ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 493 ผลท้อเซียนแห่งยอดเขาหยกน้อย (1)
ตอนที่ 493 ผลท้อเซียนแห่งยอดเขาหยกน้อย (1)
ในห้องลับใต้ดินแห่งยอดเขาหยกน้อย เขาจุดตะเกียงเครื่องมือเวทสองดวงที่หลอมมาจากไข่มุกราตรีแห่งทะเลบูรพา ทำให้ห้องแคบๆ ที่เขาแยกแยะไม่ออกว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนนี้ ดูเหมือนจะดีขึ้นและแจ่มกระจ่างมากกว่าเดิม
เขาโยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวหนึ่งออกมาและขอให้เขาเล่นเอ้อร์หูให้ฟัง จากนั้นเขาก็เล่นเพลง ‘เอ้อร์เฉวียนสะท้อนเงาจันทร์[1]’ ที่ไพเราะและผ่อนคลาย
ในขณะนั้นมีผลท้อเซียนสองสามลูกที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณอยู่บนโต๊ะ
เขาหยิบกริชขึ้นมาและค่อยๆ หมุนมันบนผลท้อเซียน เพื่อปอกเปลือกมันและทำให้เปลือกผลท้อบางๆ เปลี่ยนเป็นรูปของผลท้อที่เซียนจินธรรมดาไม่อาจกินได้
เหตุที่เขาตัดสินใจปอกเปลือกผลท้อเซียนนั้น ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกว่าเปลือกผลท้อเซียนไร้คุณค่าทางโภชนาการใดๆ แต่เขาเพียงอยากให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ข้างๆ เขา รู้ว่าผลท้อของเขา… ชุ่มฉ่ำน้ำเพียงใด
เป็นการบันทึกประจำวันที่น่าเบื่อของหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วกัดเนื้อลูกท้อที่ทั้งนุ่มและชุ่มฉ่ำ และสัมผัสกับความสบายของพลังวิญญาณที่ค่อยๆ แพร่กระจายอยู่ในปากของเขาจนอดจะส่งเสียงครวญครางเบาๆ ออกมาไม่ได้
เป็นไปตามที่คาดไว้สำหรับผลไม้วิญญาณเซียนเทียน รสชาตินี้ ถูกปากนัก!
ความจริงแล้ว มันน่าสนใจน้อยกว่าในยามที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ได้กินผลท้อเซียนบนเกาะซานเซียน…
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เทพธิดาปอกลูกท้อ มันช่างอ่อนโยนและงดงาม ในยามนั้น แสงแดดส่องมาที่มือของนาง เนื้อลูกท้อเซียนยังใสกระจ่างน้อยกว่าปลายนิ้วของนางมากนัก…
เพี้ยะ!
หลี่ฉางโซ่วยกมือขึ้นตีหน้าผากและส่ายศีรษะอย่างรุนแรง
กรรม กรรม ข้าจะกินผลท้อ ใช่ ข้าจะกินผลท้อ หลังจากค่อยๆ แทะเล็มผลท้อแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็หยิบแกนกลางออกมาและสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่กินผลท้อเซียนก็จะรู้ได้ว่าผลไม้วิญญาณคืออะไร มันดูเหมือนว่า อักขระเต๋าลึกลับที่มีอยู่ภายในนั้นจะมีอักขระที่หลงเหลืออยู่ของเต๋าใหญ่เมื่อสวรรค์และปฐพีได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก
หลี่ฉางโซ่วสรุปได้อย่างรวดเร็ว
ผลท้อเซียนจะเป็นประโยชน์ หากอาจารย์ของเขากินมันเข้าไป มันจะช่วยเพิ่มพูนฐานพลังให้อาจารย์ของเขา นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มอายุขัยของอาจารย์ของเขาออกไปได้อีกหลายร้อยถึงหลายพันปีและจะสร้างความเสียหายใดๆ ให้อาจารย์ของเขา
มันไม่เป็นปัญหาที่หลิงเอ๋อร์จะได้ทั้งสองอย่างเช่นกัน มันสามารถเพิ่มอายุขัยและเพิ่มพูนฐานพลังให้นาง ทั้งยังช่วยชำระล้างพลังเซียนของนางให้บริสุทธิ์ ทำให้ร่างเซียนของนางสะอาดปราศจากสิ่งเจือปน และทำให้นางงดงาม นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ผิวพรรณของนางเนียนเรียบและเปล่งปลั่งเงางามขึ้น …
