ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 522 ข้าอยากได้ที่ดินในศาลสวรรค์แล้
ตอนที่ 522 ข้าอยากได้ที่ดินในศาลสวรรค์แล้วไปเป็นเพื่อนบ้านของเหล่าจื้อ (2)
หลังจากได้ยินเทพเฒ่าจันทราพูดเพียงสิบกว่าประโยค จ้าวกงหมิงก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างได้
“ตามคำกล่าวของเทพเฒ่าจันทรา ข้าควรเผชิญหน้ากับศิษย์น้องหญิงจินกวงและพูดคุยกับนางอย่างเปิดเผยโดยตรงหรือไม่”
“ถูกต้อง นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาพื้นฐานที่สุด” เทพเฒ่าจันทรากล่าวเบาๆ ว่า “การหลบเลี่ยงไปเรื่อยๆ นั้น ไม่อาจช่วยแก้ปัญหาได้ ทว่าการสะบั้นด้วยดาบเดียวก็อาจทำให้ท่านพลาดการแต่งงานได้”
“เฮ้” จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “วิถีของข้าไม่อ้างว้าง ข้ามีฉางเกิง! แล้วไฉนข้าถึงยังต้องหาเรื่องแต่งงานอีกเล่า”
หลี่ฉางโซ่วอดจะรู้สึกพูดไม่ออกไม่ได้ เส้นสายสีดำสองสามเส้นปูดโปนขึ้นมายู่บนหน้าผากของเขา…
ทันใดนั้นเทพเฒ่าจันทราก็รีบกล่าวว่า “สหายเต๋า อย่าได้คิดเช่นนั้น การมีสหายสนิทนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การมีคูบำเพ็ญเต๋าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดังคำกล่าวที่ว่า หยินผู้เดียวดายไม่มีวันเติบโต และหยางผู้โดดเดี่ยวก็ไม่มีวันเติบโตเช่นกัน[1] การรวมกันของหยินและหยางก็เป็นเต๋าที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน สหายเต๋า ท่านเป็น รูปแบบสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนกัน
ท่านจะไม่ต้องการสืบพันธุ์ได้ ดังนั้นท่านก็จะไม่มีความปรารถนาในตัวของท่านเอง ท่านแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียนที่เกิดมาพร้อมกับความต้องการการมีคู่ครองตามธรรมชาติ”
“ทว่า สิ่งมีชีวิตก็ไม่ได้แตกต่างกันเป็นพิเศษ พวกเขาทั้งหมดล้วนมีหัวใจเต๋าที่ว่างเปล่า สหายเต๋า ท่านถูกจัดให้เป็นบุรุษมาตั้งแต่ท่านถือกำเนิด และนี่ก็คือท่านยังถูกลิขิตให้พบกับสาวงามเช่นกัน”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มทันที
ส่วนนี้เป็นการแสดงเพิ่มเติมขึ้นมาเองของเทพเฒ่าจันทราเท่านั้น และมันก็มีมาตรฐานสูงเช่นกัน
จ้าวกงหมิงลูบเคราพลางครุ่นคิดแล้วเอ่ยถามว่า “เช่นนั้น ข้าก็ควรจะลองคบหากับศิษย์น้องหญิงจินกวงหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านควรพิจารณาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ผู้อื่นไม่อาจแทรกแซงได้”
“ว่าแต่ว่า เราควรทำอย่างไรกันดี?”
จ้าวกงหมิงอดจะยืนขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวไม่ได้ เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้ ทุกครั้งที่ข้าอยากคุยกับศิษย์น้องหญิงจินกวง นางจะมองข้าด้วยสายตาแสดงความรู้สึกรุนแรงมาก เฮ้อ ข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นเลยจริงๆ ทว่าข้าก็ทนทำร้ายจิตใจนางไม่ได้ ข้าไม่อาจเอ่ยวาจาโหดร้ายได้”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วและเทพเฒ่าจันทราต่างก็มองหน้ากันและถามว่า “เทพเฒ่าจันทรามีรูปปั้นดินเหนียวของเทพธิดาจินกวงอยู่ที่นี่หรือไม่?”
