ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 527 เป็นเจ้า หลี่! (3)
ตอนที่ 527 เป็นเจ้า หลี่! (3)
เมื่อตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพวารี’ ของเขากลับมายังที่พำนักของเทพวารี อาจารย์ลุงจ้าวและหวงหลงเจินเหรินก็พูดคุยกันเสร็จแล้ว พวกเขาลุกยืนขึ้นและกล่าวอำลาในขณะที่เสือดาวดำก็บังเอิญเพิ่งตื่นขึ้นมาในเวลานี้ด้วยเช่นกัน…
ทว่าทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กลายเป็นคนเฉยชาเกียจคร้าน และเพียงฟังเรื่องราวเล็กน้อยระหว่างเสือดำและปีศาจวารีที่อยู่บนเตียง
“สามี เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า?”
“ฮูหยิน ดูเหมือนว่า เมื่อครู่ก่อนนี้ ข้าเพิ่งจะเห็นลูกซิ่วฉิว[1]อยู่ตรงหน้าข้า แล้วข้าก็หมดสติไปเมื่อลูกซิ่วฉิวเคลื่อนไหว ข้าได้ยินแต่คำว่า ‘อย่าสวดอธิษฐานอีก’ ดังก้องอยู่ในใจของข้า”
“อย่าทำให้ข้ากลัว ถ้อยคำบนป้ายจารึกไม้หายไปแล้ว”
“โอ้? หรือว่า… พลังเวทของข้าไม่ได้ถูกกระตุ้นเปิดใช้งานด้วยเพียงปากของข้าเท่านั้น?”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้ว
ลูกซิ่วฉิว?
เขาฟังอีกสักพัก การสนทนาระหว่างเสือดำและปีศาจวารีเริ่มค่อยๆ ด้อยประโยชน์ลงและกลายเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วจึงดึงจิตกลับมาและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ
หรือว่า นักพรตเต๋าลู่หยาจะถูกเสือดำทำร้ายหนักมากเกินไปจนเกือบสิ้นใจ แล้วได้รับการช่วยเหลือจากเอาไว้ได้เจ้าของลูกซิ่วฉิว?…
จากนั้นเจ้าของลูกซิ่วฉิวก็ออกตัวเตือนเสือดำ ทั้งยังทำกระทั่งลบ “ความเป็นพิษภัย” ของเสือดำส่วนใหญ่ออกไปด้วยซ้ำ?
หากเสือดำเป็นเครื่องมือของเต๋าสวรรค์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพในภายหน้า…
เช่นนั้น หากเจ้าของลูกซิ่วฉิวทำการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ แล้วเจ้าของลูกซิ่วฉิวจะไม่ติดหนี้กรรมเต๋าสวรรค์และมีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพในภายภาคหน้าไปด้วยหรือ?
หลี่ฉางโซ่วสัมผัสได้ถึงอักขระเต๋าของแผนภาพไท่จี๋บนร่างของเขาและถอนหายใจโล่งอก
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าการวางแผนเล็กน้อยที่ฉลาดแยบยลของเขาในตอนเริ่มต้น จะดึงดูดราชินีจอมปราชญ์ ได้ในท้ายที่สุด
ไฉนจู่ๆ ข้าถึงหลงเข้าใจผิดไปว่าข้าถูกปรมาจารย์เต๋าสวรรค์จัดเตรียมเรื่องนี้เอาไว้อีกครั้ง…
หลี่ฉางโซ่วนั่งนิ่งจมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดอย่างลึกซึ้ง
เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับจอมปราชญ์ เขาจึงต้องมั่นคงกว่านี้ ทว่าความคิดของเขาก็ใช้เวลาถึงสองวันสามคืน
เขาไปที่กระท่อมมุงจากของเขาแล้วคลี่ม้วนภาพวาดในห้อง จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างอย่างระมัดระวัง
มหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ แผนการของจอมปราชญ์ทั้งหก…
เขาไม่อาจคิดทำทีเล่นทีจริง หรือเสี่ยงเดิมพันใดๆ ได้ เขาทำได้เพียงผูกมัดตัวเองกับศาลสวรรค์และเข้าแทรกแซงไปในมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพเล็กน้อย และทำได้เพียงเปลี่ยนโศกนาฏกรรมบางอย่างของสำนักบำเพ็ญเต๋าให้อยู่ในขอบเขตที่จำกัดเท่านั้น
เหรียญทองแดงลั่วเป่าอยู่ในมือของเขาแล้ว และภายหลังจากนี้ นักพรตเต๋าลู่หยาก็จะต้องเผชิญกับคลื่นแห่งแผนการขององค์เง็กเซียนเป็นระลอก
หากเขาสามารถสกัดกั้นและสังหารลู่หยาได้ก่อนล่วงหน้า จากนั้นเขาก็จะจับตาดูหรานเติ้ง ซึ่งเป็น “ผู้นำเหล่าเด็กสองห้า[2]” อย่างใกล้ชิด มันมีมากมายหลายวิธีที่จะจัดการกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพได้
หากหรานเติ้งปราศจากไข่มุกเทพทะเล แล้วเขาจะเปิดทั้งยี่สิบสี่เทพสวรรค์ธรรมบาล[3]ได้อย่างไร?
