ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 492 สัตว์วิญญาณอะไร เจ้าต้องการสัตว์วิญญาณตัวใด (3)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 492 สัตว์วิญญาณอะไร เจ้าต้องการสัตว์วิญญาณตัวใด (3)
ตอนที่ 492 สัตว์วิญญาณอะไร? เจ้าต้องการสัตว์วิญญาณตัวใด? (3)
“อา…ม้า!”
หัววัวถอนหายใจลึก แล้วกล่าวว่า “ในที่สุด วันเวลาเช่นนั้นก็หวนคืนกลับมาอีกครั้ง”
“ความสุขนั้นหายไปได้อย่างไรกัน? ฮี้ๆ-”
“เมื่อเทียบกันแล้ว ข้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ของปีศาจเหล่านี้ที่ทำให้พวกมันเข้ามาร่วมในสำนักใดสำนักหนึ่ง ม่อๆ~”
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง
“พวกเขาส่วนใหญ่ถูกสำนักใดสำนักหนึ่งบังคับกวาดต้อนมา”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ใบหน้าของหัววัวก็สั่นเทาและเขาก็ลุกขึ้นยืนทันที
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็บีบตัวออกมาจากลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้หัววัวและหน้าม้าแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณพวกท่านที่มาช่วยเหลือ”
“เทพแห่งท้องทะเล ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว” หัววัวถูมือของเขาและหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวว่า “นี่จะนับเป็นอันใดได้อย่างไร… แค่กๆ อืม แค่ของขวัญขอบคุณหรืออะไรสักอย่าง ก่อนหน้านี้ สหายน้อยฉางโซ่วของข้าที่มาจากสำนักตู้เซียน บอกว่าท่านจะมีเครื่องปรุงรสด้วยเช่นกัน … ”
หน้าม้าอดจะกลอกตาไม่ได้แล้วกล่าวว่า “วัว เจ้ามันมีผิวหนามากขึ้นเรื่อยๆ!”
“อะไร? สัตว์วิญญาณอะไร? สัตว์วิญญาณของฉางโซ่วตัวใดกัน?!”
หัววัวเบิกตากว้างพลางกล่าวว่า “เจ้าหน้าม้า เจ้าไม่รู้จักวางตัวเหมาะสมได้อย่างไร!?! เหลวไหลจริงๆ! วันนี้ พวกเรามาที่นี่เพื่อมาช่วยเหลือ
ไม่ว่าพวกเผ่ามนุษย์เวทจะอยู่ห่างไกลจากพวกเรามากเพียงใด พวกเขาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเวท! หน้าม้า เจ้าทำได้อย่างไร!?! เจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่หรือไม่? เจ้ายังต้องการสัตว์วิญญาณสีชมพูที่สหายน้อยฉางโซ่วของเราที่มาจากสำนักตู้เซียนได้เลี้ยงเอาไว้หรือไม่?!”
