ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 484 เทพแห่งท้องทะเลผู้คุ้นเคยกับสามสำ
ตอนที่ 484 เทพแห่งท้องทะเลผู้คุ้นเคยกับสามสำนักบำเพ็ญเต๋า (2)
“ฮิฮิ” หลงจี๋แลบลิ้นออกมาแล้วแย้มยิ้ม จากนั้น นางก็ถามอย่างเขินอายว่า “เทพแห่งท้องทะเล ข้าขอถามอะไรท่านสักหน่อยได้หรือไม่? เหตุใดท่านถึงมาช่วยพระบิดาของข้าที่ศาลสวรรค์”
หลี่ฉางโซ่วตอบคำถามว่า “เช่นนั้น บอกข้ามาทีว่าเหตุใดเหล่าจื้อ[1]ถึงกำลังช่วยฝ่าบาทในศาลสวรรค์”
หลงจี๋อดจะผงะงันไม่ได้ นางรู้สึกไม่แน่ใจว่า นางได้รับคำตอบแล้ว นางรู้สึกสับสนและไม่รู้ว่านางเข้าใจอะไร
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ แล้วขี่เมฆต่อไปโดยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลงจี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบแผ่นหยกของนางออกมา จากนั้น นางก็ก้มหน้าลงแล้วเขียนคำบางคำ
“เทพแห่งท้องทะเล มาเยี่ยมเยียนสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี่ย เขามีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่กว้างขวางและมีสหายมากมาย มันช่างน่าตกใจจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้อาวุโสตั๋วเป่ามาหาเขาก่อนแล้วเรียกเขาว่าน้องชาย… เทพแห่งท้องทะเลมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวจริงๆ พวกเขาเป็นเหมือนคู่แท้ยามเมื่อพวกเขาเดินเล่นในป่าและพูดคุยกันอย่างมีความสุข… น่าประทับใจ ช่างน่าประทับใจ”
“หลงจี๋?”
“เจ้าค่ะ!” หลงจี๋รีบตอบรับทันที และใส่แผ่นหยกกลับเข้าไปในแขนเสื้อเสื้อคลุมต๋าของนาง “เทพแห่งท้องทะเล โปรดชี้แนะข้าด้วย!”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “อย่าแพร่งพรายเรื่องที่ท่านเห็นในวันนี้ในศาลสวรรค์”
“แล้วหากพระบิดากับพระมารดาขอ…”
“แน่นอน ท่านบอกได้” หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ต่อไป ข้าจะไปเยี่ยมผู้อาวุโสที่วังอวี่ซวี จงจำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวังอวี่ซวี จงอย่าส่งเสียง และเดินตามหลังข้ามา”
“เจ้าค่ะ” หลงจี๋ตอบอย่างเคร่งขรึม
แน่นอนว่า นางย่อมรู้ว่า คนของสำนักเซียนสองแห่งคือ สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย มักจะมีความขัดแย้งกันเนื่องจากคำสอนและแนวคิดที่แตกต่างกัน
ดังนั้น เมื่อหลงจี๋เห็นว่า หลี่ฉางโซ่วเป็นที่นิยมชื่นชอบอย่างมากในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยและเป็น “สหายสนิท” ของเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่มีชื่อเสียง นางจึงคิดว่า หลี่ฉางโซ่วจะต้องถูกคนของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานเกลียดชังแน่นอน…
เขาไม่น่าจะถูกตีแล้วไล่ออกใช่หรือไม่?
ทว่าหลงจี๋ยังเป็นเด็กสาว ในขณะนั้นนางก็เริ่มไม่สบายใจแล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ก็ทำให้หลงจี๋รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
พวกเขามุ่งหน้าไปยังภูเขาเอ้อร์เซียนแห่งดินแดนเทวะมัชฌิมาก่อน และพบถ้ำหมากู่ จากนั้น พวกเขาก็พบผู้อาวุโสที่ดูสะอาด ไร้หนวดเครา และดูเป็นมิตรยิ่ง
หวงหลงเจินเหริน
หลี่ฉางโซ่วไม่ปิดบังอะไรและกล่าวตรงๆ ว่า เขามาที่นี่เพื่อเรื่องการแย่งชิงเผ่ามังกร เขาขอให้หวงหลงเจินเหรินขอจดหมายลงลายมือจากผู้อาวุโสกวงเฉิงจื่อ และนำจดหมายลงลายมือของนักพรตเต๋าตั๋วเป่าออกมา
หวงหลงเจินเหรินถามว่า “ท่านต้องการเพียงให้ศิษย์พี่กวงเฉิงจื่อเขียนคำสองคำ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ถูกต้อง และจะยิ่งดีที่สุดหากจะทิ้งกลิ่นอายของผู้อาวุโสกวงเฉิงจื่อเอาไว้เบื้องหลังด้วย เพื่อให้เป็นการแสดงความคิดของสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานได้”
“ง่ายนิดเดียว!”