หลี่ฉางโซ่วนั่งอยู่ในกระท่อมมุงจากและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ
หลังจากไปถึงขอบเขตเซียนจิน เขาก็ไม่อ่อนไหวต่อกาลเวลาอีกต่อไป และเพียงคิดอย่างเป็นระบบเท่านั้น แล้วก็เวลาห้าถึงหกปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงห้าถึงหกปีที่ผ่านมา แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วก็ต้องแบ่งจิตเพ่งความสนใจออกไปภายนอกด้วยเช่นกัน
เขาต้องเข้าไปร่วมช่วยงานศาลสวรรค์ในหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งเผ่ามังกร และตำแหน่งเทพ แล้ววันหยุดที่องค์เง็กเซียนให้สัญญากับเขาไว้นั้นก็อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อยก็เต็มไปด้วยความผันผวนเช่นกัน
หลิงเอ๋อร์แยกแยะ “รายละเอียด” ของยอดเขาหยกน้อย และในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้เลือกภูเขาท่ามกลางเทือกเขาในสถานที่แห่งหนึ่งในดินแดนเทวะทักษิณเป็น “ยอดเขาทดแทน” และเริ่มปรับเปลี่ยนในทุกๆ ด้าน
หลี่ฉางโซ่วได้จัดลำดับความสำคัญเรื่องต่างๆ กัน เขาจะรอจนกว่าแผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อยจะเตรียมพร้อมเสร็จสิ้น จากนั้นจึงค่อยเริ่มศึกษาเรื่องแดนยมโลกอย่างละเอียด
ยิ่งเขาย้ายไปอยู่ข้างๆ เหล่าจื้อเร็วขึ้นเท่าใด เขาก็จะยิ่งสามารถปักหลักวางแผนจัดการเรื่องอื่นได้อย่างมั่นคงเร็วมากขึ้นเท่านั้น
“ศิษย์พี่-”
ในขณะนั้น ท่ามกลางแสงแดดสดใส หลิงเอ๋อร์ก็ลอยเข้ามาจากด้านนอกกระท่อมมุงจากพร้อมด้วยชาอย่างสดชื่น
หลี่ฉางโซ่วจึงหยุดวาดพู่กันในมือก่อนจะบิดขี้เกียจเหยียดยืดเอว แล้วปิดม้วนภาพวาดตรงหน้าลงเพื่อไม่ให้หลิงเอ๋อร์ได้มองเห็นและต้องเข้าไปมีส่วนพัวพันกับกรรมที่นี่
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้เข้าปิดด่าน หลิงเอ๋อร์จึงสามารถมาที่กระท่อมมุงจากได้ตามต้องการ
ก่อนหน้านี้ อาจารย์อาจิ่วจิ่วก็เข้ามาดูด้วยเช่นกัน เมื่อนางเห็นว่า หลี่ฉางโซ่วดูเหมือนว่าจะ “เขียนตำราที่เขาวิเคราะห์และตกผลึกจากความคิดของตัวเอง” นางจึงไม่กล้ารบกวนเขา
ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์คุกเข่าลงข้างโต๊ะเตี้ยและยื่นชาให้พร้อมกับกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ โปรดอย่ากังวลมากไปเลยเจ้าค่ะ”
“อืม ข้าไม่เป็นไรหรอก” หลี่ฉางโซ่วจิบชาหนึ่งจิบและกล่าวว่า “มนุษย์ย่อมทำผิดพลาดได้ในบางครั้ง ข้าเองก็ย่อมพิจารณาผิดพลาดไปบ้างเป็นบางคราวเช่นกัน ข้าทำได้เพียงพยายามพิจารณาทุกอย่างและตรวจสอบซ้ำๆ ว่ามีช่องโหว่หรือไม่ให้ละเอียดถี่ถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้”
หลิงเอ๋อร์เม้มปาก แต่นางไม่รู้ว่าจะช่วยแบ่งปันความกังวลของศิษย์พี่ได้อย่างไร
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “มีเหล่ารุ่นเยาว์มากมายที่อยากเข้ามาเป็นศิษย์ อยู่นอกประตูสำนัก… ”