ช่างมีประโยชน์มากมายจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วได้ขนส่งผลท้อเซียนกลับไปที่สำนักมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว วันนี้หลังจากยืนยันได้ว่าเรื่องที่เขาเข้าไปยุ่งกับผลท้อเซียนนั้น ไม่ได้ถูกเปิดเผย เขาก็เตรียมพร้อมที่จะแจกจ่ายพวกมัน
เมื่อคำนวณเวลาแล้ว “สุราเจิ่งโซ่ว” ที่เขากลั่นมาก่อนหน้านี้จะพร้อมที่จะถูกปล่อยออกจากห้องใต้ดินแล้ว
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ผลท้อเซียนที่เหลืออีกสามผลบนโต๊ะนั้น
เดิมทีเขาวางแผนที่จะกินพวกมันอีกสองสามผลเอง แต่เขาก็ตระหนักได้ว่า นอกเหนือจากมีรสชาติเลิศล้ำแล้ว พวกมันก็ไม่มีผลต่อเขาอย่างชัดเจน เขาจึงตัดสินใจเหลือบางส่วนเอาไว้ให้หลิงเอ๋อร์และคนอื่นๆ
ที่เรียกว่าสุราเจิ่งโซ่วนี้ ก็เป็นสุราผลไม้ตามธรรมชาติที่บ่มมาจากผลท้อเซียน หลี่ฉางโซ่วได้ใช้ความพยายามจนสามารถผนึกพลังวิญญาณของผลท้อเซียนได้แปดในสิบส่วน เขากลั่นสุราผลไม้นี้สองไหแล้วโดยจะมอบไหหนึ่งให้อาจารย์อาจิ่วจิ่ว ส่วนอีกไหหนึ่งก็จะมอบให้อาจารย์ลุงจิ่วอู ปรมาจารย์เจียงหลินเอ๋อร์ และปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง
หลังจากคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าอาจารย์อาจิ่วได้เพลิดเพลินกับผลท้อเซียนไปสามผลแล้ว…
ใช่แล้ว นี่เป็นสิ่งจำเป็นมาก หากข้าไม่มีสารอาหารอีกต่อไป แล้วข้าควรทำอย่างไรดีหากข้าทำให้อาจารย์อาน้อยของข้าซึ่งมี “บุญคุณยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา” ต้องอดอยากหิวโหยจนผอมโซ!?!
หลี่ฉางโซ่วเดินตรงไปที่ห้องเก็บสุราที่ซ่อนอยู่ด้านนอกหอโอสถ แล้วหยิบไหสุราผลไม้ออกมาสองไห
เขาต้องทำงาน
เขาจุ่มนิ้วลงไปในสุราและวิเคราะห์อย่างระมัดระวังแล้วตระหนักได้ว่าคุณมันมีสมบัติทางยาและพลังวิญญาณแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก
ดังนั้น เพื่อไม่ให้สูญเสีย “สารอาหาร” มากเกินไป หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบไหสุราขนาดเล็กออกมาสองสามไหและแบ่งไหสุราขนาดใหญ่หนึ่งในสองไหออกเป็นสามส่วน
จากนั้น เขาก็หยิบกระเรียนกระดาษส่งสารออกมาแล้วเชิญอาจารย์ลุงจิ่วอูมา เขาส่งสุราเจิ่งโซ่วสามไหออกไปและเตือนอาจารย์ลุงจิ่วอูซ้ำๆ ว่าให้มอบสุราอีกสองไหให้ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิง
“นี่คือสุราอะไรหรือ? ดูว่าเจ้ากังวลใจจริงๆ”
นักพรตเต๋าร่างเตี้ยถือไหสุราสามไหและดมกลิ่นด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า “ปกติแล้ว ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงจะไม่ดื่มสุรามากนัก ไฉนเจ้าไม่เก็บมันเอาไว้ให้เสี่ยวจิ่วเล่า?”
“ข้าได้เตรียมส่วนหนึ่งเอาไว้ให้อาจารย์อาจิ่วจิ่วแล้ว” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “สุรานี้ช่วยเพิ่มอายุขัยได้ ข้าบังเอิญกลั่นมันขึ้นมาด้วยสมุนไพรวิญญาณ อาจารย์ลุงอย่าถามต่อเลย นี่เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูของข้าที่มีต่อท่านปรมาจารย์ใหญ่และปรมาจารย์ลุงใหญ่ ในภายหน้า คงยากที่จะมีได้อีก”
“อ่า ได้ๆ!”
อาจารย์ลุงจิ่วอูยิ้มและรับคำโดยไม่ไถ่ถามต่อไป
แม้สมุนไพรวิญญาณที่สามารถเพิ่มอายุขัยของคนๆ หนึ่งได้จะล้ำค่ามาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้จิ่วอูจะไม่แปลกใจเลย ต่อให้หลี่ฉางโซ่วจะหยิบโอสถสองขวดออกมาและบอกว่ามันเป็นโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนของไท่ซ่างเหล่าจวิน[2]..