“นี่…” เทพเฒ่าจันทราลูบเคราพลางครุ่นคิดและกล่าวว่า “สิ่งมีชีวิตเซียนเทียนนั้น ไม่อาจเข้าไปในตำหนักครองคู่ได้ ไม่รู้ว่า เทพธิดาจินกวงเป็นอย่างไร แต่สหายเต๋ากงหมิงไม่มีรูปปั้นดินเหนียวที่นี่ ดังนั้นเทพน้อยจึงควบคุมการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้”
จ้าวกงหมิงกังวลขึ้นมาทันทีแล้วถามว่า “เช่นนั้นแล้ว ข้าจะทำเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นได้อย่างไร?”
“ไยท่านไม่เขียนจดหมายเล่า?” หลี่ฉางโซ่วแนะนำพร้อมเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านเขียนสิ่งที่ท่านอยากจะพูดลงในจดหมายและให้คนส่งต่อมันไป ด้วยวิธีนี้ นางย่อมพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบได้ โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากันโดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถทำให้นางสงบลงและคิดให้ดีๆ ถี่ถ้วนขึ้นได้”
“จดหมาย?”
จ้าวกงหมิงกะพริบตาและตบต้นขาของเขาทันที
“น้องชาย เจ้ามีความคิดมากมาย! เช่นนั้น เราไปกันเถิด ไปที่วิหารเทพทะเลของเจ้า แล้วค่อยคิดกันว่าจะเขียนจดหมายนี้อย่างไร!”
จากนั้น จ้าวกงหมิงก็ดึงหลี่ฉางโซ่ว และรีบบอกลาเทพเฒ่าจันทรา แล้วมุ่งหน้าไปยังประตูตำหนักครองคู่
ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป จู่ๆ จ้าวกงหมิงก็ถามว่า “น้องชาย เช่นนั้น การแต่งงานของเจ้าก็ควรอยู่ที่นี่ ด้วย ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วไยเจ้าไม่พาพี่ชายของเจ้าไปดูสักหน่อยเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วรีบส่งเสียงว่า “ พี่ชาย ท่านลืมอีกแล้วว่า ท่านจะสับสนชื่อของข้าไม่ได้”
“นั่นก็จริง” จ้าวกงหมิงไม่ดึงดัน แล้วบินไปที่ประตูสวรรค์ทักษิณพร้อมกับหลี่ฉางโซ่ว
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เหงื่อเย็นออก …
เมื่อเขารีบไปที่ประตูสวรรค์ทักษิณ หลี่ฉางโซ่วจงใจชะลอความเร็วของเมฆลงและเอ่ยถามพร้อมเผยรอยยิ้มถึงจุดประสงค์ของการเชิญจ้าวกงหมิงมาเยี่ยมชมศาลสวรรค์ในครั้งนี้
“พี่ชาย ท่านคิดว่าศาลสวรรค์เป็นอย่างไร?”
จ้าวกงหมิงพยักหน้าพลางชื่นชมว่า “มีพลังวิญญาณมากมายและร่องรอยของเต๋าใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่า มันเป็นพื้นที่ฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์”
ทว่าจ้าวกงหมิงก็เปลี่ยนน้ำเสียงพลางส่ายศีรษะและกล่าวว่า “โชคไม่ดีที่พลังแห่งเต๋าสวรรค์นั้นหนาแน่นเกินไป มันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ ข้ารู้สึกว่าทุกคำพูดและการกระทำล้วนถูกเต๋าสวรรค์ตรวจสอบ มันไม่ราบรื่น”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เต๋าสวรรค์นั้น ไม่ลำเอียง การกำกับดูแลนั้นมีอันใดไม่ถูกต้องหรือ?”
“อาจเป็นเพราะว่าข้าชินกับการอยู่สบายๆ ไร้กังวล” จ้าวกงหมิงมองไปที่ศาลสวรรค์ ซึ่งยังคงแห้งแล้งอยู่เล็กน้อย มีเมฆ มีภูเขาที่สวยงามและทิวทัศน์ที่สวยงามไปทั่วทุกที่
จ้าวกงหมิงยิ้มพลางเอามือไพล่หลังและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ชื่นชมบุญของศาลสวรรค์ ข้าย่อมไม่อยากถูกศาลสวรรค์ควบคุมอย่างแน่นอน และไม่ต้องการมีวิถีแห่งราชาหรือเสนาบดี
เหตุใดข้าถึงฝึกบำเพ็ญ?