“ใช่เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์ตอบและเริ่มพูดคุยถึงเรื่องน่าสนใจที่ช่วงเวลานี้นางเคยได้ยินในสำนัก
นางเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องที่มีผู้อาวุโสได้ค้นพบเมล็ดพันธุ์ดีๆ และรับศิษย์ของเขาก่อนล่วงหน้า รวมถึงศิษย์ที่เป็นญาติห่างๆ กับบรรดาศิษย์ผู้เป็นเซียนในสำนักมาเป็นเวลาหลายพันปี
หลี่ฉางโซ่วฟังพลางแย้มยิ้ม เขายังปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปเฝ้ามองดูเหล่ารุ่นเยาว์ที่รวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกประตูสำนักอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อดูว่ามีเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยมขนาดสะท้านฟ้าสะเทือนดินหรือไม่
จู่ๆ เขาก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นในใจเมื่อฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ฉับพลัน
หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปยังหนุ่มน้อยที่มีคิ้วหนาตาโตซึ่งสวมเสื้อคลุมผ้าเนื้อหยาบอยู่ครู่หนึ่ง
หนุ่มน้อยคนนี้มีใบหน้าบวมเป่งและจมูกฟกช้ำ ทั้งยังมีรอยแผลเล็กน้อยบนร่างของเขา ราวกับว่าเขาม้วนกลิ้งเกลือกมาจากขั้นบันไดหน้าประตูประตูสำนัก
ในขณะนั้น เขาถือเศษอาหารแห้งและเคี้ยวมัน ดวงตาของเขาฉายแววแน่วแน่และมั่นคง ดูเป็นเด็กที่โตเกินวัยเสียจนน่าเจ็บปวดใจ…
นี่เป็นผู้ใดกัน?
เนื่องจากเขาทำให้ข้ารู้สึกกระวนกระวายและเกิดฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน หรือว่าเขาคือผู้ที่เคยเผชิญกับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ?
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สนใจในทันที และส่งข้อความเสียงหนึ่งดังเข้าไปในหูของเด็กหนุ่มผู้นั้นว่า “เจ้าเป็นผู้ใดกัน?”
เด็กหนุ่มตะลึงงันและมองไปรอบๆ
หลี่ฉางโซ่วส่งข้อความเสียงไปอีกครั้งหนึ่งว่า “ไม่ต้องมองหาไป ข้าอยู่บนภูเขา และใช้วิชาเวทพูดคุยกับเจ้าอยู่”
เด็กหนุ่มตื่นตกใจมาก เขารีบลุกขึ้นยืน แล้วคุกเข่าลงที่ประตูสำนัก พร้อมกับตะโกนลั่น “ข้า… ข้าชื่อหลี่จิ้ง! ข้าเป็นมนุษย์มาจากดินแดนเทวะทักษิณ! บ้านเกิดของข้าถูกเหล่าปีศาจรุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ข้าขอให้ท่านโปรดช่วยสอนเวทเต๋าและวิชาเซียนให้ข้าเพื่อให้ข้าได้ปกป้องความสงบสุขในบ้านเกิดของข้าด้วยเถิดขอรับ!”
หลี่จิ้ง?
ใช่ มันไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กคนนี้ รองเท้าผ้าที่เท้าซึ่งเขาสวมอยู่ก็ขาด และในกระเป๋าของเขาก็มีรองเท้าผ้าพื้นขาดเป็นรูอยู่สองสามคู่ เขามีระดับฐานพลังขอบเขตหลอมรวมปราณ ดังนั้นเขาน่าจะมาจากดินแดนเทวะทักษิณโดยตรง
น่าเสียดายที่คุณสมบัติของเขาไม่ค่อยดีนัก ทางสำนักคงจะไม่… ยอมรับเขา…
เดี๋ยวนะ สหายผู้นี้มีชื่อว่าอะไรนะ?
