ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 496 พฤติกรรมสับสนของเจ้าสำนัก (2)
ตอนที่ 496 พฤติกรรมสับสนของเจ้าสำนัก (2)
หลี่ฉางโซ่วยิ่งก้มศีรษะต่ำลงมากขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างหนักแน่นด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “ผู้อาวุโส หากไม่มีท่านช่วยชี้แนะเต๋าหลอมโอสถให้ศิษย์ แล้วศิษย์จะเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์เฉกเช่นทุกวันนี้ของศิษย์ได้อย่างไรขอรับ!?! ศิษย์ยังอยากวอนท่านผู้อาวุโสโปรดยอมรับน้ำใจนี้ของศิษย์ด้วยขอรับ!”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถิด หากเจ้ายังใช้ความสัมพันธ์อันดีของเรามาบีบบังคับข้าเช่นนี้ คราวหน้าเจ้าก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“ศิษย์ไม่กล้า!”
หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นมองทันทีแล้วยิ้มให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุน
เมื่อผู้อาวุโสว่านหลินหยุนได้เล่นสนุกกับโอสถวิญญาณสองสามเม็ดแล้ว เขาก็ทนแยกทางกับพวกมัน ไม่ได้อีก เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับการหลอมโอสถมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบผลท้อเซียนสามผลออกมาและส่งผลหนึ่งให้ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนอย่างเป็นธรรมชาติ
“ผู้อาวุโส ลองดูสิขอรับ”
“อืม” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนคว้าผลท้อเซียนมาอย่างเป็นกันเองในขณะที่สายตาของเขายังไม่ได้ละไปจากขวดกระเบื้อง จากนั้นเขาก็อ้าปาก กัดกินมัน แล้วทันใดนั้น ร่างของเขาก็แข็งทื่อราวกับรูปปั้นหินไปทั้งร่าง…
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ผลท้อเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ในเมื่อท่านได้กินมันแล้ว ท่านจะเปลี่ยนใจ และขับไล่ศิษย์ออกไปไม่ได้แล้วนะขอรับ!”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนขมวดคิ้วพลางจ้องมองหลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “เจ้าไปได้ผลท้อผลนี้มาจากที่ใดหรือ?”
“เป็นของขวัญจากปรมาจารย์ผู้หนึ่ง ของขวัญจากปรมาจารย์ผู้หนึ่งขอรับ สรุปแล้วมันไม่ได้มาจากการกลอุบายหลอกลวง หรือการลักพาใดๆ ท่านผู้อาวุโสโปรดวางใจเถิดขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านควรเริ่มเข้าปิดด่านหลังกินพวกมันในวันนี้ ผลท้อเซียนสามผลนี้ ร่วมกับโอสถวิญญาณหนึ่งเม็ดก็เพียงพอแล้วที่จะให้ท่านฝ่าทะลวงขึ้นไปหนึ่งหรือสองขอบเขตและยังคาดหวังได้ว่า อาจไปถึงเซียนจินได้ขอรับ”
“หากท่านทะลวงด่านเข้าไปสู่เซียนจินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันย่อมเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่ดีที่สุดสำหรับสำนักตู้เซียน
ท่านจะมีอายุขัยยืนยาวไร้ที่สิ้นสุดและคงชีพอยู่ได้ตลอดไปตราบชั่วฟ้าดินสิ้นสลาย และนั่นจะไม่ใช่เรื่องวิเศษสุดหรอกหรือขอรับ หากท่านจะได้ศึกษาวิชาหลอมโอสถและยาพิษชั่วนิจนิรันดร์?”
ผู้อาวุโสว่านพยักหน้าช้าๆ พลางกัดผลท้อเซียนอีกครั้งและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “แล้วเจ้ายังเตรียมการอันใดอีกบ้าง? เอาพวกมันออกมาให้หมด”
“ยังมีอีกสิ่งหนึ่งขอรับ มันเกี่ยวกับฤทธิ์โอสถของโอสถวิญญาณเหล่านี้ขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วโบกแขนเสื้อแล้ววางแผ่นไม้ไผ่หลายสิบแผ่นเอาไว้ข้างหน้าผู้อาวุโสว่านหลินหยุน
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “โปรดลองอ่านสิ่งเหล่านี้ก่อนที่ท่านจะใช้โอสถ หากศิษย์เข้าใจอันใดผิดไป ศิษย์จะได้แก้ไขได้ทันการณ์ขอรับ”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพูดไม่ออก
“ผู้อาวุโส ยังต้องขอให้ท่านเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้บอกกับผู้ใด ศิษย์ปรารถนาจะฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุขและสบายใจ ศิษย์ไม่อยาก… หือ?”
หลี่ฉางโซ่วหยุดชะงักไปชั่วคราวในขณะที่ ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพยักหน้าด้วยสีหน้าท่าทางสับสนงุนงง
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ศิษย์ได้รับแรงกระตุ้นบางอย่าง ขอให้ศิษย์เข้าฌานอยู่กับผู้อาวุโสที่นี่สักพักเถิดขอรับ!”
“ได้แน่นอน!”