ประการแรก ข้าต้องการคงชีพอยู่ตลอดไป จากนั้นข้าก็อยากใช้ชีวิตอย่างสบายใจไร้กังวล ข้าอยากเป็นอิสระและไม่ถูกจำกัด ข้าอยากให้ความคิดของข้าเป็นอิสระและไม่ถูกควบคุม ไม่เช่นนั้น ข้าจะแสวงหาความหลุดพ้นและค้นพบตัวตนที่แท้จริงได้อย่างไร”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวชื่นชมว่า “พี่ชาย คำพูดของท่านช่างคิดรอบคอบนัก”
ในขณะนั้น ประตูสวรรค์ทักษิณก็ปรากฏให้เห็นในสายตาแล้ว จ้าวกงหมิงหัวเราะเบาๆ และกลิ่นอายของปรมาจารย์ก็หายไป
“ไปเขียนจดหมายที่วิหารเทพทะเลของเจ้ากันก่อน!”
“พี่ชายเพียงแค่ไป ร่างจำแลงนี้ยังคงต้องไปยุ่งกับศาลสวรรค์ ส่วนร่างจำแลงอีกร่างหนึ่งของข้ากำลังรอท่านอยู่ที่นั่น”
“ร่างจำแลงของเจ้าอยู่ที่นี่และที่นั่น” จ้าวกงหมิงดุเขาด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “สักวันหนึ่ง ข้าต้องจับร่างหลักของเจ้ามา แล้วให้ดื่มกันสามวันสามคืนให้ได้!
โอ้ ใช่ หากน้องรองของข้าไม่ปรากฏตัว คงเป็นเรื่องยากมากที่ร่างหลักของเจ้าจะปรากฏขึ้น
เฮ้อ พี่ชายหรือสหายอันใดกัน? ข้ายังไม่ดีเท่าคนสนิทที่รัก!”
หลี่ฉางโซ่วหน้าแดงและยิ้มแหยๆ ให้จ้าวกงหมิง
จ้าวกงหมิงและขี่เมฆบินออกจากประตูสวรรค์ทักษิณ แม่ทัพสวรรค์ที่เฝ้าประตูได้รับข้อความแล้ว พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
หลี่ฉางโซ่วอดจะเฝ้าดูจ้าวกงหมิงออกจากประตูสวรรค์ด้วยดวงตาที่ฉายแววอับจนหนทางไม่ได้
เทพธิดาจินกวง สิบจักรพรรดิสวรรค์…
นั่นยังเป็นตัวเร่งให้เข้าสู่มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่าเขาควรเข้าไปแทรกแซงหรือปล่อยมันไป
เพื่อความปลอดภัย หากเขาต้องการวางแผนต่อต้านมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ เขาต้องวางแผนจากมุมมองของการไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ เพียงเท่านั้นที่เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้
แผนการระดับสูงสุดคือการไม่ทำอะไรเลย แต่ปล่อยให้ทุกสิ่งที่เขาต้องการเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
หลี่ฉางโซ่วสงสัยว่านั่นเป็นความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังคำว่า ‘ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ’…
“เทพแห่งท้องทะเล? โอ้ ไม่สิ เทพวารี เทพวารี! ข้าพบเขาที่นี่จริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาแต่ไกล หลี่ฉางโซ่วหันกลับไปและเห็นฮวารี่เทียนขี่เมฆมา
“แม่ทัพฮวา” หลี่ฉางโซ่วประสานมือและโค้งคารวะให้ฮวารี่เทียน
พวกเขาต่างเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี จากนั้นพวกเขาก็ขี่เมฆ บินตรงไปยังที่พำนักของเทพแห่งท้องทะเล ซึ่งในเวลานี้ ได้เริ่มเปลี่ยนแผ่นป้ายแล้ว
ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบ ฮวารี่เทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเบิกบานใจยิ่ง และเขาก็มีอารมณ์ลิงโลดแบบสุดๆ หยุดไม่อยู่
หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆช้าๆ และรอให้องค์เง็กเซียนหัวเราะเสร็จ…
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ร่างหลักของเขาก็ไม่อาจปล่อยตัวอย่างไม่เหนี่ยวรั้งใดๆ เช่นนี้ได้ ขึงทำได้เพียงสร้างร่างจำแลงขึ้นมาเพื่อระบายอารมณ์ของเขาเท่านั้น
ฮวารี่เทียนส่งข้อความเสียงมาว่า “ฉางเกิง ตอนนี้จัดการเรื่องเผ่ามังกรได้แล้ว ข้าก็โล่งใจยิ่งนัก เจ้าอยากได้รางวัลอะไรหรือไม่? หากเจ้ามีคำขอใดก็ขอมาได้เลย อย่าได้ลังเล!”