หน้าม้าอับจนถ้อยคำโต้เถียง และกำลังจะเป็นลมไปด้วยความเดือดดาล
“ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง” ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวออกมาแล้วยิ้มพลางหยิบถุงเก็บสมบัติสองใบออกมา
จากนั้นเขาก็มอบเครื่องปรุงรสสองสามขวดให้แก่พวกเขาและกล่าวว่า “บอกตามตรงว่า ข้าได้ส่งคนไปที่สำนักตู้เซียน และตามเมืองต่างๆ เพื่อซื้อสัตว์วิญญาณมาจำนวนหนึ่งแล้ว
ขอพวกท่านได้โปรดอยู่ที่นี่กับสหายเผ่าเวทอีกสักสองสามวันเถิด สัตว์วิญญาณจะมาถึงทีละตัวอย่างต่อเนื่อง เรามาดูกันว่าอีกฝ่ายจะมีการโจมตีตามมาอีกหรือไม่”
หัววัวส่ายหัวและยิ้มพลางกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็น้อมรับคำสั่งของเทพแห่งท้องทะเลกันเถิด! ฮิฮิ… โอ้ ไม่นะ ม่อๆ~”
“ไสหัวไปให้พ้น! เจ้าทำลายชื่อเสียงของแดนยมโลกแล้ว!” หน้าม้าอดจะก่นด่าออกมาไม่ได้
ทันใดนั้น เขาก็ยกขายาวขึ้น หมายเตะหัววัว ในขณะที่หัววัวหัวเราะร่าแล้วกระโดดหลบไปทางด้านข้าง จากนั้น ยมทูตเกี่ยววิญญาณทั้งสองก็ต่อสู้ตะลุมบอนกันอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตานั้น ทั้งหมวก รองเท้าและถุงเท้าของพวกเขาก็ปลิวว่อนกระเด็นกระดอนไปทั่วทุกที่ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีที่ดารดาษไปด้วยดวงดาวซึ่งมีสีเหมือนน้ำทะเล
หลี่ฉางโซ่วเห็นแล้วก็ให้รู้สึกขบขันนัก และปล่อยเสียงหัวเราะลั่นออกมาอย่างเบิกบานใจเต็มที่อยู่บนชายหาดนั้น
หลี่ฉางโซ่วสนทนากับหัววัวและหน้าม้าอยู่พักหนึ่ง แล้วมนุษย์เวทสงครามก็นำเนื้อย่างชั้นเยี่ยมขนาดใหญ่มาให้
หัววัวและหน้าม้าหาได้ตระหนี่ใดๆ ไม่ พวกเขาแจกจ่ายเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสออกไปราว… หนึ่งในร้อยส่วนของบรรดาเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสทั้งหมดให้กับพวกเผ่ามนุษย์เวท
จากนั้นเครื่องเทศก็ส่งกลิ่นหอมเผ็ดร้อน ฟุ้งขจรขจายออกไปบนชายหาดอย่างรวดเร็ว และพวกเผ่าเวทหลายคนที่ได้ลิ้มรสมัน ต่างก็ส่งเสียงกรีดร้อง
ในเวลานั้น หัววัวก็หยิบเนื้อย่างที่อร่อยที่สุดชิ้นหนึ่งแล้วส่งไปให้ ทว่าหลี่ฉางโซ่วพลันส่ายศีรษะและปฏิเสธกลับไปอย่างลำบากใจ
เวลานี้ เขาไม่มีทางเลือก เขายังมีอุปสรรคบางอย่างอยู่ในใจ
เขากินจนกระทั่งจันทร์กระจ่างขึ้นกลางแผ่นฟ้า จากนั้น หลี่ฉางก็โซ่วเรียกทูตเทวะกว่าร้อยคนที่รออยู่ห่างๆ ให้มาช่วยแบกพวกเผ่าเวทสงครามที่ดื่มกินเข้าไปจนไม่อาจขยับย้ายร่างได้ไหว และกลับไปที่วิหารเทพทะเล…
หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์ว่า สำนักบำเพ็ญประจิมไม่น่าจะเคลื่อนไหวใดๆ ต่อไปแล้ว
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สำนักบำเพ็ญประจิมก็ได้เปิดเผยแรงจูงใจในการดำเนินการและสูญเสียกำลังรบไปเล็กน้อย
ครั้นเมื่อความเสี่ยงและผลตอบแทนไม่อาจสมดุลกันได้ ดังนั้น คนที่มีเหตุผลสักหน่อยก็ย่อมจะไม่ไปต่อ…
แต่หลี่ฉางโซ่วยังคงยึดมั่น เขายังดูแลเครือข่ายเฝ้าระวังที่อยู่ห่างจากวิหารเทพทะเลออกไปหลายพันลี้โดยไม่ยอมผ่อนคลายแต่อย่างใดเลย
