ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 494 ผลท้อเซียนแห่งยอดเขาหยกน้อย (2)
ตอนที่ 494 ผลท้อเซียนแห่งยอดเขาหยกน้อย (2)
จิ่วจิ่วพยายามจะเงยหน้าขึ้นอย่างเต็มที่และมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของหลี่ฉางโซ่ว นางก็รีบเก็บสีหน้าเศร้าหมองและไร้ประโยชน์ของนางเอาไว้ก่อนจะกระโดดขึ้นจากเมฆขาวแล้วลงนั่งขัดสมาธิ “เรื่องหนักหนาอันใดกัน”
หลี่ฉางโซ่วหยิบไหสุราออกมาแล้วส่งให้จิ่วจิ่วพลางยิ้มและกล่าวว่า “จนถึงตอนนี้ นี่เป็นสุราผลไม้ที่มีคุณภาพดีที่สุดที่ศิษย์หลานผู้นี้สามารถต้มได้ เดิมที่ต้มเอาไว้สองไห แต่ส่งไปให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่และท่านปรมาจารย์ลุงใหญ่ ไหสุราใบนั้น เป็นการแสดงถึงความกตัญญู ท่านโปรดจำไว้ว่าอย่าดื่มมันเหมือนสุราเซียนทั่วไป ผลที่ได้นั้นไม่ธรรมดา มันจะดีที่สุดหากท่านแบ่งดื่มออกเป็นสามครั้ง และแต่ละครั้งหลังากที่ท่านดื่ม ก็ให้ท่านเข้าปิดด่าน”
“ได้…”
จิ่วจิ่วกะพริบตาและเม้มปาก ใบหน้างดงามของนางดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
ทันใดนั้น นางก็ละสายตาจากไหสุราและจ้องมองหลี่ฉางโซ่วพลางถามเบาๆ ว่า “เสี่ยวฉางโซ่ว บอกความจริงกับข้ามา เจ้ามี … แผนใดกับข้าหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน เขายิ้มและกล่าวว่า “อาจารย์อา ท่านกำลังพูดเหลวไหลอันใดกัน?”
“เจ้าไม่ได้ปิดบังแผนการอะไรกับข้าเลยใช่หรือไม่?”
“อาจารย์อา มีเรื่องอันใดผิดไปหรือ?”
“ฮิฮิฮิ” จิ่วจิ่วเม้มริมฝีปากและหัวเราะคิกคักเบาๆ ก่อนจะกระแอมในลำคอ แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าคิดว่าหากเจ้ามีแผนซ่อนเร้น ข้าก็จะแบ่งรับแบ่งสู้บ้าง แต่ข้าก็รู้สึกว่าเจ้าไม่เลว และในภายหน้า ข้าก็ยังดื่มสุรากับเจ้าได้อย่างเปิดเผย หัวใจเต๋าของข้ากำลังจะพัฒนาจิตมารขึ้นมาจากการกินดื่มที่ไร้ประโยชน์! หรือว่าเจ้าจะหาอะไรให้ข้าทำ ข้าช่วยเจ้าปลูกถั่วได้ทุกชนิด!”
หลี่ฉางโซ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อาจารย์อา ท่านไม่ต้องรู้สึกเสียใจ ทว่าเมื่อท่านพูดถึงเรื่องนี้ บังเอิญว่า ข้าก็ขาดคนช่วยเหลือเรื่องบางอย่าง ท่านไม่จำเป็นต้องทำงานออกแรงอย่างเช่นการปลูกถั่ว อาจารย์อา ท่านก็งดงามเช่นกัน ท่านเป็นหนึ่งในเทพธิดาไม่กี่คนในสำนัก ย่อมไม่อาจให้ทำงานกับจอบได้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น… ท่านอาจารย์อา โปรดช่วยข้ารวบรวมเยื่อไม้วิญญาณอายุพันปี ข้าจะใช้มันสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ขึ้นมา แต่ต้องขออาจารย์อา โปรดช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามบอกผู้อื่นเด็ดขาด”
จิ่วจิ่วทำหน้ามุ่ยและบ่นอย่างไม่พอใจทันที “เจ้าเต็มใจให้ข้าทำงานจริงๆ!”
