ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 486 หัวใจมังกรในวังผลึกแก้ว! (2)
ตอนที่ 486 หัวใจมังกรในวังผลึกแก้ว! (2)
ในอีกด้านหนึ่งนั้น เทพแห่งท้องทะเลก็สลายข่ายอาคมลงในทันทีทั้งที่เมื่อครู่ก่อนเขายังคงเต็มไปด้วยความอหังการ ทว่าทันใดนั้น… เขาก็หรี่ตาและยิ้มร่า
ผู้อาวุโสหัวมังกรร้องตะโกนว่า “เทพแห่งท้องทะเล ท่านเป็นอย่างไรบ้าง!?!”
เทพแห่งท้องทะเลตอบว่า “ต้องขอบคุณผู้อาวุโสอ๋าวเจี่ยว ข้าเพลิดเพลินเบิกบานใจดีในศาลสวรรค์”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น ทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังกึกก้องไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเล
นี่…
หลงจี๋เงียบงันกะทันหัน
นางรู้ว่า มันมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ในโลกบรรพกาล เมื่อคนสองคนมาพบกันโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูหรือไม่ พวกเขาก็จะหัวเราะเสียงดังลั่น ยิ่งพวกเขาหัวเราะนานมากเท่าใด ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกันก็จะยิ่งลงน้อยลงเท่านั้น
กฎเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
ลือกันว่า ในสมัยโบราณ สิ่งมีชีวิตเซียนเทียนจำนวนมากจะหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อพวกเขาเก็บสมบัติขึ้นมาได้ ครั้นเมื่อสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนอื่นๆ ได้ยินเสียงหัวเราะ พวกเขาจะเลี้ยวอ้อมไปแล้วรีบไปเก็บสมบัติที่อื่น…
เมื่อเวลาผ่านไป กฎดังกล่าวก็ได้ถูกสร้างขึ้น
ในสมัยโบราณ เหล่าปรมาจารย์ทั่วหล้าจะเริ่มหัวเราะเมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไปสักหนึ่งสองพันลี้ หากพวกเขาไปในที่ที่เสี่ยงและง่ายต่อการเกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติ พวกเขาก็จะหัวเราะและบินข้ามไป…
ใช่ มันมีเหตุผลให้ควรน่าเชื่อถือ
ในขณะนั้น หลงจี๋ก็เม้มริมฝีปากบางของนางและฟังการสนทนาโอภาปราศรัยกันระหว่างผู้อาวุโสหัวมังกรกับเทพแห่งท้องทะเล…
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เทพแห่งท้องทะเล รีบตามข้ากลับไปที่วังมังกรเถิด วันนี้ข้าจะร่ำสุรากับท่านสามร้อยจอกอย่างแน่นอน!”
“ราชามังกรอยู่ในที่พำนักหรือไม่? ข้ายังมีเรื่องสำคัญ อยากหารือกับราชามังกรอีกสองสามเรื่อง” “ได้ ได้ พระองค์กำลังรอท่านอยู่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลี่ฉางโซ่วและหลงจี๋มาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างจริงใจ ขณะล้อมรอบไปด้วยปรมาจารย์แห่งเผ่ามังกรขณะที่พวกเขาค่อยๆ เดินไปที่วังผลึกแก้วช้าๆ
หลงจี๋ยังคงสับสนงงงัน นางไม่เข้าใจว่า เทพแห่งท้องทะเลทำได้อย่างไร เขาทำตัวเหมือนคนละคนจากเมื่อก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงได้แทบจะในทันที
ดังนั้น หลงจี๋จึงเขียนลงบนแผ่นหยกว่า:
“เทพแห่งท้องทะเลเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วมาก ทักษะการแสดงของเขานั้น ไร้ผู้เปรียบเทียบได้จริงๆ”
ทว่าหลงจี๋ก็กะพริบตาและเสริมว่า “พวกที่ชอบหรี่ตาและยิ้มล้วนเป็นคนแปลก…เป็นผู้ที่ทรงพลัง!”
