบนหน้าผากของแม่ทัพตงมู่ เขาตะลึงงัน และตื่นตกใจก่อนจะมองไปที่หลี่ฉางโซ่วอย่างสงสัยและกระซิบว่า “ท่านอยากหารองผู้บัญชาการคนอื่นอีกหรือไม่? คนนี้ ดูเหมือนจะไม่…ปกตินัก”
“ไม่เป็นไรหรอก” หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาจับภาพสีหน้าท่าทีของเปี้ยนจวงได้เมื่อเขาได้ยินเสียงของเปี้ยนจวงที่เต็มไปด้วยพลังเซียน เขาก็เข้าใจในทันทีว่า เหตุใดเปี้ยนจวงถึงเป็นเช่นนั้น
ทว่าหลี่ฉางโซ่วเองก็งุนงงเล็กน้อยเช่นกัน…
ในตอนนั้น ผู้ชายคนนี้อยู่หน้าหน้าวังมังกร เขาละทิ้งทุกสิ่งแม้แต่ความภาคภูมิใจเพื่อเข่อเล่อเอ๋อร์ แล้วบัดนี้ เกิดอะไรขึ้นกับความภาคภูมิใจของสหายผู้นี้?
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ต้องการทำให้สิ่งต่างๆ เป็นเรื่องยากสำหรับอนาคตของ “พี่ชายคนรอง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นว่า ตอนนี้ เปี้ยนจวงดูหล่อเหลาเพียงใด เขาคิดถึงภาพลักษณ์ของพี่ชายคนรองในอนาคตของเขา…
ใช่ หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหลากหลายในใจ
ในขณะนั้น เปี้ยนจวงก็รีบบินไปหาหลี่ฉางโซ่ว ไม่รู้ว่า เป็นเพราะเขาตื่นเต้นมากเกินไปหรือไม่ แต่เขางอขาแล้วทิ้งตัวลงหมอบบนก้อนเมฆก่อนจะนอนอยู่บนเมฆนั้น แล้วบินออกไปหลายร้อยจั้ง
ปึ้ง!
เปี้ยนจวงฝังศีรษะของเขาลงไปในก้อนเมฆและกดฝ่ามือของเขาเข้าด้วยกัน จากนั้นเขาก็ร้องตะโกนว่า “ข้า เปี้ยนจวงยินดีจะติดตามท่านเทพแห่งท้องทะเล ไม่สิ ข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อเทพแห่งท้องทะเล! ข้าจะทุ่มเทสุดกำลังขอรับ!”
แม่ทัพตงมู่ขมวดคิ้วและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วพลางถามอย่างจริงจังว่า “ท่านว่าไม่เป็นไรจริงๆ หรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เขายังเยาว์อยู่ ฝึกฝนเขาสักระยะหนึ่งเพื่อให้เฉียบคมขึ้นอีกสักหน่อย เขาก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต”
ทันใดนั้น เปี้ยนจวง ซึ่งนอนหมอบอยู่ในก้อนเมฆ ก็อดจะตกตะลึงไม่ได้ เขาเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยและแอบมองดูร่างผู้เป็นใหญ่ที่ทรงพลังอำนาจทั้งสองของศาลสวรรค์ที่อยู่เบื้องหน้าเขา และตั้งใจฟังคำพูดของ เทพแห่งท้องทะเลอย่างใจจดจ่อ ตอนนี้เขากำลังดื่มด่ำกับคำพูดของเทพแห่งท้องทะเลสุดๆ…
นั่นหมายถึงอะไร?
เทพแห่งท้องทะเลมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับข้าจริงๆ หรือ?
มีอะไรพิเศษในตัวข้าที่ข้าเองก็ไม่ได้สังเกต ซึ่งดึงดูดความสนใจของเทพแห่งท้องทะเลหรือไม่?
