ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 58.2 ดินแดนมนุษย์ช่างเต็มไปด้วย…กลอุบายร้ายกาจจริงๆ (2)
- Home
- ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว
- ตอนที่ 58.2 ดินแดนมนุษย์ช่างเต็มไปด้วย…กลอุบายร้ายกาจจริงๆ (2)
ไม่กี่เดือนต่อมา บนทุ่งหญ้า
ตลอดทางหลี่ฉางโซ่วที่รีบเร่งเดินทางก็พบว่าสำนักบำเพ็ญประจิมไม่ได้ไล่ตามเขา และในที่สุดหลี่ฉางโซ่วผู้เร่ร่อนไปทั่วดินแดนมนุษย์มาครั้งหนึ่งแล้ว ก็กลับมายังสถานที่แห่งนี้
หลังจากสร้างถ้ำดินเรียบง่ายข้างหลุมศพของบิดามารดาของเขาแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็พักอยู่ที่นั่นชั่วคราว
แม้ดินแดนมนุษย์จะมีลมปราณขุ่นมัวมาก แต่เขาก็ไม่คิดจะปรับปรุงการฝึกบำเพ็ญของเขา ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายที่จะอยู่ที่นั่นชั่วคราว
ความจริงแล้วเขาไม่ควรรีบร้อนเดินอยู่ในดินแดนมนุษย์ที่มีภูมิทัศน์งดงาม แต่เขากลัวว่าสำนักบำเพ็ญประจิมจะพบเขาจึงต้องระวังตัวตลอดเวลา
เทือกเขาในดินแดนเทวะทักษิณอันกว้างใหญ่นั้นสวยงามพร้อมด้วยแม่น้ำที่เชี่ยวกราก แต่ก็ไม่มีทิวทัศน์สวยงามที่จะทำให้เขาหยุดใช้เวทหลบหนีของเขาเพื่อชื่นชมมันได้
มีชนเผ่าจากเมืองต่างๆ นับไม่ถ้วนได้สร้างวัฒนธรรมมากมายนับไม่ถ้วนตลอดเวลาหลายปียาวนานที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีชนเผ่าใดที่ทำให้เขามองย้อนกลับไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
ข้าแสวงหาอายุยืนยาวและไม่ชื่นชมความรักในดินแดนมนุษย์
ขณะที่กำลังนั่งท่าดอกบัวอยู่ในถ้ำดินนั้น จิตใจของหลี่ฉางโซ่วว่างเปล่า เขาหยั่งรู้เต๋าของตัวเขาเองและครุ่นคิดถึงวิธีการควบคุมพลังของเพลิงสมาธิแท้
แก่นแท้ไฟของเพลิงสมาธิแท้ ถูกจุดไฟด้วยลมปราณ แก่นร่าง และจิตวิญญาณของเขา ซึ่งโดยหลักการแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะลดพลังเพลิงสมาธิแท้ลงได้
แต่เขาสามารถเปลี่ยนวิธีคิดได้
ตัวอย่างเช่น หลังจากกลับไปที่ภูเขาในสำนักแล้ว เขาก็สามารถขอความช่วยเหลือจากหลันหลิงเอ๋อร์เพื่อให้นางใช้ลมปราณ แก่นร่าง และจิตวิญญาณสร้างส่วนประกอบของแก่นแท้ไฟ จากนั้นเขาก็จะรวมพวกมันเข้ากับแก่นแท้ไฟด้วยตัวเขาเองและเก็บไว้ในร่างกายของเขาได้
ทว่าฐานการฝึกฝนของหลันหลิงเอ๋อร์ยังไม่ลึกซึ้งและยังไปไม่ถึงขอบเขตคืนกลับอนัตตา ดังนั้นแก่นแท้ไฟที่สร้างขึ้นมาจะอ่อนกำลังเกินไป
แข็งแกร่งเกินไปหรืออ่อนแอเกินไปย่อมไม่ดีทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำให้สุขภาพของหลิงเอ๋อร์ย่ำแย่ลงได้ง่ายอีกด้วย
แล้วด้วยเพียงปลายนิ้วหมุนไปมา ก็มีเพลิงสมาธิแท้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยบนฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นเขาก็เริ่มคิดหาวิธีอื่นๆ
ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ใช้เวลาสองสามวันเพื่อทำความเข้าใจและหาวิธีแก้ปัญหา
เขาก็แค่ไม่ใช้มัน
แค่กๆ ข้าก็แค่ใช้ลมปราณเพลิงเท่านั้น
เขาจะใช้พลังของปราณวิญญาณภายในลมปราณเพลิงเพื่อจำลองความผันผวนของวิญญาณเพลิงและแก่นเพลิง ในเวลานี้แม้พลังลมปราณเพลิงของเขาเพียงอย่างเดียวจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นมากมายจนเกินไป
ชีวิตก็เป็นเยี่ยงนี้ ยากที่จะสมบูรณ์แบบ
วิธีการเพิ่มพูนพลังของเขา การปกปิดลมปราณของเขา และการจำลองลมปราณของเขาจะสามารถหลอกลวงเหล่าผู้อาวุโสที่มีขอบเขตพลังสูงกว่าได้ แต่มันยังมีข้อบกพร่องเล็กน้อยกับเพลิงสมาธิแท้