หลี่ฉางโซ่วคิดอะไรบางอย่างและกล่าวว่า “ฝ่าบาท วันนี้ เทพน้อยมีคำขอจริงๆ เทพน้อยอยากขอที่ดินแปลงเล็กๆ ในศาลสวรรค์”
ฮวารี่เทียนยิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงของเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมาะพอจะเป็นรางวัลตอบแทนให้เจ้าหรอก แต่หากเจ้าต้องการให้ที่พำนักของเจ้ามีพื้นที่ขยายออกไปเป็นสิบหรือร้อยเท่าก็ดี”
หลี่ฉางโซ่วอธิบายว่า “ฝ่าบาท เทพน้อยเพียงอยากได้ที่ดินผืนเล็กๆ ข้างวังดุสิต เทพน้อยอยากย้ายที่พำนักมาอยู่ใกล้ๆ กับเหล่าจื้อ”
“วังดุสิต?”
ฮวารี่เทียนมีท่าทางดูจริงจังขึ้นมาทันที เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าตัดสินใจด้วยตัวเองได้เลย หากเหล่าจื้อไม่ขับไล่เจ้าออกไป ศาลสวรรค์ก็อนุญาตให้เจ้าอยู่ที่นั่นได้”
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงขอบคุณเขาทันที เขาต้องการให้องค์เง็กเซียนอนุญาตเขา
จากนี้ไป ยอดเขาหยกน้อยจะไม่ปรากฏในศาลสวรรค์อย่างเป็นธรรมชาติ เขายังต้องอำพรางตัวเล็กน้อยสักสองสาม หลี่ฉางโซ่วมีวิธีแก้ไขแตกต่างกันมากมายเพื่อให้บรรลุขั้นตอนที่ห้าของ “แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อย”
แผนที่ดีที่สุดนั้น ยังขาดพลังเวทและการสร้างค่ายกลเวท เขาต้องขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในภายหลัง
“ว่าแต่ว่า ฉางเกิง” ฮวารี่เทียนยิ้มและถามว่า “เจ้ามีเบาะแสของลู่หยาบ้างหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาท เทพน้อยรู้เพียงว่า ลู่หยาผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ในวังอีกาทองคำบนดวงอาทิตย์”
“โอ้?”
ฮวารี่เทียนมองไปยังดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า และลำแสงสีทองสองดวงก็ส่องผ่านดวงตาของเขา จากนั้น เขาก็กล่าวว่า “ฉางเกิง แล้วไฉนเจ้าถึงไม่ยกทัพไปปิดล้อมวังอีกาทองคำเล่า? ข้าจะโจมตีและฆ่าปีศาจที่เหลืออยู่ในศาลปีศาจอย่างลับๆ”
หลี่ฉางโซ่วรีบวกล่าวว่า “เทพน้อยเกรงว่า เทพน้อยจะไม่อาจนำทัพไปที่นั่นได้”
ฮวารี่เทียนยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าเกือบลืมไปว่า ร่างจำแลงของเจ้ามาจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งอยู่ใกล้ไฟไม่ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่าบาท อีกาทองคำน้อยตัวนี้ยังได้รับการคุ้มครองจากราชินีจอมปราชญ์ ราชินีจอมปราชญ์ได้ปกปิดความลับแห่งสวรรค์เอาไว้ให้เขาเช่นกัน ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำการหยั่งรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว”
ฮวารี่เทียนหรี่ตาและเผยสีหน้าเคร่งขรึม
“หากเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่า ย่อมลำบากอยู่สักหน่อย”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกกระวนกระวายไม่สบายใจเล็กน้อย จากนั้น เขาก็ปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ผ่านตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในป่าบริเวณชายแดนระหว่างดินแดนเทวะบูรพาและดินแดนเทวะทักษิณ เพื่อมองดูคู่รักปีศาจคู่หนึ่งที่กำลังถวายเครื่องสักการะให้กับแผ่นป้ายจารึกเพื่อรำลึกถึงนักพรตเต๋าลู่หยา…
ไม่รู้ว่า ในสถานการณ์ยามนี้ สหายเต๋าลู่หยากำลังทำอะไรอยู่
……………………………………………………………..
[1] ปัจจัยหรือเงื่อนไขเดียวที่เป็น ไม่อาจสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นได้ คล้ายกับคนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย