ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 515 ฉางเกิงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเท
ตอนที่ 515 ฉางเกิงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเทพขั้นสามในงานเลี้ยงผลท้อเซียน และการรับมังกรทั้งสี่คาบสมุทร! (2)
ครู่ต่อมา นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนของสำนักบำเพ็ญประจิมก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเบาๆ และเรียกพลังเต๋าสวรรค์ในศาลสวรรค์ให้หลั่งไหลพลุ่งพล่านขึ้นเมื่อเขาเริ่มท่องคาถาโดยใช้ ‘ปฏิญญากตัญญุตา’
ปฏิญญาต้าเต๋าที่มีความยาวนับพันคำ!
นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนทำการสาบานโดยใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม
ในยามนั้น พลังแห่งเต๋าสวรรค์มาแล้วไปเพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนของพวกเขา
แม่แบบปฏิญญาต้าเต๋าถูกทำขึ้นซ้ำๆ หกครั้ง มันยังทำให้เหล่าเซียน เหล่ามังกร องค์เง็กเซียน พระแม่หวังหมู่ บรรดาคนทั้งหมดที่เข้าร่วมงานเลี้ยงผลท้อเซียน และองค์หญิงหลงจี๋ที่เพิ่งรีบเข้ามาภายหลัง ล้วนได้ยินมันถึงหกครั้ง
พวกเขาไม่มีอะไรจะกล่าวมากนัก บัดนี้ พวกเขาเพียงรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดกว้างขึ้นและเปิดประตูเข้าสู่โลกใบใหม่แล้ว
พลทหารที่ไม่ได้รับการศึกษาบางคนกล่าวว่า “ไม่เห็นว่าปฏิญญาต้าเต๋าเช่นนี้จะพิเศษอย่างไร?”
แน่นอนว่า เหล่าข้าราชบริพารที่ได้รับการศึกษาเหล่านั้นย่อมมีความรู้มากกว่า และได้กล่าวว่า “มารดาเจ้าสิ แล้วเจ้าทำเช่นนั้นได้หรือ?”
เมื่อนักพรตเต๋าชราทั้งหกอ่านคำสาบานเสร็จสิ้น หลี่ฉางโซ่วก็ดึงม้วนกระดาษกลับมาและพึมพำว่า “ความจริงแล้ว แค่หนึ่งในหกของพวกเจ้าก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ตัวตนของพวกเจ้าได้แล้ว ทว่าในท้ายที่สุด เพราะเหตุใดศิษย์ของจอมปราชญ์ผู้หนึ่ง จึงสมรู้ร่วมคิดกับพวกนักต้มตุ๋นปลอมตัว? แต่เมื่อเห็นว่า พวกเจ้าดูร้อนรนอย่างไร ข้าก็จะไม่พูดอะไรมากแล้ว”
ในยามนั้น ศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม ซึ่งเพิ่งกระอักเลือดออกมา บัดนี้ มีใบหน้าที่แดงก่ำ ทว่าเขาก็กลืนเลือดเต็มปากเข้าไป
ชั่วขณะนั้น เหล่าเสนาบดีคนสำคัญหลายสิบคนของศาลสวรรค์ แม่ทัพสวรรค์ที่อยู่รอบงานเลี้ยงผลท้อเซียน ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทร และคนเผ่ามังกรล้วนมีเส้นสายสีดำขึ้นเต็มหน้าผาก พวกเขาต่างก็พูดอะไรไม่ออก…
บรรดาเทพและเซียนส่วนใหญ่ ล้วนมองหลี่ฉางโซ่วอย่างยำเกรง พวกเขาล้วนประทับตราหลี่ฉางโซ่วเอาไว้ว่า นี่คือคนที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินให้ขุ่นเคืองใจได้ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ผู้ใดจะมองไม่ออกเล่า?
นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนจากสำนักบำเพ็ญประจิม ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพแห่งท้องทะเล
นับตั้งแต่ที่เทพแห่งท้องทะเลกลับมาและกลายเป็นศัตรูกันตลอดไปจนถึงเหตุการณ์ที่พลิกผันกะทันหัน เทพแห่งท้องทะเลก็สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เขาได้กำราบนักพรตเต๋าชราทั้งหกคนไปทีละขั้นตอนจนถึงจุดที่พวกเขาทั้งหกไม่อาจพลิกกลับสถานการณ์ได้อีก และด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขาก็ทำให้นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนต้องเสียหน้าแล้ว
กระทั่งเมื่อเหล่าจื้อมาถึงแล้ว ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินการของ เทพแห่งท้องทะเลเลยแม้แต่น้อย!