เขาคุ้นชินกับมันแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องทำอีก
หลังจากเฝ้ามองดูจิ่วอูขี่เมฆจากไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปจับสังเกตอย่างระมัดระวังอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นอาจารย์ลุงจิ่วอูส่งสุราสองไหที่ช่วยเพิ่มอายุขัยยืนยาวขึ้นไปยังที่พำนักหว่างฉิงแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ
ช้าสงสัยว่าอาจารย์อาจิ่วจะออกจากการเข้าปิดด่านเมื่อใดกัน…
ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะตัดสินใจเสร็จ สายลมภูเขาก็พัดพาเสียงหาวบางเบามาจากที่ไกล เขาจึงปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจจับและได้เห็นหน้าต่างบนชั้นสองของห้องเดินหมากเล่นไพ่ถูกผลักเปิดออก แล้วปรากฏร่างงดงามที่กำลังเหยีดยืดหลังของนาง
และก่อนที่นางจะได้ลืมตาขึ้น ปลายจมูกของนางก็ได้กระตุกฟุดฟิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่านางจะได้กลิ่นอะไรบางอย่างแล้วตบริมฝีปากของนาง… “สุรา…”
ไม่มีผู้ใดที่จะมีจมูกเยี่ยงนี้อีกแล้ว
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะแล้ววางสุราที่เหลือไว้ในไหสุราสีเงินก่อนจะลอยร่างออกไป
ในห้องเดินหมากเล่นไพ่ สตรีชราผู้รับผิดชอบดูแลจิ๋วอวี่ซือได้ร่ายเวทหลบหนีแล้วหายตัวไป
จิ๋วอวี่ซือเพิ่งก้าวเข้าสู่วิถีบำเพ็ญเพียร พลังวิญญาณของผลท้อเซียนนั้นแข็งแกร่งเกินไปสำหรับนาง ดังนั้นนางจึงไม่อาจจิบมันได้แม้แต่หยดเดียว และต้องพลาดโอกาสนี้ไป…
หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆ บินไปใกล้ห้องเดินหมากเล่นไพ่
“ท่านอาจารย์อา สุราหมดอีกแล้วหรือขอรับ?” จิ่วจิ่วซึ่งนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนขอบหน้าต่างบนชั้นสอง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นแล้วโน้มตัวออกไปมองข้างนอก ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ไหสุราในมือของหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวฉางโซ่ว!”
จิ่วจิ่วโห่ร้องและกระโดดออกไปนอกหน้าต่างอย่างเริงร่า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววตื้นตันใจอย่างยิ่งก่อนจะรีบเอื้อมมือทั้งสองออกไปรับราวกับแมวหิวโหยตะครุบอาหาร
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกอยากแกล้งนาง เขาจึงเอนร่างไปมา แล้วถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนจะนำไหสุรากลับเข้าไปในคลังเวทจัดเก็บของเขา
จิ่วจิ่วกระโจนเร็วเกินไป นางจึงล้มลงนอนบนพื้นหญ้าด้านหลังของหลี่ฉางโซ่วพร้อมกับส่งเสียงร้อง ว้ายออกมาแล้วลื่นไถลออกไปข้างหน้าครึ่งจั้งและบดขยี้หญ้าจนทำให้พื้นที่นี้ได้รับผลกระทบจากการประสบภัยพิบัติร้ายแรง
ไม่รู้ด้วยเหตุใด จิ่วจิ่วยังคงนิ่งเฉยและแสร้งทำเป็นนิ่งเงียบ
มันคล้ายกันมาก… เมื่อล้มลงตรงที่ใด นางจะเพียงนอนลงตรงนั้นสักพัก
“มีอันใดผิดปกติหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่น แล้วแตะเมฆขาวให้เข้าไปยกร่างของจิ่วจิ่วขึ้นมา
“อา…”
จิ่วจิ่วก้มหน้าลง ร่างของนางจมลงไปในก้อนเมฆสีขาว แขนขาของนางแข็งทื่อขณะที่นางเริ่มพูดอย่างไร้ชีวิตชีวา
“เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นผู้อาวุโส แต่ข้าต้องพึ่งพาผู้เยาว์เช่นเจ้าให้ช่วยเหลือข้า อา ข้าเป็นเซียนที่ล้มเหลวแล้ว… ข้าฝึกบำเพ็ญเต๋ามาหลายปีแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ข้าช่างไร้ประโยชน์จริงๆ เลย อา ข้าเป็นเซียนที่ล้มเหลวแล้ว… ทั้งศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงได้เป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันอย่างชัดเจน ศิษย์น้องหญิงน้อยกลับชาติมาเกิดด้วยกรรม แล้วดูข้าสิ อา ข้าเป็นเซียนที่ล้มเหลวแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ เขารู้สึกว่าอาจารย์อาของเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันมากเกินไป
ขณะที่เขากำลังจะปลอบใจนาง จู่ๆ ก็มีมือเล็กๆ ยื่นออกมาจากก้อนเมฆ
“เช่นนั้น รีบเอาสุรามาให้ข้าดื่มสิ แล้วปล่อยให้ข้าเมาหัวราน้ำไปเลย!”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงัน
หลุมพรางพันชั้นของอาจารย์อา “ท่านอาจารย์อา เรามาคุยเรื่องสำคัญจริงจังกันเถิดขอรับ”
“หือ?”
………………………………………………………………..
[1] เป็นเพลงบรรเลงซอเอ้อร์หู ซึ่งเป็นซอสองสายโบราณของจีน
[2] องค์ไท่ชิง