เมื่อกลับไปแล้ว เขาต้องระวังและใส่ใจในเรื่องนี้ตลอดเวลา
เวลานี้ เมื่อเซียนเสิ่นจับข้อมือของเขา แม้อีกฝ่ายจะจงใจตรวจสอบ แต่ก็ยังยากที่จะมองเห็นขอบเขตพลังที่แท้จริงของเขาได้
โรคกระตุกเมื่อเขาสัมผัสผู้หญิงยังสามารถพบโอกาสที่จะฟื้นตัว
การเดินทางในดินแดนมนุษย์ครั้งนี้ หลี่ฉางโซ่วยังได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บางอย่างอยู่บ้าง
หากกล่าวถึงการได้บุญ ก็ดูเหมือนว่า การเกี่ยวข้องในการสร้างบางอย่างให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์จะให้ผลบุญด้วยเช่นกัน
เขาลูบคางขณะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก็ปฏิเสธความคิดนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ยังมีโอกาสอีกค่อนข้างมากที่จะได้รับบุญในหมู่มนุษย์ เช่น ในด้านการแพทย์และเครื่องมือในการผลิต
ทว่าข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการทำเช่นนั้นได้ก็คือ เขาต้องมีพลังเพียงพอ
ด้วยการสะสมของเขาเองในเวลานี้ ทันทีที่ได้รับบุญใหญ่หรือมีปรากฏการณ์ผิดปกติจากเต๋าสวรรค์ เขาก็จะเป็นที่รู้จักของปราชญ์เทพทั้งหกอย่างแน่นอน
ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับตัวเขาเองคือ บรรพเทพาจารย์จะมองทะลุผ่านเขา จากนั้นพวกเขาก็จะดึงวิญญาณของเขาไปตรวจสอบ…
ข้าควรจะฝึกฝนตรงๆ เท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบาๆ ในใจ แล้วขจัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ นานาเหล่านี้ออกไป
อยู่นิ่งๆ จะได้สบายใจ…
ข้าจะไป?
หมายถึงอันใดกัน
แล้วจู่ๆ ก็มีภาพเลือนรางต่างๆ และความรู้สึกคลุมเครือพลันปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉางโซ่ว
ในภาพนั้น มีกลุ่มบุรุษและสตรีที่แข็งแกร่งกำลัง…คุกเข่าอธิษฐานขอพรแทบเท้าของเขา?
ทันใดนั้นเขาก็รีบนับนิ้วทำนายอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าเขาก็ตกตะลึงพร้อมกับรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันที
อันใดกัน
หมู่บ้านสงสร้างรูปปั้นของเขาและบูชาเขาอย่างจริงใจในฐานะเทพแห่งท้องทะเลหรือนี่
เต๋าสวรรค์เป็นนิรันดร์ในตัวเองโดยธรรมชาติ แล้วเวลานี้เขาได้รับเครื่องสักการะด้วยหรือ
ดูเหมือนจะไม่มีการบังคับใช่หรือไม่
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะพลางยิ้มแหย เมื่อแรกนั้น เขาไม่ได้กังวลในเรื่องนี้มากนัก
เพราะมันเป็นเพียงหมู่บ้านที่มีเพียงกลุ่มคนนับพันคนเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาสร้างเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ไม่ถูกต้อง และเมื่อเวลาผ่านไปสักสองสามเดือน แล้วพบว่ามันไม่มีผลใดๆ พวกเขาก็จะเลิกเคารพบูชาไปเองโดยธรรมชาติ
และเขาก็จะไม่ได้รับกรรมจากเรื่องนี้มากนัก
ทว่าในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักว่าสิ่งต่างๆ หาใช่เรื่องง่ายดายเช่นนั้นไม่
บัดนี้เขาเทียบเท่ากับการแข่งขันกับสำนักบำเพ็ญประจิมที่รับเครื่องสักการะเพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่
หากปราชญ์เทพแดนประจิมสัมผัสได้ และพวกเขานับนิ้วทำนายดู…
ไม่ได้แล้ว ข้าต้องรีบกลับไปที่สำนักตู้เซียนและกลับไปยังดินแดนของบรรพชนไท่ชิง!
เมื่อมีท่านผู้อาวุโสอยู่บนนั้น เขาก็ไม่ต้องกลัวศิษย์ในนามสองคนที่เที่ยวล้างสมองและบ่อนทำลายบรรดาผู้คน!