หวงหลงเจินเหรินตอบตกลงอย่างง่ายดายและนำหลี่ฉางโซ่วและหลงจี๋ไปที่ภูเขาคุนหลุนทันที
หลังจากพบวังอวี่ซวีและแสดงความเคารพต่อกวงเฉิงจื่อแล้ว หวงหลงเจินเหรินไม่ได้พูดถึงจุดประสงค์ในการมาของหลี่ฉางโซ่ว เขารับเรื่องนี้เอาไว้ในมือของเขาเองโดยตรง และมอบถ้อยคำที่นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเขียนให้กวงเฉิงจื่อ
กวงเฉิงจื่อยิ้มในขณะที่เขายกพู่กันขึ้นและเขียนคำว่า ‘”ดักจับ” และ “ขึ้น”‘
“เท่านั้นนะ?”
“ขอบคุณศิษย์พี่!”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อยท่านั้น” กวงเฉิงจื่อพับจดหมายและใช้พลังเซียนส่งคืนให้หลี่ฉางโซ่ว เขายิ้มและกล่าวว่า “ท่านบรรพชนเต๋าได้ก่อตั้งศาลสวรรค์ขึ้น จึงสมควรแล้วที่พวกเขาจะสนับสนุนร่วมกัน”
หลี่ฉางโซ่วขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่หลงจี๋ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ทั้งสองฝ่ายคือ สำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ล้วนใจดีกับศาลสวรรค์จริงๆ หรือ?
เป็นธรรมดาที่หลงจี๋ย่อมรู้ว่า ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเพราะพวกเขาเห็นแก่ใบหน้าของเทพแห่งท้องทะเล หลังจากที่พวกเขาออกจากวังอวี่ซวีอย่างปลอดภัยและกลับสู่ทะเลบูรพาแล้ว หลงจี๋ก็หยิบแผ่นหยกออกมาและเขียนประโยคหนึ่งเงียบๆ
“เทพแห่งท้องทะเล มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ช่างน่าประหลาดใจนัก”
หลี่ฉางโซ่วมาถึงทะเลบูรพาพร้อมกับหลงจี๋
พวกเขาได้พบค่ายกลใหญ่ในหุบเขาลึกที่เชิงเขาภูเขาวิญญาณในดินแดนเทวะประจิม มีร่างสองสามร่างยืนอยู่ข้างสระสมบัติและโจมตีในเวลาเดียวกัน พวกเขาค่อยๆ จมร่างจักจั่นสีทองที่ยังไม่ได้ลอกคราบลงก้นสระสมบัติ
คนพวกนี้ดูเหมือนนักพรตเต๋าชรา แต่ละคนล้วนสวมเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่ง
ตามกฎของภูเขาวิญญาณ ยิ่งเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่งมากเท่าใด สถานะในสำนักก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น นั่นเพื่อให้พวกเขาระวังตัวเองและไม่ลืมความจริงที่ว่า สำนักบำเพ็ญประจิมนั้นยากจน
ห่างไปไม่ไกลจากนักพรตเต๋าชรา มีสองร่างยืนอยู่ในแต่ละมุม ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็อยู่ที่นั่นด้วยนางกำลังเฝ้าดูจักจั่นสีทองในสระสมบัติ
นางรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยและเห็นอกเห็นใจ แต่นางก็เกือบจะหัวเราะออกมาดังๆ … นักพรตเต๋าชรากล่าวว่า “จินฉานจื่อเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้แล้ว”
“เทพแห่งท้องทะเลนั้นมีพลังที่สามารถฆ่าจักจั่นสีทองได้ บอกเหวินจิงและคนอื่นๆ ให้ระวังด้วย อย่าไปโจมตีเทพแห่งท้องทะเลโดยตรง คนผู้นี้เก็บซ่อนพลังเอาไว้อย่างลึกซึ้ง”
“เขาเป็นศิษย์ลึกลับของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ข้าไม่รู้ว่า เหตุใดเขาถึงซ่อนความสามารถของเขา”
พวกเขาสองสามคนกล่าว และหลังจากกล่าวออกมาไม่กี่คำ พวกเขาก็เงียบงัน
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้สึกประหลาดใจจริงๆ
เทพแห่งท้องทะเล?