แม้ข้าจะเป็นธิดาแห่งองค์เง็กเซียนผู้เป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ แต่ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดที่จะเชื่อฟังอย่างเคร่งครัดมากขึ้นเมื่อพูดถึงเทพเจ้าแห่งท้องทะเล
ในตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรมาก โชคของเผ่ามังกรมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว
หลี่ฉางโซ่วไม่ค่อยรู้สึกกังวลเท่าใดนัก นอกเหนือไปจากครั้งแรกที่เขาเผชิญกับหายนะ ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับการลงโทษจากสวรรค์ ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ และเมื่อเขาเพิ่งไปถึงขอบเขตคืนกลับอนัตตาเป็นครั้งแรก ในยามนั้น เขาได้ฝึกฝนเวทหลบหนี และบังเอิญหลุดเข้าไปในเคหาสน์ถ้ำของคู่บำเพ็ญเต๋าเซียนเสิ่นคู่หนึ่งที่กำลังพัวพันและทะลวงด่านกันแล้ว.. .
นั่นไม่สำคัญ
แค่กๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถรักษาสภาพจิตใจให้คงความสงบได้ในสถานการณ์ส่วนใหญ่
ทว่าหลี่ฉางโซ่วกลับรู้สึกกังวลเล็กน้อยระหว่างการเดินทางไปวังผลึกแก้วในครั้งนี้
แผนการนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว มันเกี่ยวข้องกับบุญใหญ่ที่เขายังมิได้รับ มันได้ตัดสินการพัฒนาในอนาคตของเขาในระดับหนึ่งแล้ว เขาสามารถแทรกแซงความผันผวนของตัวชี้วัดการอยู่รอดของโลกบรรพกาลได้อย่างจริงจัง!
แต่เป็นที่แน่นอนชัดเจนว่า ความรู้สึกตึงเครียดกระวนกระวายนี้ทำให้หลี่ฉางโซ่วเคร่งเครียดขึ้น ความคิดของเขาโลดแล่นผ่านไปและเปลี่ยนไปด้วยความรวดเร็วขึ้น
ในขณะนั้น เขาได้เข้าไปในวังผลึกแก้วและไปที่ตำหนักราชามังกรแล้ว
ราชามังกรแห่งทะเลบูรพาเดินลงมาจากแท่นสูงเพื่อต้อนรับเขา จากนั้นเขาและหลี่ฉางโซ่วก็ทักทายโอภาปราศรัยกันก่อนที่เขาจะพาหลี่ฉางโซ่วไปที่แท่น
เผ่ามังกรต้องมองเห็นตัวตนขององค์หญิงหลงจี๋ได้อย่างแน่นอน เพราะพวกเขาได้จัดเตรียมที่นั่งสำหรับนางเอาไว้ในงานเลี้ยงด้วย
เมื่อเห็นว่าหลงจี๋ยังคงปรารถนาจะยืนอยู่ข้างหลังเขา หลี่ฉางโซ่วจึงคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “นั่งลงก่อน เถิด อย่าทำให้ราชามังกรต้องผิดหวังที่ความปรารถนาดีนี้ต้องเสียเปล่าไปได้”
“เจ้าค่ะ” หลงจี๋โค้งคำนับและรับคำก่อนจะเชิดอกและนั่งลงข้างหลังหลี่ฉางโซ่ว
นางมีท่าทีนิ่งสงบและสำรวมเป็นธรรมชาติ
“ราชามังกร” หลี่ฉางโซ่วประสานมือคารวะพลางแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ที่ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะมีเรื่องจะบอกท่าน อ๋าวอี่ได้บอกท่านเรื่องงานเลี้ยงผลท้อเซียนแล้วหรือไม่?
“โอรสของข้าได้บอกข้าแล้ว” ราชามังกรแห่งทะเลบูรพากล่าวพลางลูบเคราและแย้มยิ้ม ดวงตามังกรของเขาเต็มไปด้วยพลังและในยามนี้ เขาไม่ได้อยู่ในสภาพง่วงนอนอย่างที่เคยเป็นตามปกติ
ราชามังกรแห่งทะเลบูรพายิ้มและกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล เมื่อไม่นานมานี้ โอรสของข้าได้ออกเดินทางไปทั่วทุกที่ เขาไปพูดคุยกับเหล่าผู้อาวุโสของเขาในทะเลบูรพาและบอกพวกเขาเกี่ยวกับตำแหน่งเทพของศาลสวรรค์ … ท่านได้ให้คำแนะนำเหล่านี้แก่เขาหรือไม่?”