“ได้…”
“ฮิฮิ ข้าล้อเล่นน่า” จิ่วจิ่วรีบเปลี่ยนจากเมฆครึ้มเป็นแดดออก[1]อย่างรวดเร็วและตบหน้าอกของนางพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงศิษย์หลาน การทำเยื่อไม้จะเป็นงานหลักของข้าในภายหน้า! ต้นไม้อายุพันปีเพียงพอหรือไม่? ข้ารู้ว่าต้นไม้เก่าแก่บางต้นบนยอดเขากำลังจะกลายเป็นวิญญาณ!”
หลี่ฉางโซ่วเปลี่ยนสายตาของเขาออกไปอย่างเงียบๆ และคิดถึงภาพวาดของจักรพรรดินีชราไป่เหมยในใจเพื่อลบล้างความคิดของเขา
“ท่านอาจารย์อา โปรดจำไว้ว่าให้ดื่มสามครั้งแยกกัน มีสุราอีกสามประเภทที่นี่”
“ได้ ได้! ให้ข้าลิ้มลองก่อน… โอ้ นี่มันสุราอะไรนี่? รสชาติต่างกันมาก เจ้าใส่โอสถใดไว้ข้างในหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
เขาไม่มีโอสถใดๆ เขามีเพียงผลท้อเซียนสองสามผลเท่านั้น ซึ่งเป็นชนิดที่เกิดจากรากวิญญาณเซียนเทียน
หลี่ฉางโซ่วไม่คาดว่า ฤทธิ์ของผลท้อเซียนจะเด่นชัดมากสำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตเซียนจิน!
จิ่วจิ่ว ซึ่งเพิ่งออกมาจากการเข้าปิดด่าน ดื่มสุราที่เทียบเท่ากับฤทธิ์ของผลท้อเซียนและเข้าสู่สภาวะเข้าฌานอีกครั้ง จิ่วจิ่วมีพลังเซียนอยู่ในร่างมากมายมหาศาล ซึ่งทำให้นางก้าวหน้าขึ้นไปผ่านขอบเขตเล็กๆ ขอบเขตหนึ่งแล้วต่อไปอีกขอบเขตหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่จิ่วจิ่วออกมาจากการเข้าปิดด่าน หลี่ฉางโซ่วก็เชิญให้อาจารย์ของเขากินอีกผลหนึ่ง
เดิมทีฉีหยวนอยู่ห่างจากเซียนเสิ่นไปเพียงครึ่งก้าว แต่หลังจากกินผลท้อเซียนแล้ว เขาก็ก้าวหน้าขึ้นไปถึงจุดสิ้นสุดของขอบเขตเซียนพิภพอย่างเป็นทางการ – ขอบเขตเซียนเสิ่น และเส้นทางก็จบลงเช่นนั้น บัดนี้ เขามาถึงจุดสูงสุดแห่งชีวิตเซียนของเขาแล้ว!
ฉีหยวนนั่งอยู่ตรงนั้น เขาไม่มีความสุขขณะรู้สึกว่างเปล่าและทำอะไรไม่ถูกพลางก้มลงมองมือของเขา
เขาเป็นเซียนเสิ่นแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่ากับขอบเขตเซียนหยวนขั้นสูงแห่งเต๋าเซียนเทียน…
อายุขัยของเขาเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ดูเหมือนจะเหมือนกับตอนที่เขาเพิ่งเข้าสู่เซียนจั๋วเป็นครั้งแรก
อายุขัยที่เพิ่มขึ้นจากความก้าวหน้าขึ้นไปสู่ขอบเขตถัดไปนั้น ยังไม่ดีเท่ากับผลลัพธ์พิเศษของอายุขัยจากการกินผลท้อเซียน การกินผลท้อเซียนนี้ ทำให้อายุขัยของเขาเพิ่มขึ้นราวหกถึงเจ็ดร้อยปี…
นี่คือชีวิตทั้งหมดของข้าหรือ?
หลี่ฉางโซ่วไม่คาดว่าความก้าวหน้าของเซียนจั๋วจะไม่ได้เพิ่มอายุขัยของเขา
เขารีบขอให้อาจารย์ของเขากินอีก ผลของการยกระดับฐานพลังของอาจารย์ของเขาไม่ชัดเจนนัก แต่อายุขัยของอาจารย์ของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยปี
ผลของผลท้อเซียนในการเพิ่มอายุขัยและยืดอายุขัยนั้น ดีทีเดียว
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบผลท้อเซียนผลที่สามออกมาเงียบๆ …
ฉีหยวนโบกมือแล้วรีบกล่าวว่า “ฉางโซ่ว อย่าให้ข้าอีกเลย! พอ พอ! เก็บสมบัตินี้เอาไว้ให้ศิษย์น้องหญิงของเจ้าเถิด!”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ยังมีอยู่บ้าง” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจัง “ของสิ่งนี้มาจากศาลสวรรค์ ขอท่านอาจารย์โปรดอย่าบอกผู้ใด ศิษย์ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา ศิษย์จะฝากมันไว้กับท่านก่อน ไว้ท่านค่อยใช้มันหลังจากย่อยฤทธิ์ของผลท้อเซียนอีกสองผลแล้ว”
ถอนหายใจและกล่าวว่า “ในชีวิตของข้า สิ่งเดียวที่ข้าทำได้ถูกต้องก็คือ การรับเจ้าและศิษย์น้องหญิงของเจ้าเป็นศิษย์…”
“ท่านอาจารย์อย่าคิดมาก” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “วันเวลายังอีกยาวไกล หากท่านอาจารย์ไปรับบุญที่ศาลสวรรค์ อายุขัยของท่านก็จะเพิ่มขึ้นอีก หากเป็นเช่นนั้น ท่านอาจารย์ก็จะได้เข้ารายงานต่อศาลสวรรค์ในอีกสิบปีข้างหน้า “ศิษย์จะแอบช่วยท่านจัดการอย่างลับๆ เพื่อดูว่าท่านจะกลายเป็นเทพแห่งขุนเขาหรือเทพแห่งแผ่นดินได้หรือไม่ จากนั้นศิษย์จะวางอาณาเขตอำนาจของท่านไว้ในสำนักตู้เซียน เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านอาจารย์ก็สามารถฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขาพร้อมกับรับบุญเพื่อเพิ่มอายุขัยของท่านได้ขอรับ”
ฉีหยวนตกตะลึง “เจ้าทำเช่นนั้นได้หรือ”
“ได้แน่นอนขอรับ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “โปรดให้ศิษย์จัดการ ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง หากจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญ ก็ให้ไปพูดคุยกับภรรยาของท่านอาจารย์ แค่กๆ พูดคุยกับอาจารย์อาจิ๋วอวี่ซือ”
หลี่ฉางโซ่วยังกล่าวไม่จบประโยค
หากการถือกำเนิดเซียนไม่มีรากฐานที่สมดุลเพียงพอ เราก็สามารถเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้นได้ อย่างมากสุด เราก็จะให้ผลประโยชน์กับยายเมิ่ง[2]มากขึ้น และให้ยายเมิ่งเขย่าน้ำแกงอีกสองสามครั้ง และเมื่อยายเมิ่งตักน้ำแกง เราก็ให้ช้อนเพิ่มได้
หลังจากปลอบอาจารย์ของเขาแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เดินไปรอบๆ กระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์
ครั้นเมื่อพบว่า หลิงเอ๋อร์ยังไม่มีสัญญาณว่าจะออกจากการปิดด่าน เขาก็วางถุงเก็บสมบัติที่บรรจุผลท้อเซียนสามผลและทิ้งข้อความเอาไว้ให้นาง
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ไปที่กรงสัตว์วิญญาณและเรียกสงหลิงลี่ ซึ่งกำลังระลึกถึงมิตรภาพของนางกับสัตว์วิญญาณที่กำลังรอถูกเชือด เขาโยนผลท้อเซียนลงไปให้อย่างไม่ตั้งใจ สงหลิงลี่ หัวเราะคิกคัก พลางเช็ดผลท้อแล้วกัดไปสองคำ
“ขอบคุณญาติผู้พี่ ว้าว ลูกท้อนี้หวานจริง!”