ในบรรดาปราชญ์เทพทั้งหก มีเพียงสามเทพาจารย์ และเทพีหนี่วาเท่านั้นที่ถือว่าเป็นบรรพชนผู้สืบทอดแห่งเต๋า
แน่นอนว่า มันไม่น่าเป็นไปได้ที่บรรพชนไท่ชิงจะไปที่สำนักตู้เซียน
แต่ตราบใดที่สำนักบำเพ็ญประจิมมีความกลัว นั้นก็ย่อมเพียงพอแล้ว
หลี่ฉางโซ่วตื่นตัวระแวดระวังทันที แล้วหายเข้าไปในถ้ำดินฉับพลันเพื่อมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทวะอุดร
การเดินทางครั้งนี้เร็วกว่าในยามที่เขามามากนักขณะที่ความตื่นเต้นในระหว่างทางก็น้อยลงมากเช่นกัน
บางครั้งคราว เขาก็จะมองดูสัตว์วิญญาณผ่านๆ ไป ได้ยินเพลงอภิบาลของเด็กๆ และได้เห็นคู่สามีภรรยากำลังเก็บของมีค่าวิ่งหนีขณะที่ถูกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งไล่ตาม และการเดินทางอย่างต่อเนื่องนั้น ก็ยังคงเห็นการต่อสู้ไม่หยุด
เมื่อหลี่ฉางโซ่วออกจากดินแดนเทวะทักษิณ และเข้าสู่ดินแดนเทวะอุดรแล้ว เขาก็เดินทางสำรวจไปด้วยดีในขณะรีบปรี่ไปที่สำนักตู้เซียน
สองวันต่อมา เมื่อยังเหลืออีกสองหมื่นลี้ก่อนจะถึงสำนักตู้เซียน หลี่ฉางโซ่วก็จงใจชะลอความเร็วในการใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อให้ถึงขีดจำกัดของการเป็นศิษย์ในขอบเขตพลังคืนกลับอนัตตาขั้นสาม และค่อยๆ เข้าใกล้เขาสำนักเซียนของเขาเอง
และเมื่อเข้าสู่ช่วงระยะสองพันลี้ ในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นับเป็นพรอันยิ่งใหญ่ในชีวิตจริงๆ ที่เขาได้รับการคุ้มครองจากสำนักเซียนแห่งหนึ่ง!
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วบอกว่าเขาขอกลับบ้านเพื่อไปเฝ้าดูแลหลุมฝังศพของบิดามารดาของเขา ซึ่งหากเขาไม่อาจอยู่ได้ถึงสามปี เกรงว่าเขาคงจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาและดึงดูดความสนใจของผู้สังเกตการณ์เมื่อกลับไปถึงสำนักอย่างแน่นอน
ความผิดปกติย่อมไม่ใช่เรื่องดี และศิษย์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาเพื่อสนุกอยู่ในดินแดนมนุษย์ต่อไปอีกสองปี
ในที่สุดก็ได้สงบสุขอยู่ในที่แห่งนี้เสียที
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พบที่หลบภัยบนภูเขาใกล้กับเหมืองวิญญาณของสำนักตู้เซียน และคิดจะซ่อนตัวเพื่อบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองปีก่อนจะกลับไปที่ภูเขาของเขา
โลกบรรพกาลช่างร้ายกาจจริงๆ!
ใจมนุษย์ซับซ้อนสุดหยั่งยิ่ง!
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรหมู่บ้านสงเลย แต่พวกเขาก็บูชาเขาซึ่งบีบให้เขาต้องแข่งขันกับสำนักบำเพ็ญประจิมเพื่อรับเครื่องสักการะ!
บัดนี้เขารอดพ้นการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว และต้องใช้ความคิดที่จะอยู่บนภูเขาโดยไม่ออกไปที่ใด!
ดินแดนมนุษย์นั้นอันตราย และไร้ความสงบสุข!
หากเขาได้ไปเตร็ดเตร่อีกครั้ง เขาจะแค่…
อืม สัตย์สาบานแห่งโลกบรรพกาลนั้นมีผลเที่ยงตรงยิ่ง และเขาไม่อาจเอ่ยถ้อยคำจากใจได้ส่งเดช
……
“ศิษย์พี่!”
ใต้ต้นหลิวริมทะเลสาบ จู่ๆ หลันหลิงเอ๋อร์ก็ลืมตาพร้อมกับหายใจแรงขึ้นในขณะที่กำลังนั่งสมาธิในชุดฝึกหลวมๆ ของนาง
“เป็นเพียงความฝัน”
หลันหลิงเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ นางเผลอหลับไปขณะนั่งสมาธิอยู่ และฝันว่าศิษย์พี่ของนางถูกกลุ่มคนประหลาดที่แข็งแกร่งจับเอาไว้ เกิดเหตุวุ่นวายมาก และศิษย์พี่ของนางก็กำลังจะถูกตรึงเอาไว้บนพื้น
โชคยังดีที่นางสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่เข้ามาจากภายนอกแล้วตื่นขึ้นจากความฝัน
หือ?
หลันหลิงเอ๋อร์เงยหน้ามองขึ้นไปยังร่างที่นางสัมผัสได้ นั่นเป็นศิษย์พี่หญิงที่นางคุ้นเคยทว่าไม่ค่อยรู้จักนัก นางกำลังล่องลอยไปบนเมฆและเดินไปรอบๆ ยอดเขาหยกน้อย และดูเหมือนว่านางลังเลที่จะเข้าสู่ค่ายกลแยกตัว
…………………………………………………………