“เป็นเช่นนั้น”
หลี่ฉางโซ่วตอบรับอย่างสุภาพพลางยิ้ม
“ข้าเพียงแค่อยากปูทางเพื่อจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจในการมาที่นี่ในวันนี้ ข้าพูดเพียงเพื่อให้ท่านรู้ว่าข้าไม่มีเจตนาที่จะหลอกลวงเผ่ามังกรเลย”
ราชามังกรแห่งทะเลบูรพาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและมองลงไปที่ไหสุราตรงหน้าเขา
หลี่ฉางโซ่วไม่รีบร้อน เขาคอยอยู่สักพัก
ท่ามกลางความเงียบงัน มันคือการต่อสู้แต่ก็ไม่ใช่การต่อสู้กัน
หลงจี๋ซึ่งอยู่ข้างๆ ถือแผ่นหยกและจดบันทึกทุกถ้อยคำที่เทพแห่งท้องทะเลกล่าวไว้ นางรู้สึกว่ามันมีความหมายลึกซึ้งอยู่เบื้องหลัง
ในขณะนั้น หลงจี๋ดูเหมือนจะเห็นเมฆดำสองก้อน[1]รวมตัวกันบนศีรษะของเทพแห่งท้องทะเล และราชามังกรชรา ซึ่งทำให้นางรู้สึกกดดันเล็กน้อย…
“เฮ้อ…” ราชามังกรถอนหายใจช้าๆ และหยิบไหสุราขึ้นมา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
ราชามังกรกล่าวว่า “มาดื่มกันเถิด ขอดื่มให้เทพแห่งท้องทะเล”
“ขอบคุณ ราชามังกร!”
หลี่ฉางโซ่วชูจอกสุราขึ้นและกลับมามีทีท่าดังเดิม เขาจิบสุราและดูมีท่าทางจริงจังขึ้นทันที
“ราชามังกร ให้ข้าถามท่านสักหน่อย ไม่ต้องพูดถึงอีกสามสำนักอื่น มีคนสำคัญคนใดในวังมังกรทะเลบูรพาที่ไม่พอใจศาลสวรรค์หรือไม่?”
ราชามังกรกล่าวว่า “เทพแห่งท้องทะเล ท่านกำลังพูดให้ฟังดูรุนแรงเกินไป เผ่าของเราเคารพศาลสวรรค์เท่านั้น ศาลสวรรค์ได้ช่วยเหลือเผ่าของข้ามาหลายครั้งและให้ประโยชน์มากมายแก่เรา เราซาบซึ้งใจนัก ทว่า… ก็มีคนในเผ่าหลายคนที่กังวล พวกเขากังวลว่าศาลสวรรค์จะเป็นเหมือนสำนักบำเพ็ญประจิมอีกสำนักหนึ่ง พลังชีวิตส่วนใหญ่ของเราได้สูญเสียไป และเราไม่อาจทนรับความเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น วันนี้ ข้าจะขจัดข้อสงสัยเหล่านี้ให้กับเผ่ามังกรเอง! ราชามังกร ไยท่านไม่รวบรวมเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดในวังมังกรทะเลบูรพาตอนนี้ ข้าจะบอกผู้อาวุโสทุกคนถึงเรื่องโอกาสแห่งความสุข ในวันนี้อย่างละเอียด เช่นนี้แล้ว ท่านจะได้ไม่ต้องพูดซ้ำอีกครั้ง”
“โอ้?”
ราชามังกรแห่งทะเลบูรพารู้สึกสนใจเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ เขาเพียงยิ้มและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอเทพแห่งท้องทะเลโปรดรอสักครู่”
“เสนาบดี เจ้าอยู่ที่ใด?”
………………………………………………………………..
[1] เปรียบดั่งความตึงเครียด