ในยามนั้น เขาแบ่งจิตครึ่งหนึ่ง แล้วเพ่งพุ่งมุ่งเน้นความสนใจไปที่สำนักเทพทะเลในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การสำรวจเส้นทางน้ำในดินแดนเทวะทักษิณ
และแน่นอนว่า เขายังคงเพ่งจิตบางส่วน จดจ่อไปที่ยอดเขาหยกน้อย
เขาไม่อาจไม่ระวังและละเลยมันไปได้เพราะที่นั่นคือรากฐานของเขา
สองเดือนต่อมา พวกเผ่าเวทก็ได้ดื่มกินไม่หยุดอยู่ในเมืองอันสุ่ย พวกเขาได้ลิ้มรสอาหารโอชะทุกชนิดในโลกมนุษย์
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขารู้สึกว่า มันเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยที่จะมาอาศัยดื่มกินโดยไม่ได้ตอบแทนใดๆ ดังนั้น พวกเผ่าเวทจึงคิดหาอะไรทำด้วยตัวเอง และจากนั้น พวกเขาก็เริ่มฝึกฝนเหล่าทูตเทวะมนุษย์เวท
หลังจากผ่านการฝึกฝนไปได้สองสามวัน เหล่าทูตเทวะก็ลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหวหรือเดินไม่ได้ พวกเขาทั้งหมดต่างคร่ำครวญและกรีดร้องราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ใช้กล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง
แต่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นมากนัก การฝึกฝนนี้จะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มพูนพลังการต่อสู้ของเหล่าทูตเทวะ
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ได้พาหลงจี๋มาที่เมืองอันสุ่ยโดยเฉพาะ และปล่อยให้หลงจี๋ได้บังเอิญ “ค้นพบ” การดำรงอยู่ของพวกเผ่าเวท และมนุษย์เวท
หลี่ฉางโซ่วแอบมอบผลท้อเซียนสามสิบผลให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ เอาพวกมันกลับไปที่สำนักตู้เซียนอย่างลับๆ
หลี่ฉางโซ่วต้องคิดว่าเขาจะทำให้ทุกคนกินผลท้ออย่างมีความสุขได้อย่างไร
ในยามนี้ เขามีสามทางเลือกหลัก…
ทางเลือกที่หนึ่ง แสร้งทำเป็นว่าพวกมันเป็นผลท้อเซียนธรรมดา
ทางเลือกที่สอง บอกเรื่องนี้กับเจ้าสำนักจี้อู๋โหย่ว แล้วอ้างว่า เป็นเจ้าสำนักมอบให้
ทางเลือกที่สาม ตีอาจารย์และศิษย์น้องหญิงให้สลบไปทีละคน แล้วค่อยป้อนผลท้อให้พวกเขา
ทว่าเพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการตามแผนที่สี่
เขาตัดสินใจจะบ่มผลท้อเซียนส่วนหนึ่งให้เป็นสุราเซียน แล้วอ้างว่า เขาบังเอิญทำสุราเซียนชนิดหนึ่งขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่อาจผลิตมันขึ้นมาได้อีกแล้ว จากนั้นก็เอาไปมอบให้อาจารย์อา อาจารย์ลุงและท่านปรมาจารย์ใหญ่ได้ลองลิ้ม
แน่นอนว่า เขาสามารถบอกความจริงกับท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาได้โดยตรงและปล่อยให้พวกเขาได้เพลิดเพลินกับผลท้อเซียนทั้งหมดทีละลูก
“ผลท้อเซียนนี้มีประโยชน์ต่อผู้อาวุโสว่านหลินหยุนด้วยหรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งได้หลอมโอสถที่มีลักษณะคล้ายโอสถวิญญาณรู้แจ้งมาสองสามเม็ดแล้ว และคราวนี้เขาก็จะส่งพวกมันให้กับผู้อาวุโสด้วยเช่นกัน
เซียนพิษผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในขอบเขตเซียนจิน…
ว้าว แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
………………………………………………………………..