แน่นอนว่า คนจากสำนักบำเพ็ญประจิมย่อมไม่ไร้สามารถ พวกเขาต้องมีทักษะบางอย่าง จึงสามารถเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์และบีบบังคับให้เผ่ามังกรต้องลำบาก วุ่นวายและอยู่ในสภาพที่น่าเสียใจเช่นนี้ได้
แต่พวกเขาก็ไม่มีที่ที่จะแสดงความคิดเห็นออกมาดังๆ…
แค่กๆ พวกเขาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแผนการ แต่พวกเขาหาโอกาสลงมือไม่ได้
ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนที่หนึ่ง ทว่าเทพแห่งท้องทะเลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามพวกเขา ก็ก้าวมาถึงขั้นตอนที่ห้าแล้ว เขายังขุดหลุมสี่หลุม[1]ต่อหน้าพวกเขาด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาจะต่อกรได้อย่างไร?
ความจริงแล้ว ดูเหมือนว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่ได้อะไรจากการต่อสู้เลย เขาเพียงทำให้นักพรตเต๋าชราทั้งหกต้องเสียหน้า และไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปในเวลานี้
แต่เมื่อมองจากมุมมองอื่น หากเหล่าจื้อไม่มาในวันนี้ หลี่ฉางโซ่ว และองค์เง็กเซียนย่อมจะต้องจัดการสำนักบำเพ็ญประจิม
เมื่อได้รับบทเรียนจากหลี่ฉางโซ่ว นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนจากสำนักบำเพ็ญประจิม ก็สูญเสียพลังและจิตวิญญาณ
หลังจากนั้นแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร ผลกระทบจะลดลงอย่างมาก และไม่อาจจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินของเผ่ามังกรได้!
ทุกขั้นตอนในแผนการของเทพแห่งท้องทะเลในวันนี้คือ การปูทางไปสู่แผนการในภายหน้าของเขา!
แม้แต่องค์หญิงหลงจี๋ซึ่งเปลี่ยนมาทรงชุดกระโปรงเซียนสีชมพู คาดสายรัดเซียนที่ข้อมือสองเส้น และถูกจัดให้นั่งอยู่ด้านหน้าแม่ทัพตงมู่ ในขณะนี้ นางมองดูเทพแห่งท้องทะเลที่นางติดตามมาตลอดสิบสองปีและเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่นางก็ยังอดจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ได้
ข้ากลัว
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและรายงานต่อองค์เง็กเซียน เขาบอกว่าเขาค้นพบตัวตนของพวกเขาแล้ว ว่า พวกเขาคือ ปรมาจารย์หกคนแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมจริงๆ
องค์เง็กเซียนกล่าวชื่นชมเขาสองสามคำ และชูจอกสุราของเขาขึ้นเพื่อดื่มอวยพรให้แก่นักพรตเต๋าชราทั้งหก จากนั้นเขาก็ยุติเรื่องไว้ตรงนี้และไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
ในที่สุด หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วมาถึงงานเลี้ยงผลท้อเซียน เขาก็กลับไปนั่งยังที่นั่งของเขา ซึ่ง ขนาบข้างด้วยแม่ทัพตงมู่และจ้าวกงหมิงอยู่ทั้งสองด้านของเขา ขณะนี้ ลึกๆ ในใจแล้ว เขาก็ยังไม่กล้าผ่อนคลายแต่อย่างใดเลย
สิ่งที่แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมต้องการทำจริงๆ นั้นยังมาไม่ถึง
บัดนี้ การปฏิบัติการกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วนั่งลง จ้าวกงหมิงก็เอื้อมมือออกมาจากใต้โต๊ะเตี้ย แล้วจับแขนของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้
เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าจื้อ ก็ย่อมยากที่จะรับรองได้ว่า เหล่าจื้อจะไม่ได้ยินการส่งข้อความเสียงธรรมดา ดังนั้น การสัมผัสโดยตรงพร้อมด้วยการส่งข้อความเสียงนั้นจะปลอดภัยที่สุด
“ฉางโซ่ว เจ้าจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการเมื่อใด?”
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะพลางยิ้มแล้วส่งข้อความเสียงไปว่า “ข้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน”
จ้าวกงหมิงครุ่นคิดลึกซึ้ง และในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้ส่งข้อความเสียงไปยังแม่ทัพตงมู่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งแล้ว
“แม่ทัพตงมู่ ได้เวลายืนขึ้นเพื่อนำเหล่าเทพเซียน ถวายพระเกียรติให้ฝ่าบาท องค์ราชินี และเหล่าจื้อแล้ว”
แม่ทัพตงมู่ก็ได้สติขึ้นมาเหมือนตื่นจากความฝันกะทันหัน จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อสร้างบรรยากาศครึกครื้นทันที
จากนั้นไม่นาน ก็เริ่มมีเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นอีกครั้ง เทพธิดาฉางเอ๋อสามสิบหกคน ต่างออกมาร่ายรำพร้อมเพรียงกัน ยกเว้น “เหิงเอ๋อ” ที่มีชื่อเสียง ซึ่งยังไม่ปรากฏตัวออกมาแล้ว นี่ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดในการร้องเพลงเต้นรำในศาลสวรรค์
ฉางเอ๋อคือ เซียนสตรีที่ฝึกบำเพ็ญอยู่บนดวงจันทร์และเชี่ยวชาญในการเต้นรำและดนตรี
ส่วนเหิงเอ๋อคือ ผู้ที่ขึ้นไปในยามกลางวันในตำนานโบราณ ตำนานนั้นออกจะมีอคติ ลำเอียงอยู่เล็กน้อย แต่เรื่องราวจริงๆ นั้นซับซ้อนกว่า
นางได้รับตำแหน่งไท่หยินซิงจวิน[2]หรือ และเป็นผู้จัดการดูแลเซียนสตรีฉางเอ๋อทั้งหมด นางอาศัยอยู่ในวังก่วงหานและไม่ค่อยปรากฏกายออกมาเท่าใดนัก
แม้เหล่าจื้อจะไม่โปรดชมการแสดงเช่นนี้ แต่เขาก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎแห่งศาลสวรรค์
ไม่นานหลังจากนั้น บรรดาเทพเซียนก็เริ่มดื่มอวยพรกันอีกครั้ง ขณะนี้ ยังคงมีเวลาอีกสองชั่วยามก่อนที่ผลท้อเซียนจะสุก และบรรยากาศก็ค่อยๆ เริ่มคึกคักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในเวลาครึ่งชั่วยามก่อนที่งานเลี้ยงผลท้อเซียนจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ราชามังกรทะเลบูรพาก็มองไปที่หลี่ฉางโซ่ว หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะวางไหสุราลงแล้วลุกขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิ
ทันใดนั้น ทุกคนก็หันมามองเขาทันที
บัดนั้น เทพธิดาฉางเอ๋อผู้ทรงรูปโฉมงดงามด้วยรูปร่างงามสง่าและใบหน้าสวยงาม ก็หยุดการเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
ทว่าเสียงดนตรีหาได้หยุดลงไม่ ทั้งยังไพเราะมากขึ้นอีกเรื่อยๆ
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถวายความเคารพต่อองค์เง็กเซียนและกล่าวว่า “ขุนนางผู้นี้ มีบันทึกเสนอแนะ อยากขอถวายมันให้ฝ่าบาท!”
องค์เง็กเซียนยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้ เป็นวันงานเลี้ยงผลท้อเซียน ไว้รอพรุ่งนี้ ค่อย เสนอให้ข้าอีกครั้งเถิด ขุนนางของข้า ”
“ฝ่าบาท” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “วันนี้ เป็นวันงานเลี้ยงผลท้อเซียน เทพน้อยจึงอยากนำเสนอบันทึกนี้เพื่อแสดงความยินดีกับศาลสวรรค์และฝ่าบาท!”
องค์เง็กเซียนตรัสถามอีกครั้งว่า “แล้วเรื่องน่ายินดีอยู่ที่ใดหรือ?”
………………………………………………………………..
[1] วางกับดัก หลุมพราง
[2]พระแม่จันทราหรือไท้อิมแชกุน เป็นเทพีผู้คอยดูแลรักษาดวงจันทร์ และเป็นหนึ่งในเทพสำคัญแห่งเต๋า ซึ่งได้รับการบูชาในเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกัน บางตำนานก็ว่า ความจริงแล้ว นางก็คือ ฉางเอ๋อ แต่เป็นเพียงเพราะพระนามไปพ้องเสียงกับพระนามจริงของฮ่องเต้ฮั่นเหวินตี้ หลิวเหิง ทำให้คนเรียกขานพระนามนางว่า ฉางเอ๋อ แทนคำว่า เหิงเอ๋อ เพื่อเลี่ยงการพ้องเสียงกับพระนามฮ่องเต้นับตั้งแต่นั้นมา