หลี่!
หลี่ฉางโซ่วที่กำลังจิบชา ทันใดนั้นก็หันศีรษะแล้วพ่นน้ำพรวดพราดออกไปเต็มปากในขณะที่หลิงเอ๋อร์ไม่ทันตั้งตัว นางจึงทำได้เพียงหลับตาปี๋และอดทนต่อการโจมตีฉับพลันของเทพวารี
………………………………………………………………..
[1] หรือลูกบอลแพรปักเป็นลูกกลมที่ทำจากผ้าไหมหรือของประดับรูปทรงกลมที่ทำด้วยแพรลายดอกประเภทหนึ่ง ถือเป็นสัญลักษณ์มงคลชนิดหนึ่งของจีน
[2] คนทรยศ
[3] ตามความเชื่อ เทพธรรมบาลทั้งยี่สิบสี่จะทรงทำหน้าที่พิทักษ์ศาสนสถาน ต้าสยฺงเป่าเตี้ยน หรือมหาวีระวิหารตามธรรมเนียมนิกายมหายาน (คือพระอุโบสถใหญ่) อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้า ซึ่งเรียกพระนามพระพุทธเจ้าว่า “มหาวีระ” หรือ ต้าสยฺง โดยจะใช้พระนามเทพธรรมบาลตามการเรียกขานของจีนและพระนามอื่นๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยตามลำดับการบูชาเทพคือ กงเต๋อเทียน (หรือรู้จักในนามพระแม่ลักษมี), เปี้ยนไฉเทียน (พระแม่สุรัสวดี), ต้าฟ่านเทียน (พระพรหม), ตี้ฉื้อเทียน (พระอินทร์), ต้าเทียนหวังทั้งสี่ (จาตุมหาราชิกาหรือจตุโลกบาลมี จ้าวคนธรรพ์ – ปกปักษ์ทิศตะวันออก, จ้าววิรุฬหกหรือกุมภัณฑ์ – ทิศใต้, จ้าววิรูปักษ์หรือนาคราชา–ทิศตะวันตก, ท้าวเวสสุวรรณ หรือจ้าวแห่งยักษ์–ทิศเหนือ), เทพสุริยา, เทพจันทรา, เทพวัชรปาณีคุยหปติ (เทพปราบมาร ทรงเป็นเทพผู้เป็นเจ้าแห่งความลึกลับซึ่งในพระธรรมสูตรกล่าวว่า ท่านทรงเป็นผู้ล่วงรู้ความลับของพระพุทธเจ้าทั้งปวง หรืออีกนัยก็คือ อีกปางหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ทรงล่วงรู้ความลับต่างๆ ของพระองค์เอง), โหมวเชียนโฉว่หลัวเทียน (พระอิศวร หรือเทพปราบอธรรม), ส่านจื้อต้าเจี้ยง (ขุนพลปัญจิกายักษ์), เหวยถวอเทียน (พระเวทโพธิสัตว์ หรือ มหาเทพเทพสงคราม), พระนางวสุนธาราโพธิสัตว์ (พระแม่ธรณี), ผูถีชู่เสิ่น (เทพีแห่งต้นโพธิ์ หรือพระโพธิทรุมพฤกษเทวี), พระแม่หารีติ (เทพมารดาปีศาจ หรือยักษิณีอุ้มบุตร), โหมวลี่ฉือเทียน (พระโพธิสัตว์แห่งแสง หรือพระแม่มารีจิ หรือพระอุษาเทวี), ราชามังกรวัชร (ท้าวสาครนาคราช), ราชายมราช (จ้าวแห่งแดนยมโลก), ราชากินนร (เทพอัคนี), จือเว่ยต้าตี้ (ดาราเทพ หรือเทพนักษัตร หรือเทพดาวเหนือ), ตงเยว่ต้าตี้ (ตรัยตรึงส์เทพ หรือจ้าวพ่อเขาไท่ – ทรงปกปักษ์เขาไท่ หรือที่เรียกว่าไท่ซาน), และเทพสายฟ้า