เปี้ยนจวงยังคงงุนงงเมื่อหลี่ฉางโซ่วกล่าวเร่งเร้าว่า “บนเมฆนั้นหนาวเย็นนัก ผู้บัญชาการเปี้ยน เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด จงรีบกลับไปก่อน แล้วให้แม่ทัพระดับสูงออกมาด้วย ข้ามีแผนจัดเตรียมการหลังจากนี้”
เปี้ยนจวงตัวสั่นและกระโดดลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาว่างเปล่า และหัวใจของเขาก็เช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น?
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเปี้ยน เจ้าต้องรักษาคราดที่ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มอบให้เจ้าด้วย จงอย่าทำให้มันเสียหาย”
“เฮ้ เฮ้!” ริมฝีปากของ เปี้ยนจวงสั่นระริก จากนั้น เขาก็ได้สติกลับคืนมาจากความงุนงงและร้องตะโกนออกไปสองสามครั้งว่า “น้อมรับบัญชาท่านเทพแห่งท้องทะเล น้อมรับบัญชาท่านเทพแห่งท้องทะเล ขอบคุณท่านเทพแห่งท้องทะเล”
จากนั้น เขาก็กอดคราดเก้าฟันแล้วหมุนตัวเพื่อพุ่งตรงไปยังแม่น้ำเทียนเหอ แล้วรีบร้องตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว…
“ท่านแม่ทัพตงมู่ เราไปกันเถิด”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเชิญเขาพร้อมด้วยรอยยิ้ม เขาและแม่ทัพตงมู่ได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำเทียนเหอในขณะที่พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกัน พวกเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่รวมพลของเหล่าทหารสวรรค์
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นึกขึ้นได้ว่า ดูเหมือนว่า พี่รองของเขาจะมีเครือข่ายของสโมสรเซียนที่เรียกว่า หอเทียนหยา
มันค่อนข้างมีประโยชน์ทีเดียว
หลังจากที่แม่ทัพตงมู่ส่งมอบตราพยัคฆ์ให้ แล้วทหารหนึ่งแสนนายแห่งกองทัพเรือเทียนเหอ ก็โค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่ว จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รับมอบทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายมาอย่างเป็นทางการ
และโดยไม่รอช้า หลี่ฉางโซ่วก็เรียกแม่ทัพสวรรค์ทั้งใหญ่และเล็กจำนวนสามร้อยคนมาทันที
สิ่งแรกที่หลี่ฉางโซ่วทำก็คือ เลื่อนตำแหน่งรองผู้บัญชาการขึ้นมาอีกสองคนและปล่อยให้พวกเขาและเปี้ยนจวงร่วมกันรับผิดชอบดูแลกองทัพเรือเทียนเหอ
เปี้ยนจวงไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ในเรื่องนี้ เขารู้สึกแม้กระทั่งว่า เทพแห่งท้องทะเลรู้ว่าความสามารถของเขานั้นมีจำกัด และได้ทำการ “จัดเตรียมการที่รอบคอบ” บางอย่างเอาไว้
ในยามนั้น เปี้ยนจวงก็เปลี่ยนจากความรู้สึกเศร้าโศกมาเป็นความสุขอย่างยิ่ง และในเวลาเพียงหนึ่งวัน เปี้ยนจวงก็มีประสบการณ์ชีวิตทั้งขึ้นและลง
เมื่อหลี่ฉางโซ่วโบกมือให้แม่ทัพสวรรค์ทั้งหมดออกไป และเหลือไว้เพียงรองผู้บัญชาการทั้งสามคนเพื่อหารือเรื่องต่างๆ
ในขณะนั้น เปี้ยนจวงก็เป็นคนแรกที่ก้าวออกไปข้างหน้า เขาถือเบี้ยเลี้ยงที่เขาเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีด้วยมือทั้งสองข้าง ซึ่งอยู่ในคลังเวทจัดเก็บสองชิ้นที่ดูเหมือนแหวนสองวง
“เทพแห่งท้องทะเล นี่เป็นของขวัญจากข้าขอรับ!”
บัดนั้น แม่ทัพสวรรค์ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันและกัน แล้วรีบแตะกระเป๋าของตัวเอง
“เจ้าสวะ!” จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็ตวาดลั่น และแผ่กลิ่นอายลมปราณที่ทรงพลังอำนาจอย่างน่าตกตะลึง
เปี้ยนจวงขาสั่นเทากะทันหันในขณะที่เขารีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หลี่ฉางโซ่วเหวี่ยงแส้หางม้าและร้องตะโกน
“ผู้ที่อยู่ทางซ้ายและขวา! จงลากรองผู้บัญชาการ เปี้ยนจวงไปแล้วใช้แส้สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์เฆี่ยนเขาสามสิบหกครั้ง!
กล้าดีอย่างไรถึงมาติดสินบนเทพเช่นข้าอย่างโจ่งแจ้งและไร้ยางอายเช่นนี้? หากยังปล่อยให้เจ้าอวดดีเช่นนี้ต่อไป เจ้าจะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน!”
เปี้ยนจวงอ้าปาก ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้มีเวลากล่าว เหล่าทหารสวรรค์สองสามคนก็วิ่งเข้ามาหาและพาเขาไปทางด้านข้างแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดสายฟ้าแปลบปลาบที่ริมแม่น้ำ และเสียงกรีดร้องของเปี้ยนจวงก็ดังสะท้อนกึกก้องออกมา
รองผู้บัญชาการอีกสองคนต่างก็กังวลเล็กน้อยเช่นกัน ทว่ายังโชคดีที่หลี่ฉางโซ่วไม่บันดาลโทสะจนลุกเป็นไฟเดือดดาลอีกครั้งและฟื้นกลับคืนสู่สีหน้าท่าทางที่เป็นมิตรของเขาออกมา
หลังจากที่เปี้ยนจวงถูกลงโทษและกลับมา หลี่ฉางโซ่วก็ได้มอบโอสถรักษาแก่เขา
หลังจากที่เปี้ยนจวงกินมันเข้าไปแล้ว เขาก็เริ่มพูดคุยเรื่องสำคัญกับทั้งสามคนต่อไป แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่ใช้ทหารสวรรค์ทั้งแสนนาย โจมตีกองทัพกบฏของทั้งสี่คาบสมุทร
เขาเตรียมการมาสามเรื่อง
อย่างแรก เขาจะเลือกสถานที่ฝึกทหารสวรรค์หนึ่งแสนนายในทะเลทักษิณและทะเลบูรพา เขาจะให้ฝึกฝนอย่างน้อยยี่สิบครั้งต่อเดือนต่อหน้าเผ่ามังกรโดยมอบให้รองแม่ทัพทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบ
อย่างที่สอง เขาจะเลือกกลุ่มแม่ทัพสวรรค์ที่ชาญฉลาด และให้เปี้ยนจวงพาพวกเขาไปที่วังมังกรทะเลทักษิณ วังมังกรทะเลอุดร และวังมังกรทะเลบูรพา เพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงิน
นอกจากนี้ เขายังจะให้เปี้ยนจวงไปปรากฏตัวและพูดคุยถึงศาลสวรรค์ว่าดีเพียงใด
ในเรื่องนี้ หลี่ฉางโซ่วจะจัดให้มีทูตเทวะสองสามคนจากสำนักเทพทะเลร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อทำหน้าที่ชี้แนะนำทางเปี้ยนจวงตลอดทั้งกระบวนการ
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้ออกบัญชาที่เข้มงวดกับเปี้ยนจวง โดยให้เปี้ยนจวงสามารถร่วมกินดื่มกับเผ่ามังกรได้ แต่ห้ามไม่ให้แตะต้องบรรดาสาวทะเลหรือมังกรเพศเมียได้ ไม่เช่นนั้น เขาจะสร้างความเสื่อมเสียและทำลายศักดิ์ศรีของศาลสวรรค์
“ไม่เช่นนั้น เหอะ!”
“ข้าย่อมจะไม่กล้าอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้น ขอให้แล้วแต่ท่านจะเมตตาขอรับ!”
………………………………………………………………..