เขาทำให้จินฉานจื่อบาดเจ็บสาหัสด้วยมือของเขาเอง และทำร้ายเขาจนถึงจุดที่เรียกว่าเทียบเท่ากับการส่งไปเกิดใหม่?
เป็นไปได้อย่างไรกัน? ระดับพลังการต่อสู้ของเทพแห่งท้องทะเลไม่น่าจะไปถึงขอบเขตเซียนต้าหลัวจิน และในอีกด้านหนึ่งนั้น จินฉานจื่อก็เป็นสัตว์ร้ายที่ต่อสู้มาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต่อสู้ในขอบเขตพลังเดียวกัน…
ทว่าเหตุใดจินฉานจื่อถึงเกือบตาย? ผู้บำเพ็ญเหวินจิงงงงวย ยิ่งไปกว่านั้น เทพแห่งท้องทะเล… เขาเป็นขุนนางไม่ใช่หรือ?
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงกะพริบตา
นักพรตเต๋าชรากัดฟัน ก่นด่าออกมาว่า “แล้วจะให้เรากล้ำกลืนความแค้นทนรับกับเรื่องนี้หรือ? ท่านอาจารย์บอกว่า จินฉานจื่อเกี่ยวพันกับความรุ่งเรืองของสำนักบำเพ็ญประจิม แต่เทพแห่งท้องทะเลได้ทำลายโชคมหาศาลของสำนักบำเพ็ญประจิม!”
“แม้ว่าเราต้องการโจมตีเทพแห่งท้องทะเล แต่เราก็ไม่อาจค้นหาร่างหลักของเขาได้ การสังหารร่างจำแลงของเขาและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาจะมีประโยชน์อะไร?”
นักพรตเต๋าชราอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เราแตะต้องเทพแห่งท้องทะเลไม่ได้ แต่จัดการคนที่อยู่ใกล้เทพแห่งท้องทะเลไม่ได้หรือ?”
“ผู้ใดกัน?”
“ผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพแห่งท้องทะเล และมีกรรมกับสำนักบำเพ็ญประจิมมากกว่าคือ…”
“จ้าวกงหมิง แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น นักพรตเต๋าชราข้างสระสมบัติก็เงียบไปอีกครั้ง
ความเงียบดำเนินไปชั่วขณะจนกระทั่งนักพรตเต๋าชราเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจ
“นั่นเป็นอีกคนหนึ่งที่เราไม่อาจเอาชนะเขาได้”
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงอดจะกลอกตาไม่ได้นางยืนพิงกำแพงหินและรอให้ศิษย์ของจอมปราชญ์สรุป
นางได้ยินพวกเขาพึมพำมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขายังไม่อาจหาเป้าหมายที่เหมาะสมในการแก้แค้นได้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงอดจะแค่นเสียงเย็นชาในใจของนางไม่ได้…
‘ในฐานะมือขวาของเทพแห่งท้องทะเล ข้ายังไม่รู้จักญาติและสหายของเขาแม้แต่ครึ่งเดียว นับประสาอะไรกับพวกเจ้า’
‘แทนที่จะมานั่งพร่ำพูดอยู่นี่ เหตุใดพวกเจ้าไม่กล้าไปหาชายคนรักของข้าที่วังดุสิตเล่า’
เมื่อนางคิดถึงคำว่า ‘ชายคนรักของข้า’ ดวงตาดุจหงส์ของผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็หรี่แคบลงเล็กน้อย ในขณะที่มุมปากของนางโค้งเป็นรอยยิ้ม…
ศิษย์ของสำนักบำเพ็ญประจิมพูดคุยกันเป็นเวลานานก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการแก้แค้นเทพแห่งท้องทะเล
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการอธิบายแผนทั้งหมดกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วโดยไม่พลาดรายละเอียดไปแม้แต่น้อย…
………………………………………………………………..
[1] องค์ไท่ชิง