“ใช่ กินให้หมดเลย”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวและเริ่มสังเกตอย่างเปิดเผย ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็ค้นพบบางสิ่งที่แปลกประหลาดในร่างดุจหอคอยของสงหลิงลี่ มีพลังวิญญาณที่น่าจะเปลี่ยนเป็นพลังเวท ทว่ามันกลับกลายเป็นพลังโลหิต!
พรึ่บ!
ชี่
ร่างของสงหลิงลี่ขยายตัวขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และฉีกทำลายชุดกระโปรงศึกของนาง!
ภายใต้กล้ามเนื้อปูดโปนของนาง มีคลื่นพลังลมปราณมหาศาลที่พลุงพล่านไปมาอย่างบ้าคลั่งไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมา… “ญาติผู้พี่!”
สงหลิงลี่เบิกตากว้างและกล่าวอย่างกังวลว่า “หลิงลี่ แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!”
“ใช่” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้า “โลกนี้อันตรายนัก แข็งแกร่งไว้ย่อมไม่เลว”
สงหลิงลี่กระตุกมุมปาก ใบหน้าน่ารักของนางเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ นางเงยหน้าขึ้นและหลั่งน้ำตา บัดนี้ นางดูเหมือนเด็กที่หนักห้าร้อยถึงหกร้อยจิน… หลี่ฉางโซ่วปลอบโยนนางแล้วขี่เมฆกลับไปที่หอโอสถ
จากนั้นเขาก็หยิบกระเรียนกระดาษส่งสารอีกตัวออกมา ครั้งนี้ เขาต้องการเชิญโหย่วฉินเสวียนหย่ามาพูดคุย…
ในเวลาเดียวกันนั้น บนเกาะซานเซียน ในศาลาอันอบอุ่นที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกและผ้าม่านมีแขวนเอาไว้ทั่วทุกที่ เทพธิดาที่กำลังทำสมาธิบำเพ็ญเพียร ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองภาพที่แขวนอยู่บนผนังด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเม้มปากแล้วยิ้ม…
จากนั้นนางก็ถอนหายใจ
นางยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดสภาพจิตใจของนางจึงซับซ้อน
หรือว่าอาจารย์ลุงใหญ่กำลังวางแผนบางอย่าง?
นางยังคงเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้และรู้สึกอยู่เสมอว่า นางไม่น่าจะทำเช่นนั้น แต่ถึงกระนั้น จู่ๆ นางก็รู้สึกว่านางน่าจะทำเช่นนั้น
หลังจากตรึกตรองอยู่พักใหญ่ นางก็พบว่าจิตใจของนางฟุ้งซ่านในขณะที่ร่างนั้นชัดเจนขึ้นในใจของนาง
ช่างเถิด คิดไปก็ไร้ประโยชน์ ไว้ค่อยขอให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายข้อสงสัยของข้าเพื่อป้องกันความผิดพลาด
หากข้ามีความตั้งใจเช่นนั้น ข้าก็จะไม่หลบเลี่ยงมัน
ทว่าหากมีคนอื่นวางแผนทำร้ายข้า เขาก็ยินดีไปอย่างเปล่าประโยชน์เช่นนั้นหรือ?
ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ ร่างของเทพธิดาก็หายไปท่ามกลางสายลมอ่อนๆ ที่พัดโชยผ่านนาง เหลือไว้เพียงเสียงถอนหายใจเบาๆ ของนาง
………………………………………………………………..
[1] การเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
[2] เทพสตรีอาวุโส ประจำการในแดนยมโลก ช่วงจุดผ่านแดนก่อนที่ดวงวิญญาณจะไปเกิด จะคอยตักน้ำแกงลืมเลือนให้ดวงวิญญาณดื่มเพื่อให้ลืมเลือนอดีตชาติก่อนจะข้ามสะพานไน่เหอเพื่อไปเกิดใหม่