ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 50.2 สถานที่สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ (2)
เมื่อไปถึงหอไป่ฝานแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไปพบผู้อาวุโสที่เขาสนิทสนมคุ้นเคยด้วยเพื่อบอกว่าเขาต้องการกลับบ้านเกิดเพื่อไปเยี่ยมสุสานบิดามารดา และผู้อาวุโสเว่ยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้พอดีก็ยินดีอนุญาตให้เขาไป
“ฉางโซ่ว ข้าจำได้ว่าบ้านเกิดของเจ้าอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะทักษิณ บังเอิญว่าพรุ่งนี้จะมีผู้ดูแลไปดินแดนเทวะทักษิณเพื่อทำภารกิจบางอย่าง ดังนั้นข้าจะให้เขาพาเจ้าไปด้วย”
“เรื่องนี้…” หลี่ฉางโซ่วหยิบปลาวิญญาณสองสามตัวออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส อันที่จริงมีบางอย่างที่ข้าอยากรบกวนท่านผู้อาวุโสขอรับ”
“เจ้าเด็กน้อย” ผู้อาวุโสเว่ยฉีกยิ้มกว้างทันทีพลางหยิบปลาวิญญาณที่ห่อหุ้มด้วยน้ำเป็นลูกกลม แล้วหยิบโถกระเบื้องเคลือบออกมาก่อนจะใส่ปลาวิญญาณลงไปเก็บไว้ชั่วคราว
ทุกคนมีความชอบของตัวเอง บางคนชอบดื่ม บางคนชอบกินของอร่อย โดยเฉพาะปลาวิญญาณที่เลี้ยงดูยากมาก จึงเรียกได้ว่าพวกมันเป็นปลาที่อร่อยจริงๆ
ผู้อาวุโสเว่ยแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “บอกข้ามาว่าเจ้ามีเรื่องใดกัน”
“ศิษย์อยากใช้โอกาสนี้เพื่อทดสอบตัวเองในดินแดนเทวะทักษิณสักสองสามปีขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงแผ่วเบา “รบกวนท่านอย่าให้ผู้ดูแลไปตรวจดูที่บ้านเกิดของข้า และไม่ต้องให้พวกเขาพาข้าไปที่นั่นได้หรือไม่ขอรับ…”
“ตกลง เจ้าไปได้แล้ว” ผู้อาวุโสเว่ยหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมาข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าจะเก็บม้วนไม้ไผ่ไว้สักหนึ่งม้วนและไม่บันทึกลงไป เจ้าเป็นเมล็ดพันธุ์เซียนที่ดีสำหรับการฝึกบำเพ็ญเซียน และมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจำไว้ว่าอย่าสร้างปัญหา ห้ามละเมิดกฎของสำนัก และต้องละวางจากความเจริญรุ่งเรืองของดินแดนมนุษย์ อย่าปล่อยให้ดินแดนมนุษย์บดบังหัวใจเต๋าของเจ้า”
หลี่ฉางโซ่วรีบประสานมือคารวะพลางกล่าวซ้ำๆ ว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เมตตาขอรับ!”
“แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไปเถิด รีบไปแล้วรีบกลับมาล่ะ”
จากนั้นผู้อาวุโสเว่ยก็หยิบแผ่นหยกซึ่งจะให้กับศิษย์ที่จะออกไปนอกสำนักมามอบให้หลี่ฉางโซ่ว นอกจากนี้เขายังบอกหลี่ฉางโซ่วอีกสองสามเรื่องว่า อย่าไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในสถานที่ที่มีผู้คนมากมายในดินแดนมนุษย์ เพื่อป้องกันไม่ให้หลงตกอยู่ในความชั่วร้ายด้วยเกรงว่าพลังขุ่นมัวในดินแดนมนุษย์จะส่งผลต่อรากฐานเต๋าของเขา
ความห่วงใยของผู้อาวุโสเว่ยที่มีต่อหลี่ฉางโซ่วนั้นย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หลี่ฉางโซ่วได้มอบปลาวิญญาณหลายร้อยตัวให้เขา…
มักจะมีบรรดาศิษย์มากมายที่กลับบ้านเกิดเพื่อไปดูแลเก็บกวาดสุสาน แต่พวกเขาจะยังคงอยู่ต่อในดินแดนมนุษย์เป็นเวลาหลายปีและถูกผู้ดูแลจับกลับมา พวกเขาจะถูกตำหนิและหักเงินสนับสนุนรายเดือนของพวกเขา จนทำให้ผู้อาวุโสเว่ยไม่รู้สึกประหลาดใจอีกต่อไป
แลกกับปลาวิญญาณเพียงไม่กี่ตัว ถ้าผู้อาวุโสผู้นี้ไม่บันทึกการออกไปกราบไหว้สุสานของบิดามารดาในม้วนไม้ไผ่ ย่อมไม่มีผู้ดูแลเข้ามาตรวจสอบ
ในมุมมองของผู้อาวุโสเว่ย นี่ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าการที่ศิษย์รุ่นเยาว์ต้องการไปยังดินแดนมนุษย์และเล่นสนุกเพลิดเพลินกับมัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
แต่สำหรับหลี่ฉางโซ่ว นี่เป็นส่วนสำคัญของแผนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ และเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่จะต้องทำให้สำเร็จ…
……
เมื่อออกจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ ขับเคลื่อนเมฆาขาวต่อไปทางทิศใต้ ในไม่ช้าหลี่ฉางโซ่วก็บินไปถึงประตูสำนัก
เขาเอาแผ่นหยกสำหรับออกนอกสำนักออกมา บอกว่าเขาต้องกลับบ้านเกิดเพื่อไปเยี่ยมหลุมศพ จากนั้นเซียนผู้ดูแลประตูสำนักยังบอกหลี่ฉางโซ่วว่าให้ระมัดระวังดินแดนภายนอกด้วย ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวขอบคุณเขาและบินออกไปจากประตูพร้อมด้วยเมฆขาว
อันที่จริงพื้นที่รอบๆ สำนักในระยะรัศมีหนึ่งพันลี้ ยังคงถือว่าเป็นดินแดนของสำนักตู้เซียน
มีแหล่งเส้นชีพจรวิญญาณซึ่งมีความสำคัญในบางพื้นที่ของสำนักได้ถูกกระจายออกไปในพื้นที่ทางตอนใต้
หลี่ฉางโซ่วขับเคลื่อนเมฆขาวบินออกไปได้สองพันลี้และร่อนลงหยุดในป่า หลังจากที่เขาสังเกตอยู่ในมุมที่ซ่อนอยู่ของป่าเป็นเวลาสองวันและแน่ใจได้ว่าไม่มีผู้ใดในสำนักแอบติดตามเขามาอย่างลับๆ แล้ว เขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายมุ่งไปทางใต้
ระหว่างทางเขาได้ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเมื่อพบกับภูเขา และใช้หลีกลี้วารีเร้นกายเมื่อพบกับน้ำ
นอกจากนี้เขายังพบกับผู้บำเพ็ญกำลังต่อสู้กัน จากนั้นก็ผ่านเข้าไปในภูเขาปีศาจที่กำลังมีการต่อสู้กันภายใน ต่อมาก็พบเจอบุรุษและสตรีที่มาแสวงหาความสุข จากนั้นก็ได้เห็นมนุษย์หลายพันคนเข้าประจัญบานในระยะประชิดตัวกันอย่างโกลาหล
เขาเดินดูไปโดยรอบ จังหวะฝีเท้าเขาต่อเนื่องไม่หยุด
หลี่ฉางโซ่วเป็นเหมือนภูตผีที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น เขาเดินทางไปนับพันลี้ แล้วก็ต่อไปอีกนับพันลี้…
ในเวลาครึ่งเดือนต่อมา เขาก็มาถึงทุ่งหญ้าในเขตตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนเทวะทักษิณซึ่งอยู่ไม่ไกลจากดินแดนเทวะบูรพา
และจากข้อมูลที่ได้รับมาจากสำนัก หลี่ฉางโซ่วก็ได้พบหลุมฝังศพของบิดามารดาของเขาบนเนินเขา
หลุมฝังศพนี้ประณีตงดงามมาก มองไปแวบเดียวเขาก็รู้ว่ามันได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก และที่มุมของหลุมศพยังมีสัญลักษณ์ของสำนักตู้เซียน บนป้ายจารึกก็ลงสลักถ้อยคำว่า ‘บุตรชายคนโตฉางโซ่ว’
มีวัชพืชขึ้นมามากมายอยู่หน้าหลุมศพ หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบมีดสั้นออกมาเพื่อกำจัดวัชพืชและกวาดล้างทำความสะอาดบริเวณโดยรอบหลุมศพอย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพและเซ่นไหว้ด้วยผลไม้ เนื้อ และปลาที่เขาเตรียมไว้ระหว่างทาง เขาเผากระดาษเงินกระดาษทองสองกอง และปักธูปหอมสามดอกก่อนจะโขกศีรษะสี่ครั้ง บัดนี้เขาได้ระงับความผูกพันในหัวใจเอาไว้แล้ว
หลังจากนั้นเขาก็พบมุมธรรมดาที่ไม่โดดเด่นนักใกล้ๆ กับหลุมศพของบิดามารดา จึงนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นั่น ซึ่งนี่ก็ถือได้ว่าเป็นการเยี่ยมและดูแลหลุมฝังศพของพวกท่านทั้งสองด้วย
เจ็ดวันต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็ได้เตรียมพร้อมที่จะเริ่มการเดินทางต่ออีกครั้ง จากนั้นเขาก็รีบไปยังสถานที่ที่เขาเลือกเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
สถานที่ที่เขาเลือกนั้นอยู่ที่ใดน่ะหรือ…
อันที่จริงมันอยู่ในทะเลบูรพา แต่อยู่ในทะเลบูรพาแห่งดินแดนเทวะทักษิณ
เนื่องจากมันอยู่ในอาณาเขตที่เป็นดินแดนของมนุษย์ จึงมีผู้บำเพ็ญเพียงไม่กี่คนปรากฏตัวขึ้นที่นั่น ดินแดนมนุษย์เต็มไปด้วยพลังขุ่นมัวและความวุ่นวาย อีกทั้งมีเพียงปีศาจตัวเล็กๆ ไม่มากนักที่เป็นอันตราย
โชควาสนาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนใหญ่มาบรรจบกันในดินแดนมนุษย์แห่งเทวะทักษิณ ซึ่งวังมังกรไม่มีกองทหารประจำการเอาไว้ที่นั่น เนื่องจากพวกเขากลัวว่าจะปะทะเข้ากับโชควาสนาของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ที่ขอบเขตแดนของดินแดนมนุษย์มีทะเลอันกว้างใหญ่ การค้นหาเกาะที่ซ่อนอยู่และไม่โดดเด่นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะก้าวข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์!
หลี่ฉางโซ่วหยิบถุงเก็บสมบัติที่ระบุหมายเลข ‘สิบสอง’ ออกมาจากสร้อยข้อมือที่แขนเสื้อของเขาก่อนจะหยิบ ดินสอเขียนคิ้ว แป้ง และเครื่องสำอางที่เขาพัฒนาขึ้นเองออกมา…
จากนั้นเขาก็เริ่มทำการปลอมแปลงตัวเองเป็นครั้งแรกอย่างระมัดระวัง
เขามีหลักการพื้นฐานหลายประการว่า มันยังไม่เพียงพอหากเขาแค่ใช้เคล็ดวิชาลวงตาหรือเวทลวงตาเท่านั้น ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงเพิ่มการอำพรางรูปร่างและรูปลักษณ์ด้วย
เขาต้องใช้วิธีการทางกายภาพ เช่นการแต่งหน้า เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาก่อน หลังจากนั้นจึงสวมหน้ากากไหมที่ให้ความชุ่มชื้นแบบบางเฉียบเป็นพิเศษ แล้วใช้เคล็ดวิชาลวงตาเพื่อแปลงร่างเป็นนักพรตเต๋าชราก่อนที่เขาจะใช้เวทลวงตาเสริมเข้าไปอีก
ด้วยวิธีนี้แม้จะมีปรมาจารย์มองเห็นเวทปลอมตัวของเขาสองชั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจมองเห็นไปถึงรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้
ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ที่เตร่อยู่ภายนอกนั้นมักจะใช้เคล็ดวิชาลวงตา จึงไม่แปลกที่เขาจะใช้มัน
หลังจากแก้ไขทำความสะอาดจนหมดจดเป็นเวลาครึ่งวัน หลี่ฉางโซ่วก็กลายเป็นนักพรตเต๋าชราหน้าตาเย็นชา จากนั้นเขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายไปที่ทะเลบูรพาอย่างเงียบๆ เพื่อค้นหาสถานที่สำหรับการปิดด่านบำเพ็ญเพียรและข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
ในเวลาเดียวกันนั้น…
ที่ชายแดนร่วมของทะเลทักษิณและทะเลบูรพา มีแสงเซียนสาดประกายสว่างออกมาให้เห็นซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเกาะอมตะรูปเต่ายักษ์
ในบ่อสมบัติตรงมุมเกาะอมตะ มังกรครามน้อยที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน มันมีความยาวหลายสิบจั้ง ค่อยๆ สังเกตสภาพแวดล้อมด้วยดวงตาที่เพิ่งโผล่ออกมาจากน้ำ
มังกรน้อยพ่นฟองอากาศออกจากปากของมัน ดวงตามังกรทั้งคู่หรี่ลงเล็กน้อย
ดีมาก…
เป็นวันที่เซียนต้าหลัวจินจะบรรยายเกี่ยวกับเต๋าอีกครั้ง และเหล่าเซียนที่ฝึกฝนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็จะไปฟังบรรยายเต๋ากัน
เกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้นึกถึงว่าตอนที่องค์ชายอายุได้หกชันษา องค์ชายก็ได้จดจำเส้นทางน้ำของทั้งสี่คาบมหาสมุทรไว้ได้ในใจแล้ว
จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังดินแดนเทวะทักษิณ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังดินแดนเทวะบูรพาตามแนวชายฝั่งของดินแดนเทวะทักษิณ เขาสามารถใช้พลังขุ่นมัวของดินแดนมนุษย์เพื่อปกปิดร่องรอยพลังปราณของเขา ต่อมาเขาก็ไปถึงทางแยกซึ่งเป็นจุดตัดของดินแดนเทวะทักษิณและดินแดนเทวะบูรพา ก่อนจะแอบมุ่งหน้าต่อไปยังดินแดนเทวะบูรพา
หากสำนักตู้เซียนไม่กล้ารับศิษย์ องค์ชายอย่างข้าก็สามารถไปที่สำนักเซียนอื่นๆ ภายใต้สามสำนักบำเพ็ญเต๋า ในดินแดนเทวะมัชฌิมาได้!
มังกรครามยกยิ้มอย่างเย็นชา ร่างกายของเขาค่อยๆ หดเล็กลง และในไม่ช้ามันก็เหลือขนาดยาวเพียงสามฉื่อ จากนั้นก็แหวกว่ายไปยังรอยแยกที่ก้นบ่อ
และเมื่อเขาได้ออกไปจากขอบเขตของเกาะอมตะนี้แล้ว ในตอนปลายสุดของเกาะอมตะบริเวณที่ดูเหมือนหัวของเต่ายักษ์สีทองมาก ดวงตาเต่าคู่ที่ใหญ่จนน่ากลัวเล็กน้อยก็เปิดออกเป็นช่องว่าง…
………………………………………………………………………………