จากนั้นผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ยกมือขึ้นและชี้ไปที่หลี่ฉางโส่ว แล้วข่ายอาคมสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้นก่อนจะเข้าล้อมรอบร่างของหลี่ฉางโซ่ว
หากเป็นสถานที่อื่น หลี่ฉางโซ่วมักจะนิ่งสงบและทำงานหลายอย่างไปพร้อมๆ กันเพื่อแอบค้นหาแหล่งที่มาของแรงกระตุ้นอย่างกะทันหันนั้นอย่างลับๆ
ทว่าเนื่องจากเขาอยู่กับผู้อาวุโสว่าน เขาจึงไม่ต้องลำบากมากมายเช่นนั้น
จิตใจของหลี่ฉางโซ่วดำดิ่งลงสู่ร่างหลักของเขา ดูเหมือนว่า จะมีแสงเลือนรางปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสวิญญาณรับรู้ที่ปรากฏขึ้นในใจอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เขาก็ไม่ได้รับอะไรเลย
มีเพียง…ความรู้สึกว่า เขาถูกจับตามองเท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วจับภาพได้อย่างรวดเร็วว่ามีอักขระเต๋าลึกลับอยู่รอบๆ ปราณวิญญาณของเขา อักขระเต๋านั้น มาจากเจ้านายใหญ่แผนภาพไท่จี๋ที่ปู่ใหญ่เจดีย์ได้กล่าวถึง
มีคนกำลังสอดแนมข้า ทว่าถูกแผนภาพไท่จี๋ปิดกั้นเอาไว้?
ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง…
แผนภาพไท่จี๋ถูกมองทะลุผ่าน! ไม่เช่นนั้น ข้าย่อมไม่อาจรู้สึกถึงมันได้รุนแรงถึงเพียงนี้
เกิดอันใดขึ้น?
จอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองคนโจมตีหรือ?
ข้าถูกเปิดเผยแล้วเช่นนั้นหรือ?
นั่นไม่ถูกต้องนัก เพราะหากจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมพบข้า ข้าก็น่าจะรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงอย่างยิ่ง ไม่ควรเป็นเพียงแค่รู้สึกว่า ‘มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น’ เท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่ในใจอีกต่อไป ราวกับว่าความรู้สึกก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเพียงภาพมายา
นี่…
หลี่ฉางโซ่วตื่นตกใจ
ทันใดนั้น เขาก็รีบกล่าวอำลาผู้อาวุโสว่านหลินหยุนและรีบพุ่งไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ทันที
ครั้งนี้ เขาไม่ได้ใส่ใจจะขออนุญาตผู้อาวุโสที่ดูแลกิจการภายนอกด้วยซ้ำ เขาเดินปรี่ตรงไปที่รูปภาพเหมือนของจอมปราชญ์และหยิบธูปสามดอกที่อยู่ข้างมือ จากนั้นก็ก้มกราบกรานอย่างจริงจังสามครั้ง
ในขณะนั้น รูปภาพเหมือนของปรมาจารย์จอมปราชญ์แกว่งไกวไปมาเบาๆ และมีมุมหนึ่งได้ลอยขึ้นเล็กน้อย และเสี้ยวอักขระเต๋าหนึ่งก็ปรากฏขึ้นโดยไม่ได้รบกวนใครเลย จากนั้นมันได้ก่อตัวเป็นถ้อยคำในใจของหลี่ฉางโซ่ว
“ไม่มีอะไร”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสบายใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์รู้ว่าคำเตือนของ ‘แผนภาพไท่จี๋’ เพิ่งถูกทำลายไปแล้ว
คำว่า ‘ไม่มีอะไร’ นั้น มีข้อมูลมากน้อยเพียงใดกัน…
หลี่ฉางโซ่วกราบไหว้บูชาต่อหน้ารูปภาพเหมือนเป็นเวลาครึ่งชั่วยามและครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
ในขณะนั้น เขาคาดการณ์ง่ายๆ ได้เพียงสองอย่างเท่านั้น
อย่างแรก จอมปราชญ์ผู้หนึ่งกำลังสอดแนมเขาและทำลายการปกป้องของแผนภาพไท่จี๋ แต่ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ของเขาก็มาหยุดจอมปราชญ์ผู้นั้นเอาไว้ได้ทันการณ์ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์กล่าวว่า ไม่มีอะไร
อย่างที่สอง บางที อาจเป็นว่า มีจอมปราชญ์ผู้หนึ่งมองทะลุผ่านส้นเท้า[1]ของเขา แต่ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์ของเขาก็คิดว่า มันไม่เป็นไร ดังนั้นท่านจึงบอกว่า ไม่มีอะไร
อย่างที่สองนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะนำไปสู่ปัญหาในภายหน้า และไม่จำเป็นต้องพูดถึงอย่างแรก
หรือว่าคนที่มองข้าเมื่อครู่นี้คือ ปรมาจารย์แห่งวังอวี้ซวี หรือ วังปี้โหยว?
หากให้ข้ากล้าคาดเดาชัดๆ มากกว่านี้ เขาอาจจะเป็น… ปรมาจารย์อาวุโสแห่งวังเมฆม่วงหรือไม่?
เหตุใดกัน?
เหตุใดถึงมองมาที่ข้า?
หลี่ฉางโซ่วมีตัวเลือกมากมายในใจ เขายังคงครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้และตัดพวกมันออกไป และในท้ายที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่ามีสถานการณ์ที่เป็นไปได้จำนวนสิบหกสถานการณ์ พวกมันส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ…
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ หัวใจของเขาพลันพลุ่งพล่าน เต้นแรงขึ้น
ข้อความที่เขาได้รับในครั้งนี้ค่อนข้างชัดเจน เขาก็คุ้นเคยกับคลื่นแรงกระตุ้นนี้เป็นอย่างดี
มีแขกผู้ทรงเกียรติมาถึงวิหารเทพทะเลแล้ว หลี่ฉางโซ่วไม่กล้ารอช้า ทันใดนั้นเจตจำนงวิญญาณของเขาก็พุ่งไปหยุดอยู่ที่วิหารเทพทะเลในเมืองอันสุ่ยทันที
………………………………………………………………..
[1] ตามร่องรอย